ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย
เอิงเอย...
สวัสดีค่ะฉันชื่อนางสาวศิรภัทรมีชื่อเล่นว่าเอิงเอยชื่อนี้แม่เป็นคนตั้งให้ค่ะแต่พ่อกับแม่หรือคนรู้จักก็จะเรียกสั้นๆว่าเอยเฉยๆ
บ้านเกิดของฉันอยู่ที่จังหวัดน่านครอบครัวของฉันตอนนี้ถ้านับจริงๆก็คงมีเพียงแค่พ่อคนเดียวเท่านั้นญาติคนอื่นๆไม่มีหรอกค่ะ เรื่องราวชีวิตในวัยเด็กของฉันมันน่าเศร้าราวกับนิยายน้ำเน่าที่ฉันเคยอ่านแต่มันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับชีวิตของฉันจนบางครั้งฉันคิดว่าน่าจะเอามาทำเป็นนิยายได้
ชีวิตของฉันตั้งแต่จำความได้ฉันมีความสุขมากฉันอาศัยอยู่กับพ่อกับแม่บ้านจนกระทั่งวันที่แม่จากฉันไปด้วยโรคมะเร็งความสุขของฉันที่เคยมีก็ได้หายไปพร้อมกับแม่ ตอนนั้นฉันอายุได้เพียงแค่เจ็ดขวบเท่านั้นพ่อของฉันหลังจากแม่เสียไปได้ไม่ถึงเดือนพ่อก็พาน้าพรพรรณเข้ามาในบ้านพ่อบอกกับฉันว่าน้าพรพรรณคือเมียใหม่ของพ่อซึ่งถามว่าฉันรู้จักน้าพรพรรณไหมฉันรู้จักดีเพราะน้าพรพรรณเองก็เคยมาที่บ้านของฉันบ่อยๆน้าพรพรรณเป็นเพื่อนสนิทของแม่ฉันเองค่ะน้าพรพรรณกับแม่เคยทำงานโรงงานด้วยกันส่วนพ่อของฉันเป็นช่างบำรุงในโรงงงานเดียวกันฉันยังจำได้ว่าตอนที่แม่ฉันป่วยจนต้องลาออกมาพักรักษาตัวอยุ่ที่บ้านน้าพรพรรณยังมาเยี่ยมมาให้กำลังแม่ฉันอยู่เลยแต่ใครจะไปคิดว่าเพื่อนของแม่ที่ฉันเคยรักนับถือตอนนี้ได้กลายมาเป็นแม่เลี้ยงของฉันแต่เรื่องนั้นฉันยังไม่ช็อคเท่ากับการที่พ่อพาเด็กผู้หญิงอีกคนนึงเข้ามาในบ้านพร้อมกับน้าพรพรรณจนกระทั่งพ่อบอกว่าเด็กคนนี้คือลูกสาวของพ่อกับน้าพรพรรณเธอชื่อว่าสายพิน ตอนนั้นฉันยอมรับว่าฉันช็อคมากฉันไม่รู้ว่าเรื่องของพ่อกับน้าพรพรรณแม่เคยรู้หรือเอะใจมาก่อนบ้างหรือเปล่าที่เพื่อนสนิทของแม่กับสามีของแม่แอบมีอะไรกันจนมีลูกด้วยกันหนึ่งคน แต่ฉันก็หวังว่าแม่คงจะไม่รู้เรื่องนี้เพราะถ้าแม่รู้แม่คงจะเสียใจมากแน่ๆ
ในตอนที่แม่ฉันเสียฉันเรียนอยู่ชั้นปอหกพอน้าพรพรรณพอเข้ามาอยู่ในบ้านน้าพรพรรณก็บอกกับฉันว่าถ้าฉันเรียนจบปอหกแล้วไม่ต้องเรียนต่อให้อยู่บ้านช่วยทำงานบ้านแทน น้าพรพรรณบอกว่าเรียนไปก็เท่านั้นเสียดายเงินสู้เอาเงินที่พ่อต้องหามาจ่ายค่าเทอมให้ฉันเก็บไว้ให้พินได้เข้าเรียนปีหน้าเสียยังจะดีกว่าน้าพรพรรณบอกเหตุผลกับพ่อว่าปีหน้าจะพาสายพินไปเข้าโรงเรียนเอกชนในเมืองใครๆจะได้ไม่มาดูถูกซึ่งพ่อก็เห็นด้วยทุกอย่างส่วนฉันน่ะตั้งแต่จำความได้ฉันก็เรียนอยู่โรงเรียนประจำตำบลมาตลอดตั้งแต่อนุบาลค่าเล่าเรียนไม่ได้แพงอะไรเลยแต่น้าพรพรรณก็ยังบังคับให้ฉันลาออกจากโรงเรียนโดยที่พ่อก็ไม่ได้ปกป้องฉันเพราะพ่อตามใจน้าพรพรรณทุกอย่างน้าพรพรรณว่ายังไงพ่อก็ว่าตามไม่เคยเถียงไม่เคยว่า
