บทที่ 5 ลูกค้า
SmatchY
รามิลนั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ไร้วี่แววการตอบกลับของจันทร์เจ้า เธอเงียบหายไปตั้งแต่วันเสาร์ จนถึงตอนนี้ที่เป็นวันจันทร์ ไม่ว่าเขาจะพยายามส่งข้อความไปยังไง ก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย และเพราะแบบนั้น…มันจึงทำให้เขาไม่ชอบใจ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่เลขาวัยสี่สิบจะเดินเข้ามาในห้องทำงานของชายหนุ่มผู้เป็นอมตะ เพียงเดินมาหยุดตรงหน้าเขา มองแวบเดียวก็พอจะเดาออกว่าเขากำลังหัวเสียให้กับอะไรสักอย่าง
“เด็กคนนั้นไม่ตอบข้อความของฉัน” และเพราะเขารู้ว่าเลขากำลังมีคำถาม เขาจึงตอบเธอโดยที่ไม่ต้องรอให้เธอเอ่ยออกมา
“บอสหมายถึงจันทร์เจ้าเหรอคะ?”
“อืม”
“แล้วบอสไปคุยอะไรกับเธอล่ะ?”
“ไม่”
“ถ้าไม่…แล้วเธอจะเมินบอสได้ยังไง?”
“ฉันแค่บอกว่าฉันเป็นใคร” รามิลถอนหายใจ จริงอยู่ที่เขาดำรงอยู่บนโลกใบนี้มานาน แต่การจะทำความเข้าใจมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวที่เขาอ่านใจไม่ออก มันไม่ใช่เรื่องง่ายเอาเสียเลย
“นั่นคือเหตุผล ฉันเดาว่าเด็กสาวคนนั้นคงคิดว่าบอสโกหกเธอ”
“…” ใช่ โซเฟียเดาถูก จันทร์เจ้าบอกว่าเขาโกหกจริงๆ
“ไม่มีใครอยากจะเชื่อหรอกค่ะว่ากำลังคุยอยู่กับคุณรามิลเจ้าของแอปพลิเคชันที่ตัวเองกำลังเล่นอยู่ เธอคงคิดว่าบอสหลอกเธอ”
“เพื่ออะไร?”
“อย่าลืมสิคะว่าบอสยังเป็นคนแปลกหน้าของเธออยู่นะ”
“แล้วต้องทำยังไง…ฉันถึงจะไม่ใช่คนแปลกหน้า?”
“ง่ายๆ เหมือนที่บอสทำกับทุกคนที่ผ่านมา เข้าหาเธอ จีบเธอ ทำให้เธอรัก”
“คนนี้ไม่เหมือนกับทุกคนที่ผ่านมา…มันไม่ง่ายแบบนั้น เพราะฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร”
“งั้นก็ต้องเป็นทางที่เธอเลี่ยงไม่ได้…อย่างการเป็นลูกค้าเธอค่ะ”
“…” รามิลนิ่งคิดในสิ่งที่โซเฟียกำลังนำเสนอ
“จันทร์เจ้า สุขชีวา ตอนนี้อายุยี่สิบสี่ ทำงานแผนก AE อยู่ที่ The Box เอเจนซี่โฆษณา…เราก็แค่ใช้งานออฟฟิศเธอ เจาะจงให้เธอมาดีลงานกับเรา…ฉันคิดว่านั่นคือโอกาสที่ดีมากที่จะทำให้บอสได้เจอกับเธอ…และมันน่าเชื่อถือมากกว่าคุยผ่านแอปแน่นอน แต่เธอใช่คนที่บอสกำลังตามหาอยู่จริงๆ เหรอ?” โซเฟียที่ทำงานให้รามิลมานาน พอจะมองออกว่าเจ้านายของเธอกำลังตามหาอะไร และเขาไม่เคยประสบความสำเร็จ และบ่อยครั้งที่เธอเห็นว่าเขาผิดหวังกับมันแค่ไหน
“ฉันมั่นใจว่าเป็นเธอ…ไม่เคยมีใครเป็นแบบเธอคนนี้”
“ค่ะ…” เลขาสาวเตรียมหันหลังจะเดินออกจากห้องทำงาน ทว่าเสียงของเขาก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“โซเฟีย…”
“คะบอส?”
“เหนื่อยมามากพอแล้ว…ไปพักเถอะ ไปใช้ชีวิตซะ หลังจากนี้ฉันจะจัดการทุกอย่างเอง” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบอกกับเธอแบบนี้
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้เหนื่อย…และถ้าไม่ใช่ฉัน ใครจะมาทำงานให้บอสได้ล่ะ?”
