บทที่ 1 สายเลือดมาเฟีย 1
7 ปีต่อมา ณ ประเทศไทย
เพชรหอมเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาในโรงเรียนอรุณบริรักษ์ โรงเรียนอนุบาลใกล้บ้าน สถานศึกษาของยศนัย อรุณประภาพร บุตรชายคนเดียวของหล่อน สีหน้าของเพชรหอมแบกรับความกังวลไว้เต็มพิกัด รีบรุดมาโรงเรียนแห่งนี้ทันทีที่วิไลพร คุณครูประจำชั้นอนุบาล 2/2 โทรไปแจ้งเรื่องสำคัญ หล่อนจำต้องลางานมาจัดการเรื่องลูกตัวแสบ ที่สร้างวีรกรรมชวนปวดหัวให้หล่อน
“สวัสดีค่ะครูใหญ่ ครูแก้ว” เพชรหอมไหว้ไพศาล ครูใหญ่ประจำโรงเรียน และครูวิไลพรหรือครูแก้ว
“เชิญนั่งครับคุณแม่” ไพศาลเชิญผู้ปกครองนักเรียนจอมเกเร เพชรหอมทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ข้างวิไลพร “อย่างที่ครูแก้วโทรบอกคุณแม่นะครับ วันนี้ยศนัยชกดนุพลจนจมูกหัก ทางเราได้พาดนุพลไปโรงพยาบาลแล้ว และทำการรักษาจนแน่ใจว่าปลอดภัย ซึ่งทางเราได้ทำตามกฎระเบียบของทางโรงเรียน โทรแจ้งให้ผู้ปกครองดนุพลทราบ ผลที่ออกมาคือ คุณพ่อคุณแม่ของดนุพลไม่ยอม จะฟ้องดำเนินคดีกับยศนัย แต่ผมคิดว่ายศนัยยังเด็ก และเป็นเรื่องเด็กทะเลาะกัน ผมเกลี่ยกล่อมคุณพ่อคุณแม่ดนุพลแล้ว ซึ่งเขาทั้งสองยอมไม่แจ้งความ แต่ต้องการให้คุณชดใช้ค่าเสียหายและค่าทำขวัญครับ”
ไพศาลบอกเรื่องที่เพชรหอมต้องรับรู้และชดใช้ เพชรหอมถอนหายใจพรืดยาว หันไปมองหน้ายศนัย ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่เงยหน้ามองสบตาผู้เป็นแม่ด้วยความสำนึกผิด
“ครั้งนี้น้องฮาร์ททำรุนแรงกว่าครั้งก่อนนะคะคุณแม่ ทางเราก็ไม่รู้จะช่วยยังไง ได้แต่ช่วยพูดให้คุณพ่อคุณแม่ดนุพลไม่เอาความ แต่อย่างที่ครูใหญ่บอก คุณแม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายและค่าทำขวัญค่ะ”
วิไลพรมองเพชรหอมด้วยความสงสาร ยศนัยไม่ใช่เด็กเกเรหรือเจ้าปัญหา เพียงแค่ว่า อาจมีความอดทนต่ำต่อการถูกล้อจากเพื่อนร่วมชั้นเรียน ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ยศนัยชกหน้าเพื่อนเป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกชกหน้ายุทธนาจนฟันโยก ครั้งนี้ชกดนุพลจนจมูกหัก
“ค่าเสียหายทั้งหมดเท่าไหร่คะ”
“ค่ารักษาพยาบาทหนึ่งหมื่นเจ็ดพันบาท ค่าทำขวัญสองหมื่นบาท รวมเป็นสามหมื่นเจ็ดพันบาทครับ”
ช่างเป็นตัวเลขที่สูงมากสำหรับคนที่ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายภายในบ้านและส่วนตัวเพียงคนเดียว เงินจำนวนนี้สูงกว่าเงินเดือนที่เพชรหอมได้รับหนึ่งเท่าตัว แต่ไม่ว่าจะสูงมากแค่ไหน เพชรหอมก็ยินดีจ่าย
