บทที่ 1 เขาซื้อเธอมา 50%
บทที่ 1
เขาซื้อเธอมา
“แม่จ๋า อย่าทำกับหนูอย่างนี้” เสียงคร่ำครวญจากเด็กสาวร่างเล็ก ไม่ได้ทำให้สาวใหญ่วัยสี่สิบปลายใจอ่อนเลยแม้แต่น้อย ยังคงลากผู้ที่มีศักดิ์เป็นลูกเลี้ยงเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ซึ่งมีสตรีผอมสูงนั่งรออยู่บนโซฟา
“ไหนล่ะมาลัย เงินที่เธอต้องคืนฉัน” พรทิพาถามเสียงเรียบ
“ไม่มีเงินหรอกค่ะ” มาลัยผลักเด็กสาวจนล้มลงกองที่พื้น “ฉันยกเด็กคนนี้ให้แทนเงินต้นเงินดอกค่ะ จะเอาเป็นคนรับใช้หรืออะไรก็ตามใจ”
พรทิพาชักสีหน้าไม่พอใจ
“เธอติดหนี้ฉันสามแสนนะ ถึงกำหนดก็ต้องคืนเงิน ไม่ใช่เอาเด็กมาให้เป็นภาระฉันอีก”
“โอ๊ย มันไม่เป็นภาระหรอกค่ะ มันทำงานบ้านเก่ง กับข้าวก็ทำอร่อย ได้มันไปทำงานให้ฟรีๆ ถือว่าคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มอีกค่ะ ไม่ต้องให้เงินเดือนมันหรอก ให้มันกินข้าวกันอดตายไปวันๆ ก็พอ”
ฉันท์ชนกได้ยินแล้วสะอื้น สูดน้ำมูกฟืดฟาด ในตอนนี้ใบหน้าเธอคงมอมแมมไม่ต่างจากเด็กกะโปโล ดวงตาแดงช้ำมองแม่เลี้ยงอย่างผิดหวัง
ตั้งแต่แม่เธอตายไป พ่อก็มีเมียใหม่คือมาลัย...ซึ่งไม่ยอมหยิบจับทำงานอะไรเลย นอกจากผลาญเงินเล่นไปวันๆ จนเงินเก็บที่พ่อและแม่สร้างมาเริ่มร่อยหรอลงไปทุกที สุดท้ายพ่อก็เครียดจัดจนล้มป่วย แล้วไม่รู้ว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรนักหนา พ่อเป็นโรคร้ายและเสียชีวิตภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ทิ้งเธอให้อยู่กับแม่เลี้ยงที่ไม่เคยรักเธอเลย
เธอโดนบังคับให้เลิกเรียนทันทีที่จบ ม.3 ต้องมีหน้าที่ทำงานบ้านทุกอย่างให้มาลัยที่เอาแต่เล่นพนันไปวันๆ และท้ายที่สุดก็พาเธอมาที่นี่...ยกเธอให้คนอื่นง่ายๆ ทำอย่างกับว่าเธอเป็นเพียงลูกหมาตัวหนึ่งเท่านั้น
“มีอะไรกันครับคุณแม่” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ก่อนร่างสูงใหญ่ใน ชุดสูทสีดำสนิทจะก้าวเข้ามาในห้องโถง แวบแรกที่เด็กสาวเงยหน้าขึ้นเห็นเขา เธอบอกได้เลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดูภูมิฐานและรูปหล่อมาก แต่ก็คงจะอายุมากกว่าเธอหลายปี โดยเฉพาะสายตาคมกริบคู่นั้น บ่งบอกว่าผ่านประสบการณ์อะไรมามากมาย
“มาลัยเขาติดหนี้แม่สามแสน ไม่ยอมจ่ายสักที ถึงเวลาให้ดอกก็ไม่ให้ บ่ายเบี่ยงไปเรื่อย แม่ก็ไม่อยากมีปัญหา แต่ก็ไม่ยอมให้หนี้สูญหรอกนะ จะใช้กฎหมายเอาผิดเขา เขาบอกว่าวันนี้จะมาจ่ายหนี้ให้ แต่ก็พาเด็กคนนี้มาให้แทนเงิน ธรก็ลองคิดดูสิ...ไม่ให้เงิน แต่เอาคนมาให้เป็นภาระเราเพิ่ม”