“…”
“การทำงานให้บอสเป็นชีวิตของฉันค่ะ นี่ก็คือการใช้ชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่ง และฉันก็มีความสุขดี” แม้ว่าน้ำเสียงของเธอจะเรียบนิ่ง แต่รามิลรับรู้ได้ผ่านความคิด ว่าเธอ…อยากจะอยู่ทำงานให้เขาแบบนี้จนกว่าจะถึงวันที่เขาได้รับการปลดปล่อย เพื่อเป็นการตอบแทนที่เขาเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้…
- JanJao -
ช่วงพักเที่ยงของวันจันทร์ ฉันกับเพื่อนอีกสามคนจะชอบมากินส้มตำกันที่ท้ายซอยออฟฟิศ ขณะที่กำลังกิน เราทุกคน ต่างคนก็ต่างก้มหน้าเล่นมือถือ ฉันเองก็ทำแบบนั้น ตอนนี้ก็กำลังไล่อ่านข้อความของ R ผู้ชายที่อ้างว่าเป็นคุณรามิล เขาน่ะ…ดูเหมือนโรคจิตไม่มีผิดเลย เขาส่งข้อความหาฉันเป็นร้อยข้อความ ว่าฉันโง่บ้างล่ะ บอกว่าไม่ได้โกหกบ้างล่ะ ขู่ว่าจะเล่นงานฉันด้วย แถมยังเอาเรื่องเพลงกับเรื่องหนังมาพูดทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้ถาม
“โรคจิตชัดๆ” ฉันพูดออกมาเป็นเสียงอย่างลืมตัว พลางหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม
“อะไร? ใครโรคจิต?” แล้วมั่งขวัญก็หูดีได้ยิน
“ไม่มีอะไรหรอก…”
“นี่! แกไม่เห็นอัปเดตเราเลยวะ เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาได้คุยกับใครในแอปบ้างหรือเปล่า? มีใครมา Crazy แกบ้างไหม?” ผักบุ้งทำหน้าเหมือนอยากจะฟังเรื่องฉันเสียเหลือเกิน
“ก็มี แต่ฉันไม่ได้คุยกับใครเลยนอกจาก…”
“นอกจากใคร?”
“ก็…”
ครืด ครืด ครืด
ในตอนที่ฉันอ้าปากกำลังจะพูดถึง R เสียงระบบสั่นจากสายเรียกเข้าก็ดังขึ้นมาที่เครื่องของมิ่งขวัญ เราทุกคนนิ่งเงียบเมื่อมิ่งขวัญโชว์หน้าจอให้เห็นว่าเป็นพี่เบลล์ที่โทรเข้ามา
“ค่ะพี่เบลล์ ค่ะๆ ได้ค่ะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ…”
“มีเรื่องอะไรวะมิ่ง?” ผักบุ้งถามในทันทีที่มิ่งขวัญวางสายจากพี่เบลล์
“พี่คุณเรียกพวกเราเข้าประชุมด่วนน่ะ เห็นว่ามีงานใหญ่ระดับมหึมาเข้ามา”
พี่คุณเหรอ? ไม่บ่อยนักหรอกที่ฉันจะได้เข้าห้องประชุมกับพี่คุณ…แค่คิดก็อยากจะกรี๊ดแล้ว เพราะฉันชอบฟังพี่คุณพูดมากที่สุดเลย การได้นั่งเงียบๆ แล้วมองหน้าหล่อๆ ของเขา เป็นเรื่องโปรดของฉันเลยล่ะ
The Box
ฉันเคยได้บอกไปหรือยังนะว่านอกเราออฟฟิศของเราจะมีพี่คุณเป็นเจ้าของแล้ว เรายังมีเจ้านายอีกคนที่เป็นหุ้นส่วนของพี่คุณด้วย นั่นก็คือพี่เอวา หญิงสาวผู้เพียบพร้อม มากไปด้วยความสามารถและเงินทอง แถมยังสวยสะกด และตอนนี้เธอก็อยู่ในห้องประชุมกับพวกเราด้วย
“ที่พี่เรียกทีม AE มาคุยด่วนก็เพราะว่า SmatchY ต้องการจะใช้งานเราน่ะ”
“กรี๊ดดดดดด!!!” เสียงกรี๊ดดังขึ้นมาในทันทีที่พี่คุณพูดจบ ยอมรับเลยว่าฉันเองก็ตกใจและแปลกใจ แต่คนที่ดีใจจนออกนอกหน้าก็คือ…พี่เบลล์ มิ่งขวัญและผักบุ้ง
