๗ เกิดเรื่องจนพานพบ (๔)
“ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ ฉันถูกคุกคาม...ช่วยด้วย...” เธอรีบซ่อนกายอยู่ข้างหลังเขาอย่างรวดเร็ว บอกเสียงสั่นแววตาสิ้นหวังที่เพลิงรพีรู้สึกไม่ชอบเลยสักนิด ดวงตากลมโตที่เคยส่องประกายกลับดับแสงเพียงเพราะคนตรงหน้าเขาเหรอ
ยิ่งอีกฝ่ายวิ่งเข้ามาใกล้เท่าไหร่ มือหนาที่กำหมัดแน่นก็ยิ่งส่งแรงไปมากเท่านั้น เขาง้างหมัดแล้วชกเข้าที่ใบหน้าหล่อจนอีกฝ่ายล้มลงไปกองกับพื้นเพียงแค่หมัดเดียว ชายหนุ่มไม่ได้เจ็บมือสักนิด กีฬาโปรดของเขาคือศิลปะการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นมวยไทย เทควันโด ยูโด คาราเต้ ยิวยิตสูชายหนุ่มก็ผ่านมาหมดแล้ว
ผลั้วะ!
การชกเศษสวะคนหนึ่ง...จึงไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง
“เสียงดังเอะอะอะไรกัน” หญิงสาวที่เข้าไปในบ้านเพื่อจะนำของขวัญมาให้เขาถึงกับรีบลงมาเมื่อได้ยินเสียงโวยวายหน้าบ้าน นภาลดาเข้ามายืนข้างว่าที่คู่หมั้นของตัวเอง แล้วมองไปยังเพชรแพรวาที่สภาพดูไม่จืด ก่อนจ้องไปที่คนถูกชกซึ่งเป็นเพื่อนของน้องสาวที่เห็นหน้ากันบ่อยครั้ง
“เกิดอะไรขึ้นคะ” นภานรีสร่างเมาแล้วลุกจากโซฟาออกมาดู พอเห็นว่าคนที่นั่งนิ่งอยู่กับพื้นเป็นใครก็เบิกตากว้าง รีบเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“ณพล!!” คนที่แอบรักมาตลอดสับสนไปหมดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ยังเข้าไปประคองชายหนุ่มให้ลุกยืน
นภานรีออกจากงานเลี้ยงต้อนรับเพลิงรพีแล้วไปดื่มต่อกับเพื่อน แล้วอีกฝ่ายก็อาสามาส่งที่บ้าน เธอนึกว่าเขากลับไปแล้วเสียอีก ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะยังอยู่ที่นี่ แล้วเหมือนว่าจะก่อเรื่องเอาไว้แต่ไม่รู้มันเกิดอะไรขึ้น
“แพร แพรเป็นอะไร” นภาลดารีบเข้ามาประคองน้องสาวก่อนจะถามเสียงอ่อนโยน เธอยังคงสะอื้นไห้หวาดผวากับเรื่องที่เจอ ไม่กล้ากระทั่งจะมองไปทางชายหนุ่มที่คิดจะข่มเหงกันด้วยซ้ำ หลบตาไม่กล้าสบแล้วขยับเข้ามาใกล้พี่สาวมากกว่าเดิม
“เขา...เขาเข้ามา...” ทุกคนเงียบเพื่อฟังเธอ ทว่าเพชรแพรวาก็อับอายเกินกว่าจะพูดออกมา สภาพของเธอดูไม่ได้และอ่อนแรงมาก ตัวสั่นด้วยความกลัวจนนภาลดาสัมผัสได้ เพลิงรพีก็เงียบเพื่อรอฟังถึงจะพาเดาเหตุการณ์ออกกลับอยากรู้ว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร
ทั้งที่ปกติเขามักจะไม่สนใจเรื่องของคนอื่น แต่พอเป็นเรื่องของเธอก็เริ่มอยากรู้อยากเห็น ทั้งร้อนระอุในอกยามเห็นน้ำตาเม็ดใหญ่ไหลออกจากดวงตาคู่งาม
“อีนี่มันให้ท่าอยากให้ผมเข้าไปหา ตอนนั้นผมเมาก็เลยตามน้ำไปก่อน ไม่มีอะไรมาก...” ใช้โอกาสที่หญิงสาวไม่กล้าพูดเป็นฝ่ายเริ่มเรื่องก่อน ทำให้เพชรแพรวเงยหน้าจ้องเขาอย่างตกตะลึงในการบิดเบือนความจริง ปากจิ้มลิ้มเผลอค้างควานหาเสียงในลำคอของตัวเอง เพื่อจะตอกกลับแต่ชายหนุ่มที่สวมสูทหรูหรากลับพูดขึ้นมาเสียก่อน
“ผมเพิ่งทราบว่าผู้หญิงที่ให้ท่าจะวิ่งร้องไห้มาขอความช่วยเหลือจากคนอื่น แล้วยังถูกมัดปากเอาไว้อีกด้วย...” ชูผ้าที่ตัวเองเป็นคนแกะออกให้เธอเองกับมือ หากขึ้นโรงขึ้นศาลอย่างไรชายผู้นี้ก็แพ้ แต่เหมือนว่าณพลจะไม่ยอมหยุด
“มันเล่นละครไง!” เรื่องราวชัดจะบานปลายใหญ่โต นภานรีเหมือนจะเชื่อคนในดวงใจจึงมองหล่อนตาขวาง คนถูกกระทำเหมือนไร้ที่พึ่ง รีบหันไปหาพี่สาวที่ตนเองโอบกอดเอาไว้ราวกับเป็นที่พึ่งเดียว