ชายหนุ่มพินิจมองร่างบางที่นั่งตัวสั่นระริกอยู่บนพื้น เธอดูผอมเหลือเกินในสายตาเขา ผมยุ่งรุงรัง ใบหน้าเลอะคราบน้ำตา ตามแขนขามีแต่รอยเขียวๆ แดงๆ เป็นจ้ำๆ เด็กคนนี้คงผ่านความทรงจำอันเลวร้ายมาไม่ใช่น้อย ถึงได้ไม่เปล่งปลั่งประสาวัยสาวเลย มีแต่ความแห้งแล้ง ซูบซีด โดยเฉพาะในแววตาที่มีหยาดน้ำหล่อรื้นอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าเป็นทุกข์ตรม
“เด็กคนนี้เป็นใครครับ ลูกของคุณเหรอ” เขาถามมาลัย
“ลูกเลี้ยงน่ะค่ะ พอผัวฉันตาย มันก็อยู่กับฉันมาโดยตลอด ตอนนี้มันอายุสิบห้าแล้ว ย่างเข้าสิบหก คุณช่วยรับมันไปทีเถอะค่ะ ฉันคงเลี้ยงมันไม่ไหว”
“คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า” พรทิพาเอ่ยเสียงเย็นชา “ฉันต้องการแค่เงินเท่านั้น บ้านเราไม่ใช่สถานสงเคราะห์จะได้รับอุปการะใคร”
ฉันท์ชนกสะอึกกับประโยคนั้น เธอดูราวขยะเปียกไร้ค่าที่มีแต่คนปฏิเสธไม่อยากได้ เธอห่อเหี่ยว จนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยซ้ำ
อยู่กับแม่เลี้ยง เธอก็ไม่มีความสุข เพราะถ้ามาลัยไม่พอใจอะไรขึ้นมาก็มักลงไม้ลงมือกับเธอเป็นประจำ บางทีต้องไปรับจ้างกรำแดดกรำฝน ดายหญ้า ตัดอ้อย เพื่อหาเงินมาซื้อกับข้าวเข้าบ้าน
จะมาอยู่กับบ้านใหม่หลังนี้ เธอก็คงไม่มีความสุขเหมือนเดิม ใครเล่าจะเมตตาคนจนๆ ที่ไม่มีอะไรเลยอย่างเธอ
“บ้านหลังที่คุณอยู่เป็นบ้านของพ่อเด็กคนนี้ไม่ใช่เหรอ อันที่จริงน่าจะเป็นคุณมากกว่านะครับที่ต้องเป็นฝ่ายออกจากบ้าน” กันต์ธรพูดเสียงเรียบ
มาลัยแสยะยิ้ม “บ้านเป็นของฉันค่ะ เป็นชื่อฉัน ฉันมีสิทธิ์ ทุกอย่าง”
ฉันท์ชนกหลุบเปลือกตาลงมองมือตัวเองเพราะกลัวว่าใครจะเห็นความเสียใจที่ฉายชัดอยู่ในดวงตาที่มีแต่ความทุกข์ เธอรู้ดีทุกอย่างว่ามาลัยทำตัวน่ารักเสมอเวลาอยู่กับพ่อ ตอนพ่อเจ็บป่วยก็ปรนนิบัติพัดวีไม่ห่าง รวมทั้งเอกสารต่างๆ ในทรัพย์สินมรดก มาลัยก็หลอกให้พ่อเซ็น พ่อก็รักและไว้ใจเมียคนนี้ซะเหลือเกิน ถึงขั้นฝากฝังให้ช่วยดูแลเธอหากพ่อไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว
บางทีเธอก็นึกโกรธพ่อและชิงชังมาลัย ที่ทำให้ชีวิตเธอต้องกลายเป็นแบบนี้
“โอเค ถ้างั้นผมก็พอจะเข้าใจอะไรๆ ขึ้นมาแล้วล่ะ” กันต์ธรควักกระเป๋าเงินออกมาแล้วหยิบธนบัตรปึกหนึ่งโยนใส่หน้ามาลัยโดยไม่คิดจะให้ความเคารพเลยแม้แต่น้อย “นี่เงินห้าหมื่น ผมให้เพิ่มนะ รวมหนี้เก่าด้วยก็สามแสนห้า ถือซะว่าต่อไปนี้เด็กคนนี้ไม่ใช่คนของคุณอีกต่อไป ห้ามมายุ่งเกี่ยวด้วยอีก พรุ่งนี้ผมจะส่งทนายไปบ้านคุณเพื่อให้เซ็นยินยอมและรับรู้ว่าคุณกับเด็กคนนี้ได้ตัดขาดกันแล้วโดยสิ้นเชิง”