“เอาล่ะ ดีใจพอประมาณนะพวกเรา…กรี๊ดซะตึกสะเทือนเลยมั๊ง” พี่คุณยกยิ้ม และรอยยิ้มของเขาก็ทำให้ฉันใจละลาย
“จริงเหรอคะพี่คุณ? อยู่ๆ SmatchY จะมาร่วมงานกับเราจริงเหรอ? บริษัทใหญ่ขนาดนั้นเนี่ยนะ?” พี่เบลล์ถามพร้อมรอยยิ้ม
“จริงสิ คุณโซเฟีย…เลขาของคุณรามิลเพิ่งติดต่อมาหาพี่โดยตรง และเขาต้องการให้เราเริ่มงานอย่างเร็วที่สุด พี่ถึงได้เรียกพวกเราเข้ามาอย่างกะทันหันไง”
“แบบนี้ทีมไหนจะได้รับงานนี้คะ?” ผักบุ้งโพล่งถาม
“ต้องเป็นทีมพี่สิ…ปกติถ้ามีงานเกี่ยวกับด้านโซเชียล มันเป็นทีมพี่อยู่แล้ว” พี่เบลล์แทรกตอบทันที
“ใช่ค่ะ มิ่งก็ว่า…ต้องเป็นทีมเราอยู่แล้ว” และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่มิ่งขวัญออกตัวว่าอยู่ข้างเดียวกับพี่เบลล์
“ได้ไง?! มันขึ้นอยู่กับว่าพี่คุณจะโยนงานนี้ให้ทีมไหนไม่ใช่เหรอ? ใช่ไหมคะพี่คุณ?” แน่นอนว่าผักบุ้งไม่ยอมแพ้อย่างง่ายๆ แน่ ในตอนนี้มีเพียงฉัน อุ๋งอิ๋ง โรนินและพี่เอวาที่ยังคงเงียบ
“คุณโซเฟียเจาะจง AE มาโดยเฉพาะน่ะ” แล้วพี่เอวาก็เริ่มพูด
“ใครคะ?!” พี่เบลล์ ผักบุ้ง และมิ่งขวัญประสานเสียงพร้อมกัน
“จันทร์เจ้า”
“คะ?!” นี่ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม? เมื่อกี้…พี่เอวาบอกว่าเขาเจาะจงว่าต้องเป็นฉันงั้นเหรอ?
“จันทร์เจ้าเนี่ยนะ?! จันทร์เจ้าที่ทั้งโง่! ซื่อบื้อ ทำงานไม่เป็นเนี่ยเหรอคะ?!” ดูเหมือนว่าพี่เบลล์จะไม่พอใจที่ผลออกมาว่าเป็นฉัน และในตอนนั้นอุ๋งอิ๋งที่นั่งเงียบมาตลอดก็พูดขึ้นมา
“ถ้าจันทร์เจ้าทำงานไม่เป็น แล้วที่ผ่านมาใครช่วยงานพี่มาตลอดวะพี่เบลล์?”
“อุ๋งอิ๋ง!”
“ผมเห็นด้วยกับอุ๋งอิ๋งนะ จันทร์เจ้าไม่ได้โง่…ที่ผ่านมาก็แค่ยอมคนจนเกินไปก็เท่านั้นเอง” โรนินทำให้ฉันแปลกใจ “และจากที่ผมมอง…งานนี้ให้จันทร์เจ้าทำน่ะถูกแล้ว เพราะผักบุ้งใจร้อนเกินไป ทำงานใหญ่แบบนี้ไม่เวิร์ค ส่วนมิ่งขวัญก็งานเต็มมืออยู่แล้ว อุ๋งอิ๋งก็มีงานอื่นรออยู่ ผมเองก็ไม่ขอรับงานเพิ่มช่วงนี้ ส่วนพี่เบลล์…ถ้าไม่โยนงานตัวเองมาให้จันทร์เจ้า ผมว่าพี่ก็งานล้นจนรับงานเพิ่มไม่ไหวแน่”
“…” เจอโรนินขว้างดาวกระจายเข้าเป้าอย่างเต็มแรง แล้วทุกคนก็นิ่งเงียบเหมือนกันหมด
“โรนินพูดถูกนะ…งานนี้จันทร์เจ้าเหมาะสมที่สุด เพราะใจเย็นและละเอียดอ่อน เอาเป็นว่า…เราทุกคนเห็นตรงกันแล้วนะ” พี่คุณเอ่ยเสียงเรียบ
“ค่ะ…” แล้วพวกเราก็ตอบรับเสียงอ่อนรวมถึงฉันด้วย เพราะฉันเองก็ไม่แน่ใจจริงๆ ว่าตัวฉันจะมีความสามารถพอที่จะทำงานใหญ่แบบนี้ได้หรือเปล่า
แต่ว่า!
ฉันตกหล่นไปเรื่องนึงหรือเปล่านะ?!
ทำไมนะ? ทำไมอยู่ๆ SmatchY ถึงเจาะจงมาว่าต้องเป็นฉันล่ะ? แล้วเรื่องนี้…มันเกี่ยวข้องกับ R หรือเปล่า?! เพราะเขาบอกว่าตัวเองคือคุณรามิลเจ้าของ SmatchY นี่!