ตอนนั้นฉันเสียใจมากที่ไม่ได้เรียนจนถึงเวลาเปิดเทอมฉันก็เห็นเด็กๆคนอื่นที่เดินผ่านหน้าบ้านต่างพากันใส่ชุดนักเรียนไปโรงเรียนกันฉันอดน้อยใจตัวเองไม่ได้ ถ้าแม่ยังอยู่ฉันคงได้เรียนต่อคงได้ใส่ชุดนักเรียนไปโรงเรียนจนกระทั่งเย็นวันนึงคุณครูก็ได้มาหาที่บ้านท่านคงจะเห็นว่าฉันไม่ได้ไปเรียนเลยตั้งแต่เปิดเทอมคุณครูก็เลยมาถามถึงสาเหตุและก็เจอน้าพรพรรณซึ่งน้าพรพรพรรณก็บอกกับคุณครูว่าฉันไม่อยากไปเรียนเพราะขี้เกียจบวกกับไม่มีเงินส่งเสียให้ฉันเรียนก็เลยไม่ให้ไปเรียนซึ่งคุณครูรู้ดีว่าฉันรักการเรียนมากแค่ไหนคุณครูก็เลยกลับไปที่โรงเรียนแล้วเขียนคำร้องขอทุนเรียนฟรีให้ฉัน นั่นก็เลยทำให้ฉันได้กลับมาเรียนอีกครั้งฉันไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณของคุณครูได้ยังไงเพราะถ้าไม่มีท่านฉันคงจะจบแค่ปอหกเท่านั้น คุณครูบอกกับฉันว่าถ้าอยากตอบแทนบุญคุณของท่านก็ให้ฉันตั้งใจเรียน ฉันสัญญากับคุณครูทันทีว่าฉันจะตั้งใจเรียนจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง และด้วยเหตุนี้ทำให้น้าพรพรรณไม่พอใจเพราะไม่มีใครทำงานบ้านน้าพรพรรณจะคอยกลั่นแกล้งฉันตลอดเวลามีหลายครั้งที่ฉันไปเข้าแถวเคารพธงชาติไม่ทันจนโดนลงโทษบางครั้งก็เกือบจะขาดสอบเพราะน้าพรพรพรรณบังคับให้ฉันซักผ้าถูบ้านให้เสร็จก่อนไปโรงเรียนซึ่งฉันต้องปั่นจักรยานไปเกือบยี่สิบนาทีกว่าจะถึงโรงเรียนแต่ฉันก็อดทนมาตลอดจนกระทั่งฉันเรียนจบมอหกน้าพรพรรณก็บอกให้ฉันหยุดเรียนแค่นี้และบอกให้ฉันไปทำงานที่โรงงานเพื่อหาเงินเป็นค่าเทอมให้สายพินเนื่องจากตอนนั้นพินกำลังจะขึ้นมอสี่น้าพรพรรณก็เลยจะให้สายพินย้ายจากโรงเรียนประจำอำเภอไปเรียนโรงเรียนเอกชนมีชื่อเสียงในตัวเมืองซึ่งค่าเทอมเทอมนึงก็หลายหมื่นแต่เงินเดือนของพ่อคงไม่พอน้าพรพรรณก็เลยบังคับให้ฉันไปทำงานที่ฏรงงานไม่ต้องเรียนต่อแม้ว่าฉันจะขอร้องอ้อนวอนยังไงก็ไม่เป็นผล
"แกไม่ต้องไปเรียนแล้วนะจบแค่มอหกก็พอฉันจะให้แกไปทำงานที่โรงงานฉันรู้จักกับผู้จัดการฝ่ายบุคคลฉันจะฝากแกเข้าไปเองแกจะได้ไม่ต้องเสียเวลายื่นใบสมัครหรือรอเขาเรียกสัมภาษณ์"
"แต่น้าพรคะเอยยังอยากเรียนต่อจนจบมหาลัยน้าให้เอยเรียนต่อเถอะนะคะ" ฉันทั้งขอร้องอ้อนวอนพร้อมกับสัญญาว่าจะหางานทำหลังเลิกเรียนเพราะการที่ฉันเรียนจบปริญญามันคือความฝันของแม่ก่อนที่แม่จะเสียแม่เคยบอกกับฉันว่าแม่อยากเห็นฉันใส่ชุดครุยรับปริญญาซึ่งฉันก็สัญญากับแม่ไว้ก่อนที่ท่านจะจากฉันไปว่าฉันจะทำให้สำเร็จให้ได้ฉันจะเอาใบปริญญามาให้แม่ให้ได้ แต่พอมาถึงตอนนี้ความฝันของแม่ฉันไม่รู้ว่าจะทำมันได้สำเร็จหรือเปล่า
"นะคะน้าพรเอยขอร้องเอยกราบล่ะค่ะ" ฉันก้มลงกราบแทบเท้าของน้าพรพรรณโดยมีสายพินนั่งอยู่ข้างๆมองฉันด้วยสายตาเยาะเย้ยสมน้ำหน้า
"เอ๊ะนังนี่พูดไม่รู้เรื่องฟังภาษาคนไม่ออกหรือยังไงแกจะเรียนอะไรนักหนาคนอย่างแกจบแค่มอหกก็ดีถมเถไปแล้ว แกก็รู้ตอนนี้น้องแกกำลังจะขึ้นมอสี่ฉันต้องการให้พินมันได้เข้าเรียนโรงเรียนเอกชนในตัวเมืองแต่ลำพังเงินเดือนพ่อแกมันไม่พอ เพราะฉะนั้นแกก็ต้องไปทำงานที่โรงงานหาเงินมาส่งน้องแกเรียน"
"แต่ว่า..."
"ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น แกเป็นพี่แกมีหน้าที่หาเงินมาให้น้องแกได้เรียนเข้าใจไหมที่พูดน่ะ ห๊ะนังเอย" ฉันไม่รู้จะพูดคำไหนให้น้าพรพรรณเห็นใจฉันได้แต่นั่งก้มหน้าเหมือนยอมรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิด
"ใช่แม่ อย่างพินน่ะต้องเรียนโรงเรียนเอกชนในตัวเมืองเท่านั้นที่นั่นนะมีแต่ลูกคนรวยเรียนกันทั้งนั้น พวกเพื่อนในห้องที่มันจนๆที่โรงเรียนเก่าพินน่ะถ้ามันรู้ว่าพินย้ายเรียนที่นั่นมันทุกคนต้องอิจฉาพินแน่ๆเลยแม่พวกเพื่อนรวยๆของพินที่พินสนิทด้วยก็พากันไปเรียนที่นั่นกันหมด ถ้าจะให้พินไปเรียนโรงเรียนเก่าพินไม่เอาหรอกนะพินพวกอายมัน ยังไงแม่ก็ต้องให้พินไปเรียนที่นั่นนะแม่ไม่งั้นพินไม่เรียนต่อแล้ว" ฉันรู้ว่าน้องสาวต่างแม่ของฉันมีนิสัยเอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็กเพราะถูกพ่อแม่ตามใจทุกอย่างอยากๆได้อะไรก็ต้องได้และที่มากไปกว่านั้นก็คือสายพินเป็นเด็กโมโหร้ายเพราะฉันเคยโดนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
ฉันกับสายพินเราอายุห่างกันสามปีแม้ว่าสายพินจะมีศักดิ์เป็นน้องสาวของฉันแต่เธอไม่เคยนับถือฉันเป็นพี่ในสายตาของเธอฉันมันก็แค่คนรับใช้ในบ้านเพราะทุกอย่างในบ้านฉันเป็นคนทำทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่ซักกางเกงในให้น้าพรพรรณกับสายพินซึ่งฉันก็ทำอย่างไม่เคยปริปากบ่นเพราะไม่อยากมีปัญหาทั้งสองให้ฉันทำอะไรฉันก็ทำแต่ถึงฉันจะทำดีมากแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยเห็นค่าไม่เคยมองว่าฉันเป็นคนในครอบครัวเลยสักครั้งหาเรื่องด่าหาเรื่องแกล้งฉันแทบจะทุกวันมีอยู่บ่อยครั้งที่ฉันไม่ได้กินข้าวเย็น ถ้าเย็นวันไหนเงินเดือนพ่อออกหรือค่าคอมออกหรือพ่อถูกหวยพ่อมักจะพาน้าพรพรรณกับพินออกไปกินข้าวนอกบ้านกันสามคนพ่อแม่ลูกซึ่งในวันนั้นทั้งบ้านก็จะไม่มีอะไรให้ฉันกินได้เลยแม้แต่ไข่ฟองนึงยังไงมี ฉันรู้ว่าน้าพรพรรณกับสายพินแกล้งแต่ฉันก็พูดอะไรไม่ได้ทำได้เพียงแค่กล้ำกลืนฝืนทนไปในแต่ละวันเพียงหวังว่าสักวันนึงเมื่อฉันเรียนจบปริญญาฉันจะหางานทำฉันจะออกไปจากที่นี่ไปหาบ้านเช่าอยู่เพียงลำพังแต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถทำอะไรได้