โหยสวาท

24.0K · จบแล้ว
Xmaniac
24
บท
20.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เริ่มต้นด้วยความใคร่ หากจบลงด้วยดวงใจอันอบอุ่น.. EX : “ กลับมาทำไม ที่นี่มันต่ำ ผมก็ต่ำ คุณไม่ควรกลับมาเหยียบที่นี่อีก ” คำพูดประชดประชันและสายตาดุดันนั่นมันควรจะทำให้เธอละอาย โกรธ หรืออะไรก็ตามทีแล้วหันหลังกลับ ทว่าแปลกนัก ที่เธอกลับยิ่งหัวใจเต้นแรงกับอาการไม่สนใจที่เขาแสดงออก รู้สึกท้าทายยิ่งนัก อาจเป็นเพราะพิษสุราขวดละเกือบสองพันที่เธอทิ้งเอาไว้ตรงชายหาดนั่นก็เป็นได้ที่ทำให้เธอบ้าถึงกับเดินมาที่นี่ “ ฉันผิดไปแล้ว ขอโทษ ” เธอพูดสั้น ๆ แต่สายตาไม่ได้แสดงอาการว่าสำนึกผิดประการใด แต่มันกลับกวาดมองเขาอย่างกระหายหิวปิดไม่มิด เขาไม่สวมเสื้อ อกแกร่งกำยำไปด้วยมัดกล้ามที่ลอนกล้ามนูนหนั่นไปทั่วทั้งท่อนแขน เรียงตัวสวยอยู่บนหน้าท้องเครียดครัดก่อนจะลับหายลงไปยังขอบกางเกงยีนที่เจ้าตัวปลดตะขอไว้ ซิปรูดลงอัตโนมัติและอ้าออกนิด ๆ เปิดเปลือยให้เห็นไรขนสีเข้มที่รกหนาขึ้นเมื่อยิ่งต่ำลง ตรงเป้ากางเกงมีบางสิ่งนูนตุงเห็นเป็นรูปลำ ยาวใหญ่ มือข้างหนึ่งของเขาเอื้อมไปรูดซิปลงจนสุด เขาไม่ได้สวมชั้นใน ! ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ปากสวยอ้าหวอ เมื่อบางสิ่งที่เห็นเลือนรางผ่านอาภรณ์ห่อหุ้ม บัดนี้มันเป็นอิสระและดีดผึงออกมาท้าทายอยู่ตรงนั้น “ ทีนี้เชื่อหรือยังว่าคุณไม่มีทางลืมผมได้ ” เสียงห้าวเอ่ยกลั้วหัวเราะเย้ยหยัน ให้ตายเหอะ ไอ้เสียงสาก ๆ แหบพร่านั้นมันยิ่งทำให้เธอร้อนเร่า มือใหญ่เอื้อมไปคว้าท่อนเนื้อใหญ่โตของตนแล้วรูดหนังหุ้มปลายเปิดเปลือยลงให้เห็นส่วนหัวลำเบ่งบานราวดอกเห็ดสีชมพูเข้ม ก่อนจะกำมันไว้เต็มกำมือแล้วรูดขึ้นรูดลงช้า ๆ พลางเอ่ยเชิญชวน “ มาสิ อยากทำอะไรก็มาทำ เลีย อม ดูด หรือขี่ดี ที่รัก ”

นิยายรักโรแมนติก

ดื่มให้กับชีวิตบัดซบ !

ณ ริมหาดทรายบนเกาะแห่งหนึ่งในคืนเดือนมืดจันทร์เสี้ยวเคลื่อนคล้อยเกือบใกล้กลางแผ่นฟ้า ดาราดวงน้อยมีโอกาสได้ฉายแสงระยิบระยับเมื่อจันทร์อับแสง เป็นคืนค่ำที่แม้ไม่สว่างไสวแต่ก็งดงามยิ่งนัก

“ เฮงซวยเอ๊ย ! ”

เสียงหนึ่งแผดก้องผ่าบรรยากาศงดงามอันมีธรรมชาติรังสรรค์ หญิงสาวคนหนึ่งยืนกรีดร้องอยู่ริมหาดเพียงลำพังในเวลาใกล้เที่ยงคืน เธอร่ำไห้พลางยีศีรษะตัวเองจนผมเผ้า ยุ่งเหยิง ทิ้งตัวลงเกลือกกลิ้งกับผืนทราย เกลียวคลื่นซัดสาดเข้าหาระลอกแล้วระลอกเล่าแล้วก็จากไป แต่ก็ไม่สามารถพัดพาความโศกเศร้าอาดูรให้จางหายเสียที

ลัลรตา คือชื่อของเธอ หญิงสาววัยเบญจเพสที่โคตรตระหนักดีเลยว่าอาถรรพ์เบญจเพสมันมีอยู่จริง

เริ่มต้นปีมาที่ต้องเสียแม่ไปด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตกกะทันหัน ตามด้วยอาชีพแอร์โฮสเตสที่กำลังรุ่งโรจน์ให้ทั้งเงินและเป็นหน้าเป็นตาได้นั้นกลับดับวูบกะทันหันด้วยสายการบินปลดพนักงานออกเพราะพิษเศรษฐกิจจากโควิด สุดท้ายตามมาติด ๆ หลังตกงานหนึ่งอาทิตย์ คือเปิดประตูห้องของเปรมวิชย์ ชายคนรักที่คบหาดูใจกันมากว่าสามปีเข้าไป พบว่าเขากำลังประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะแลกเปลี่ยนของเหลวกันอย่างดุเดือดอยู่กับเจ้านายวัยสี่สิบปลายของเขา บนเตียงที่เขาและเธอนอนกอดกันอยู่บ่อย ๆ เมื่อยื่นคำขาดให้เขาเลือก คำตอบของเขาคือ