“ได้ค่ะ สามหมื่นเจ็ดพันบาท”
เอ่ยจำนวนเงินออกไปก็ใจหาย หล่อนมีเงินเก็บไม่ถึงสองหมื่นบาท และเป็นเงินมีไว้สำรองจ่ายในการฉุกเฉิน อาทิลูกป่วย และมีไว้สำหรับค่าเล่าเรียนของยศนัยในอนาคต ทว่าก็ต้องดึงมาใช้เพราะความจำเป็น ส่วนที่ขาดอีกหมื่นเจ็ดกว่าๆ คงต้องหาหยิบยืมจากคนรอบข้าง หรือไม่ก็กู้เจ๊แมวเจ้าของห้องเช่าที่ปล่อยเงินกู้ทั้งรายวันและรายเดือน กู้ง่ายแต่ก็ต้องเสียดอกเบี้ยมาก
“ค่ารักษาพยาบาลจ่ายที่ผมนะครับ เพราะผมใช้เงินสำรองของโรงเรียนออกไปก่อน ส่วนอีกสองหมื่นบาท คุณแม่ให้กับคุณพ่อคุณแม่ดนุพลโดยตรงเลยนะครับ” ไพศาลแจงรายละเอียดที่เพชรหอมต้องรับผิดชอบ
“ค่ะ ได้ค่ะครูใหญ่ พรุ่งนี้เพ้นท์จะจัดการให้ค่ะ”
“ครับ ถ้างั้นก็ไม่มีอะไรแล้วครับ”
“ขอบคุณครูใหญ่กับครูแก้วมากค่ะที่ช่วยพูดให้” เพชรหอมพนมมือไหว้ครูทั้งสอง “เพ้นท์ขอตัวก่อนนะคะ แล้วขออนุญาตพาน้องฮาร์ทกลับไปด้วยค่ะ”
“ยังมีอีกเรื่องค่ะคุณแม่” วิไลพรพูด
“ค่ะ เรื่องอะไรคะ”
“คืออย่างนี้ค่ะ เดือนหน้าจะมีการแข่งขันพูดอ่านภาษาอังกฤษ ทางโรงเรียนเราส่งนักเรียนเข้าร่วมแข่งขันด้วย ระดับชั้นป.1-ป.6 เราได้ตัวแทนแล้ว ขาดแต่ชั้นอนุบาล ครูเห็นว่าน้องฮาร์ทมีความสามารถด้านนี้ พูดได้คล่องกว่าเด็กชั้นเดียวกัน ส่วนเรื่องการอ่านก็อยู่ในระดับดีค่ะ ทางโรงเรียนจึงขออนุญาตให้น้องฮาร์ทเป็นตัวแทนชั้นอนุบาลไปร่วมแข่งขันค่ะ ไม่ทราบคุณแม่ขัดข้องไหมคะ” วิไลพรบอกให้อีกฝ่ายรู้และรอคำตอบ
“ไม่มีปัญหาค่ะ น้องฮาร์ทจะได้ฝึกภาษาและการอ่านเขียนไปด้วย”
ความที่เพชรหอมพูดได้สามภาษาไม่รวมภาษาแม่ และยศนัยเป็นลูกครึ่งมีเชื้อสายอิตาเลี่ยน หล่อนจึงฝึกสอนให้ยศนัยพูดภาษาอังกฤษและภาษาอิตาเลี่ยนตั้งแต่เด็ก ซึ่งยศนัยก็เรียนรู้ได้ดีมาก
“ขอบคุณมากค่ะคุณแม่” วิไลพรยิ้มให้เพชรหอม
“ยินดีค่ะ ถ้าหมดเรื่องแล้ว เพ้นท์ขอตัวก่อนนะคะ”
เพชรหอมจูงมือบุตรชายออกจากห้องครูใหญ่ โดยมีสายตาของเจ้าของห้องและครูประจำชั้นอนุบาล 2/2 มองตามไปด้วยความสงสารและเห็นใจ แต่ก็ช่วยอะไรมากไม่ได้ไปกว่านี้
“แม่ฮะ ผมขอโทษ” ยศนัยดึงมือออกจากมือมารดา เด็กชายวัยหกขวบพนมมือไหว้เพชรหอมอย่างสำนึกผิด เพชรหอมเห็นแววตาบุตรชายแล้วถึงกับดุไม่ลง หล่อนจูงมือบุตรชายมานั่งตรงม้าหินหน้าห้อง
“คราวนี้ไปชกหน้าเพื่อนเรื่องอะไร”
“นุมาล้อว่าผมเป็นลูกไม่มีพ่อฮะ”
เรื่องเดิม...
