บทที่ 1 ป้าจอมแสบ 1
“ไหน ไหน ลูกหลานใครมาว่าหลานฉันว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ” เสียงชวนหาเรื่องเต็มที่ของอนัญญาดังขึ้น เจ้าตัวยืนเท้าเอวมองหน้าคนที่เรียกตัวเองว่าผู้ใหญ่ อายุรวมๆ กันแล้วเกือบสี่ร้อยปีเรียงคน โต๊ะม้าหินใกล้ๆ มีสาววัยเดียวกับหล่อนนั่งดื่มกาแฟเย็นนั่งอยู่ โดยมีเด็กชายกลุ่มหนึ่งนั่งเล่นอยู่ด้วย ทั้งหมดนั่งอยู่หน้าร้านอาหารตามสั่งประจำซอย “ใครว่าหลานฉันแสดงตัวออกมาซะดีๆ อย่าให้โมโหนะ”
เป็นการเตือนครั้งที่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่มีใครยอมรับ
“เตือนครั้งที่สองนะ ถ้าไม่แสดงตัวออกมา ที่นี่แหลกแน่”
เตือนครั้งนี้เด็กชายรูปร่างอ้วนสุดที่นั่งตรงโต๊ะม้าหินลุกขึ้นมายืนหลบอยู่ด้านหลังวาสนาหรือนาที่นั่งดื่มกาแฟเย็นที่ไม่ได้ช่วยให้จิตใจหล่อนเย็นเลย กลับร้อนๆ หนาวๆ ด้วยซ้ำไป
“ไอ้นนท์ แกว่าหลานฉันใช่ไหม” อนัญญาเรียกชื่อเด็กชายเจ้าเนื้อเสียงดังลั่น เจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้งเกาะแขนน้าสาวแน่น
“เด็กมันก็คงพูดหยอกกันน่ะเปรี้ยว แกก็อย่าถือสาเด็กมันเลยนะ”
วาสนาน้าสาวของนนท์พูดเสียงสั่น รู้สึกแหยๆ กับท่าทางของอนัญญาที่พร้อมตบเต็มที่
“นั่นสิ เอ็งก็อย่าโกรธเป็นฝืนเป็นไฟไปหน่อยเลย เด็กมันพูดไม่คิด พูดตามความจริง” คนพูดคือป้าอิ่ม แม่ของวาสนาและเป็นยายของนนท์
“ความจริงอะไรป้า ฉันถามป้าข้อนึงว่า ใครในโลกนี้เกิดมาโดยไม่มีพ่อบ้าง ไม่ใช่ปลากัดนะที่มองตากันแล้วจะท้องน่ะ ขนาดทำเด็กหลอดแก้ว ทำกิฟฟ์ยังต้องมีเชื้อของคนเป็นพ่อเลยไม่งั้นลูกจะเกิดมาได้ไง” อนัญญาพูดด้วยความไม่พอใจ มองหน้าเอาเรื่อง “อย่ามาแถแทนหลานตัวเองเลย หัดสั่งสอนหลานตัวเองบ้างนะ ถ้าฉันได้ยินอีกครั้งว่า หลานของป้าพูดแบบนี้กับหลานของฉันอีกล่ะก็ แม่จะเอาไม้เผ่นกบาลให้แตกเลยคอยดู”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อนัญญามาอาระวาดผู้ปกครองเด็กในละแวกบ้าน แต่ก็ยังมีเด็กปากไม่ดีพูดล้อเลียนอานัสและอานีส หลานชายฝาแฝดสุดที่รักของหล่อนว่า ‘ไอ้ลูกไม่มีพ่อ’ คนเป็นป้าถึงกับเลือดขึ้นหน้า ไปจัดการเด็กที่พูดประโยคนี้ จนไม่มีใครพูดซ้ำสอง
“เอ็งจะห้าวมากไปแล้วนะนังเปรี้ยว เด็กมันก็คือเด็กจะเอาอะไรกับมันล่ะ” ป้าอิ่มพูดเข้าข้างหลานชาย
“พูดเข้าข้างกันแบบนี้ไงล่ะ หลานป้าถึงเป็นแบบนี้ กี่ครั้งแล้วที่พี่แก้วต้องไปขอโทษพ่อแม่คนอื่นตอนนนท์ไปแกล้งน่ะ แทนที่จะสั่งสอนหลานกลับมาพูดเข้าข้าง มิน่าล่ะปากถึงได้เหมือนหมา เที่ยวเห่าเด็กคนอื่นไปทั่ว” ยิ่งพูดยิ่งของขึ้น อนัญญาเท้าเอวพูดเสียงดังจนคนอื่นหันมามองเป็นตาเดียว “ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายนะที่ฉันมาเตือน ถ้าได้ยินนนท์พูดกับหลานของฉันอีกล่ะก็ ฉันตบเรียงตัวแน่”
นนท์รีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที เพราะกลัวว่าอนัญญาที่ถลึงตาใส่จะทำร้ายตน
“เออๆ ข้าจะเตือนมันเอง เอ็งก็เบาๆ ลงหน่อย คนแก่หัวใจวายกันพอดี” ป้าอิ่มไม่อยากมีเรื่อง มีปากมีเสียงกับอนัญญาสักเท่าไหร่ เพราะรู้นิสัยอีกฝ่ายดีกว่า ไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น ยิ่งใครมารังแกหรือพูดไม่ดีกับสองหลานชาย คนนั้นชะตาขาด
“เรื่องหลานฉันถือว่าจบ งั้นเริ่มเรื่องต่อไปได้”
“เรื่องอะไรอีกล่ะ มีใครทำอะไรเอ็งอีก” ป้าอิ่มพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ ภาพที่อนัญญาตบน้ำตาล จอมปากมากประจำซอยยังติดตาอยู่ แล้วยังวีรกรรมอีกหลายอย่างที่ใครเห็นเป็นต้องพูดเสียงเดียวกันว่า ‘อย่ายุ่งกับเปรี้ยวดีที่สุด’
“เปล่า ไม่มีใครทำอะไรเปรี้ยวแล้วจ้ะป้า เปรี้ยวจะยืมเงินป้าสักสามพันวันพุธหน้าคืนจ้ะ” น้ำเสียงประโยคนี้ต่างกับประโยคก่อนหน้าลิบลับ
“อะไรวะ เมื่อกี้แกยังทำท่าจะกินหัวแม่ฉันอยู่เลย ตอนนี้มายืมเงินแม่ฉันเนี่ยนะ แม่ฉันให้ยืมก็คงเพี้ยนแล้ว” วาสนาฟังแล้วถึงกับของขึ้น พูดสวนอนัญญาทันที ป้าอิ่มหันมองหน้าลูกสาวคนเล็ก ก่อนหันไปมองหน้าอนัญญา
“เออรอแปปนึง เดี๋ยวไปหยิบเงินให้” ทว่าคำพูดของป้าอิ่ม ทำให้วาสนาถึงกับงงและตกใจที่มารดาให้อนัญญายืมเงิน ทั้งที่ก่อนหน้านี้คนยืมพูดอย่างไม่เห็นหัว
“แม่ อะไรของแม่เนี่ย ไปให้มันยืมเงินทำไม” วาสนาเดินตามเข้ามาในร้านขายอาหารตามสั่ง
“แล้วทำไมข้าจะให้เปรี้ยวยืมไม่ได้ล่ะ ถึงมันจะไม่ยอมคน ปากร้ายแต่เปรี้ยวก็เป็นลูกหนี้ที่ดี คืนตรงเวลาด้วย อีกอย่างมันก็ทำมาหากิน หาเลี้ยงน้องเลี้ยงหลานงกๆ ตอนนี้คงสบายหน่อยที่ส้มตายแล้ว ลูกหนี้ขี้เหล้าเมายาเล่นการพนันข้ายังให้ยืมเลย แล้วลูกหนี้ดีๆ อย่างเปรี้ยวข้าไม่ช่วยได้ไงล่ะ” ป้าอิ่มให้คำตอบบุตรสาวคนเล็ก “อีกอย่างนะ เรื่องที่มันมาด่าปาวๆ ก็เป็นเรื่องจริง ไอ้นนท์ปากมันดีซะที่ไหน เจอแบบนี้เข้าไปคงขยาด”
พูดจบก็เดินออกไปนอกร้านพร้อมกับจำนวนเงินที่อนัญญาต้องการยืม โดยมีสายตาไม่พอใจของวาสนามองตามไป
“อ่ะ สามพัน” อนัญญาพนมมือไหว้ ยื่นมือไปรับเงิน
“ขอบคุณค่ะป้า วันพุธมาคืนพร้อมดอกนะคะ”
อนัญญาพูดเสียงอ่อนน้อมยกมือไหว้สวยงาม ป้าอิ่มพยักหน้ารับรู้ เดินไปนั่งคุยกับเพื่อนวัยเดียวกันตามเดิม