“ เปรมขอเลือกพี่นานะลัล บอกตรง ๆ ว่ามองอนาคตกับลัลไม่เห็นเลย ”

มันทำให้ลัลรตาช็อกเหลือเกิน นึกไม่ถึงว่าชายคนเดียวที่ฝากชีวิตและจิตใจเอาไว้จะทรยศหักหลังกันได้เจ็บแสบเพียงนี้ ทีเมื่อก่อนล่ะแสนหวาน พอเธอตกงานเข้าหน่อยบอกมองไม่เห็นอนาคต

“ พวกเหี้ย สารเลว เลว เลววววว ! ”

เธอกรีดร้องสบถด่าออกไปหลายต่อหลายครั้งเพื่อหวังให้มันได้ระบายออก เบียร์ที่ปกติไม่เคยดื่ม กาแฟเธอก็ไม่แตะด้วยว่ารักสุขภาพ แต่วันนี้เธอหิ้วมาเบียร์มากหกกระป๋อง กระดกมันไปเสียสอง สำหรับคนไม่ดื่มแค่นั้นก็เมาฉิบหายแล้ว

ดื่มให้กับชีวิตบัดซบ !

มันสุดจะทนเหลือเกิน เคราะห์ดีที่ตอนทำงานอยู่พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง คงจะต้องหาธุรกิจอะไรทำเล็ก ๆ แต่คนติดหรูหยิบโหย่งอย่างลัลรตานั้น ครั้นจะให้ไปซื้อแฟรนไชส์ขนมจีบซาลาเปาหรือย่างหมูปิ้งนมสดขายก็ใช่ที่ มันจะทำให้เสียหน้า เสียภาพลักษณ์แอร์โฮสเตสหมด ถึงแม้ตอนนี้มันจะเป็นอดีตไปแล้วก็เถอะ

สิ่งเดียวที่ทำได้และลัลรตาหวังจะให้บรรเทาความซวยที่สาดซัดเข้าใส่ราวลูกกระสุนให้เบาบางลงบ้าง นั่นคือการไปท่องเที่ยวปลดปล่อยอารมณ์ตามลำพัง

เธอกำพร้าพ่อตั้งแต่เด็ก ตอนนี้แม่ก็มาจากไป ความที่เป็นสาวมั่น อีโก้สูงปรี๊ด ทำให้เธอไม่มีเพื่อนแท้ในชีวิตแม้สักคนเดียว เพื่อนร่วมงานก็มีแต่พวกหน้าไหว้หลังหลอก ต่อหน้ายิ้มหวาน ลับหลังเผาจนไหม้เกรียม

ไปคนเดียวก็ได้วะ !

เบียร์กระป๋องที่สามถูกเปิด ลัลรตากระดกเข้าปากแล้วเดินเลาะเรียบไปแถวชายฝั่งอันสงบเงียบและทอดยาวไปเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ปลดปล่อยความเศร้าโศกโกรธขึ้งผิดหวังประดังประเดให้ล่องลอยไปกับเสียงซัดซ่าของเกลียวคลื่น

พลันหูก็ได้ยินเสียงเพลงพลิ้วแผ่วล่องลอยมาตามสายลม ฟังออกว่าเป็นเพลงไทย แต่เพลงอะไรนั้นเธอไม่รู้จัก รู้แต่ว่าท่วงทำนองกีต้าร์อะคูสติกและเสียงทุ้มสากนิด ๆ ที่ร้องคลอไปด้วยนั้นมันทำให้หัวใจอันแห้งผากชุ่มชื้นขึ้นทันตาเห็น

เท้าที่พยุงร่างกายให้เดินไปข้างหน้าอาจจะปัดเป๋โซเซ ไปบ้าง แต่สุดท้ายแล้วมันก็พาเธอเลี้ยวพ้นแนวทิวไม้ที่ตัดแต่งเอาไว้อย่างสวยงามที่รีสอร์ทที่พัก เผยให้เห็นเจ้าของบทเพลงที่ส่งมันลอยไปร่ายมนต์จนเธอต้องตามมาให้เห็นกับตา

ภาพชายร่างสูงใหญ่เปลือยท่อนบน แผงอกแน่นหนั่น ไปด้วยมัดกล้าม สวมกางเกงเลแบบผูกสีดำนั่งอยู่บนโขดหินใหญ่ที่ใช้ต่างเก้าอี้ บนตักมีกีตาร์ที่นิ้วเรียวยาวพลิ้วไหวบรรเลงเพลง ตวัดสายตาไปมองมุมบนก็เจอใบหน้ายาวได้รูป คิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่ง ริมฝีปากหยักสวยพร่ำร้องคลอเบา ๆ ทั้งหมดทั้งมวลนั้นมีเพียงแสงไฟธรรมชาติจากดวงดาวและจันทราบางเบาสาดกระทบให้เห็นเพียงสลัวราง ราวกับไฟสปอร์ตไลท์เจือจางที่ส่องจากฉากหลังของการแสดงบนเวที