“พี่ลดาช่วยด้วย ช่วยหนูด้วย...” บอกเสียงสั่นด้วยความกลัว เธอร้องไห้อีกครั้งเมื่อเรื่องทั้งหมดจะกลับกลายเป็นเธอที่ผิด
เพลิงรพียืนนิ่งอยากจะแก้ต่างให้ตามที่ตนเห็นและพอจะเดาได้ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องของตนแล้วดูเหมือนนภาลดาจะอยากจัดการเอง ไม่เช่นนั้นคงไม่หันมาบอกเขาเป็นนัยโดยใช้คำขอบคุณแทนการไล่หรอก ชายหนุ่มจึงทำได้แค่พยักหน้ายิ้ม
“ขอบคุณพี่เพลิงมากนะคะที่มาส่ง”
“ครับ” ร่างสูงจำต้องเดินไปขึ้นรถของตน ก่อนจ้องมองหญิงสาวที่ก้มหน้าสะอื้นตัวโยน แล้วค่อยขับออกจากบ้านภัทรเทวาอย่างจำยอม ปล่อยให้คนในบ้านจัดการกันเอง ถึงจะอยากลงโทษผู้ชายคนนั้นมากเพียงไรก็ต้องเก็บเอาไว้
ทว่า...ทำไมเขาถึงรู้สึกเช่นนี้กันล่ะ
เธอเป็นแค่คนไม่รู้จัก ความจริงแทบจะไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนาม เจอกันก็เพียงสองสามครั้งเท่านั้น แต่เหตุใดจึงทำให้คนที่ไม่เคยยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่น ถึงกับออกหน้าแทนได้
เพลิงรพีนึกสงสัยในการกระทำของตัวเอง แล้วปัดความคิดนั้นออกแล้วขับรถเพื่อกลับบ้านพักผ่อน พรุ่งนี้ยังมีงานให้ต้องทำอีก เขาไม่อยากเอาเรื่องไร้สาระมาคิดให้รกสมอง เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้มีค่าหรือสำคัญกับเขา
คนในครอบครัวที่เหลือกลับจากงานพอดีแล้วเห็นว่ามีเรื่อง คุณบุริศร์ประคองมารดาของตนแล้วกวาดสายตามองทั่วบริเวณ ก่อนจะถอนหายใจเสียงหนักเมื่อเห็นตัวต้นเหตุที่ยืนร้องไห้สะอื้นอย่างน่ารำคาญ รู้ได้ในทันทีว่าเรื่องวุ่นวายคงเกิดจากผู้หญิงคนนั้น
ที่เขาไม่อยากนับญาติด้วยสักนิด!
“เข้าไปคุยกันในบ้าน” ประกาศเสียงเข้มแล้วประคองคุณวราลีเข้าไปยังห้องรับแขก
ช่วงดึกที่ควรจะได้พักผ่อน กลับต้องมานั่งฟังเรื่องไร้สาระของผู้หญิงงามหน้า อดีตอัครราชทูตค่อนข้างมีอคติกับลูกสาวที่ไม่ได้เต็มใจให้เกิด ความจริงไม่ได้นับเพชรแพรว่าเป็นลูกเสียด้วยซ้ำ ไม่อยากมองหน้าไม่อยากเข้าใกล้ ความจริงไม่อยากให้อาศัยอยู่บ้านนี้แต่ขัดแม่ตัวเองไม่ได้
“ณพล” ระหว่างเดินไปห้องรับแขก เธอก็เรียกชื่อเพื่อนสนิทของตัวเอง เขาทำตาปริบแล้วพยายามเรียกคะแนนสงสาร
“ฉันไม่ได้ทำอะไรจริงๆ นะนรี” กอดแขนเธอเอาไว้ แล้วหญิงสาวก็พยักหน้าเชื่อทุกคำพูดของชายหนุ่มไม่มีข้อโต้แย้ง
“รู้น่า...ฉันเชื่อนายอยู่แล้ว” ฟังอย่างนั้นก็แอบใจชื้นขึ้นเล็กน้อย
ตอนแรกคิดจะรวบหัวรวบหางแล้วใช้แบล็คเมลเพื่อให้หล่อนยินยอมในครั้งต่อไป ไม่คิดเลยว่าหญิงสาวจะรอดพ้นจนทำให้เขาต้องอยู่ในสภาพนี้ได้ บางทีตนอาจจะคิดน้อยไป หากลากเข้าไปในห้องน่าจะดีกว่านี้
ทุกคนรวมตัวกันอยู่ห้องรับแขก โดยที่นั่งบนโซฟาไม่เว้นกระทั่งณพลผู้สร้างเรื่อง มีเพียงเพชรแพรวาที่นั่งพับเพียบอย่างสงบเสงี่ยมอยู่บนพื้น เธอกลัวกับสายตาของทุกคนที่จ้องมองมา โดยเฉพาะคุณบุริศร์ที่ใช้น้ำเสียงดุดัน คล้ายกับตัดสินไปแล้วว่าคนที่ผิดคือเธอ
“เล่ามาว่ามันเกิดอะไรขึ้น” สายตาทุกคู่ค่อนข้างกดดัน เธอไม่รู้จะมองใครจึงก้มหน้าแล้วพยายามเล่าเรื่องทั้งหมดเท่าที่พอจะมีสติเรียบเรียงได้ หล่อนเองก็ตกใจเหมือนกันและต้องการเวลา แต่เหมือนว่าจะไม่มีโอกาสนั้น
เธอทำได้เพียงสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อรับอารมณ์ คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก็กลัวจนตัวสั่น หลับตาแน่นจนน้ำที่คลอเบ้าไหลเปื้อนแก้ม เนื้อตัวมอมแมมแทบจะดูไม่ได้เพราะนอนกลิ้งอยู่บนพื้น