ครั้งที่แล้วยศนัยชกหน้าเพื่อนก็ด้วยเหตุผลนี้ เด็กชายถูกล้อว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ ซึ่งในความเป็นจริงยศนัยมีบิดา เพียงแค่ว่าบิดาไร้ความรับผิดชอบ แล้วหล่อนเองไม่ต้องกล่าวถึงราซิเอลโล่อีก ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ทว่ามันก็ยากจะตัดใจจากเขา เป็นเพราะใบหน้าของยศนัยถอดแบบพ่อมาเต็มๆ รวมถึงนัยน์ตาสีฟ้าก็เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เพชรหอมลืมพ่อของลูกไม่ได้
ไม่เพียงหน้าตาที่เหมือนกัน อุปนิสัยยังคล้ายคลึงกันด้วย โดยเฉพาะเรื่องความใจร้อน บุ่มบ่าม ไร้ความอดทนเหมือนกันไม่มีผิด ยศนัยรับการถ่ายทอดทั้งหน้าตา นิสัยมาจากบิดาจอมมาเฟียเต็มๆ
“แม่บอกฮาร์ทหลายครั้งแล้วนะลูกว่า ฮาร์ทมีพ่อเหมือนเด็กคนอื่น เหมือนทุกคน แต่ตอนนี้พ่อของฮาร์ทอยู่บนสวรรค์ อยู่คนละที่กับเราสองคน ต่อไปนี้ฮาร์ทต้องอดทนให้มากกว่านี้นะลูก อย่าทำร้ายเพื่อน เพราะถ้าลูกใจร้อน ไม่อดทนแล้วเกิดชกเพื่อนอีก แม่ไม่มีเงินจ่ายค่าเสียหายและค่าทำขวัญแล้วนะลูก” เพชรหอมบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงที่ไม่แสดงถึงความไม่พอใจหรือโกรธ หล่อนสอนลูกด้วยเหตุผล “ถ้าฮาร์ทไม่อดทน เราอาจไม่มีที่อยู่ เงินกินก็จะไม่มีนะลูก เพราะแม่ต้องเอาเงินเก็บมาจ่ายให้เพื่อนของฮาร์ท แล้วถ้าเผื่อเงินเก็บของแม่หมด ฮาร์ทก็จะไม่ได้เรียนหนังสือ ฮาร์ทอยากให้มันเป็นอย่างนั้นไหมลูก”
“ฮะแม่ ผมจะไม่ชกเพื่อนอีกแล้วฮะ” เด็กชายรับคำ “แม่อย่าโกรธผมนะฮะ ผมขอโทษฮะ”
“เพื่อเป็นการลงโทษ แม่จะหักค่าขนมฮาร์ทวันละห้าบาทเป็นเวลาสองเดือน และงดฮาร์ทออกไปห้างหรือซื้อของเล่น ตกลงไหมครับ” ครั้นหล่อนจะไม่ลงโทษก็ไม่ได้ เพชรหอมกำลังสอนให้ลูกชายรู้ว่า คนทำผิดต้องได้รับโทษ ไม่มากก็น้อย
“ฮะแม่” เด็กชายยินยอมถูกลงโทษ
“กลับบ้านกันดีกว่านะครับ เย็นนี้แม่จะทอดปลานิลให้ฮาร์ทกินดีไหมลูก”
ยศนัยยิ้มกว้าง ดีใจจะได้ทานอาหารจานโปรด เด็กชายพยักหน้า ก่อนจะพากันเดินออกจากโรงเรียนเพื่อกลับห้องพักห้องเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่นของสองแม่ลูก
หลังจากที่เพชรหอมอุ้มท้องยศนัยกลับมาเมืองไทย หล่อนได้มาขออาศัยอยู่กับอาสาวที่ตอนนั้นยังไม่ได้แต่งงานมีครอบครัว ซึ่งยุพดีก็ไม่ซักถามเรื่องพ่อของเด็กในท้อง เพชรหอมไม่ได้อยู่นิ่งเฉย ช่วยเหลือยุพดีที่มีกิจการอู่รถยนต์ โดยทำหน้าที่บัญชี จนกระทั่งคลอดบุตร ชีวิตของหล่อนก็ต้องเปลี่ยนไปอีกครั้ง เมื่อยุพดีแต่งงานกับยงยุทธที่มีนิสัยขี้เหนียว ไม่เอาญาติพี่น้อง เพชรหอมที่ไม่ต้องการให้ยุพดีลำบากใจ หล่อนจึงย้ายออกมาจากบ้านยุพดีที่ให้เงินมาสำรองใช้จ่ายสองหมื่นบาท
เงินจำนวนนี้บวกกับเงินเก็บที่ได้รายเดือน เพชรหอมนำไปจ่ายเป็นค่าล่วงหน้า ค่าเช่าห้องเกือบเก้าพัน ส่วนที่เหลือหล่อนไว้ใช้สำรองจ่ายในค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงค่าจ้างเลี้ยงยศนัย เพราะหล่อนต้องหางานทำเพื่อความอยู่รอด เป็นความโชคดีที่หล่อนเก่งเรื่องภาษา พูดได้ถึงสี่ภาษาคือ จีน ญี่ปุ่น อิตาลีและภาษาสากล ทำให้โรงแรมมิราเคิลรับเพชรหอมเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานต้อนรับที่ว่างอยู่ทันที และยึดงานนี้จนถึงทุกวันนี้ รายได้สมน้ำสมเนื้อ พอเลี้ยงตัวสองคนแม่ลูก แต่เห็นทีเพชรหอมคงต้องหางานพิเศษ เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ทดแทนเงินที่เสียไป
เกิดมาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ใจต้องไม่ย่อท้อ ต้องไม่หมดเรี่ยวแรงก้าวเดิน กำลังใจที่ทำให้เพชรหอมมีแรงก้าวเดินต่อไปคือ ยศนัย ลูกชายสุดที่รักที่หล่อนสัญญากับตัวเองว่า จะเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุดเท่าที่สองมือแม่นี้จะทำได้