บทนำ
ชานเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ในช่วงสายบรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ เพราะผู้คนส่วนใหญ่มักจะออกไปทำงานในตอนเช้าและกลับบ้านในตอนเย็น ดังนั้นตามถนนหนทางสายเล็กๆ นี้จึงโล่งพอที่จะให้รถยนต์คันหรูสีบรอนซ์เงินสะท้อนแสงแล่นมาได้อย่างสบายๆ คนขับทำหน้าที่ของตัวเองไม่วอกแวก ใบหน้าคร้ามคมแบบหนุ่มลูกครึ่งดัชต์ผสมผสานกับสายเลือดไทยทำให้ใบหน้านั้นดูคมยิ่งขึ้น ไม่ต่างจากชายหนุ่มที่นั่งอยู่เบาะหลัง เอนกายพิงพนักเบาะด้วยความสงบนิ่ง ใบหน้าคมคายกับสายตาสีฟ้าน้ำทะเลบ่งบอกถึงความเป็นดัชต์แมนแบบเต็มเลือดเนื้อกำลังกวาดสายตามองไปยังทิวทัศน์รอบนอกที่มีแต่ต้นไม้ ทุ่งทิวลิปริมทาง และคลองสายเล็กๆ ที่ทอดยาวตลอดแนวเพื่อเบี่ยงเบนความหงุดหงิดของตัวเอง
“ท่าทางนายจะไม่ชอบเนกไทจริงๆ นะ ใส่ทีไรเป็นหงุดหงิดทุกที” หนุ่มครึ่งเสี้ยวคนขับรถเอ่ยกับ ‘นาย’ เป็นเชิงกระเซ้าด้วยรอยยิ้มจางๆ
“ก็ฉันอึดอัด นี่ถ้าไม่จำเป็นฉันไม่ใส่เด็ดขาด” ผู้เป็นนายตอบเจือความหงุดหงิดไม่หาย นี่ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ที่พิพิธภัณฑ์ของเขามีการจัดงานประมูลภาพวาดของศิลปินระดับมือหนึ่งของโลกในปัจจุบันแล้วล่ะก็ อย่าหวังเลยว่าเขาจะใส่มา ที่ยอมใส่ก็เพราะเป็นมารยาทในฐานะเจ้าของสถานที่จัดงานที่ต้องเข้าไปดูแลความเรียบร้อยให้ลูกค้า และลูกน้องคนสนิทของเขาก็ทราบถึงนิสัยข้อนี้ของเขาดี ถึงได้จงใจขับรถอ้อมโลกมาให้เขาชมทิวทัศน์ของชานเมืองแทนที่จะแล่นไปบนถนนสายหลักตามปกติเพื่อบรรเทาความหงุดหงิด
“เอาน่านาย...เดี๋ยวพอเสร็จงานเมื่อไหร่นายค่อยถอดมันออกก็ได้ ผมว่าเผลอๆ จะมีคนมาช่วยนายถอดให้ด้วยซ้ำ” เสียงลูกน้องหนุ่มหยอกเข้าให้พร้อมกับยิ้มรับสายตาพิฆาตของเจ้านายผู้ที่พ่วงด้วยตำแหน่งเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกัน เรียนมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก
ฟานนิส เวย์ เดอร์แคมป์ นักธุรกิจอาคารพาณิชย์ เดอร์แคมป์ อาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลวงแห่งเนเธอร์แลนด์อย่างอัมสเตอร์ดัม และเป็นทายาทเจ้าของพิพิธภัณฑ์หอศิลป์ที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งตั้งอยู่ชั้นบนสุดของอาคารเดอร์แคมป์ นอกจากนี้เขายังเป็นเจ้าของกิจการการขนส่งทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศอีกมากมาย อีกทั้งยังเป็นหุ้นส่วนกิจการต่างๆ ทั้งทางภาครัฐและเอกชน เรียกได้ว่าชื่อของฟานนิส เป็นที่รู้จักดีในประเทศในฐานะนักธุรกิจมือหนึ่งรวมทั้งฐานะชาติตระกูลที่เทียบเท่ากับอภิมหาเศรษฐี ไหนจะเครื่องหน้าหล่อเหลาคมคายกับนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลชวนฝันทำให้ ฟานนิสเป็นที่จับตามองของคนในสังคมรวมถึงบรรดาสาวๆ ที่พร้อมจะทอดกายมาให้เขาแสวงหาความสุขทุกเมื่อที่เขาต้องการแต่กระนั้นก็ยังไม่มีสาวคนใดสามารถยึดครองหัวใจของเขาได้เลยสักรายนอกจากเป็นแค่...คู่นอนชั่วคราว
“จะลองให้มีคนมาถอดให้บ้างมั้ยล่ะ แพทริก เดี๋ยวฉันจัดให้ สาวๆ ในสังกัดฉันมีเยอะ” ฟานนิสตอกกลับลูกน้องหนุ่มเสียงเรียบทว่านัยน์ตากลับมีแววขำอยู่ในที เมื่อเห็นท่าทางขนลุกพร้อมกับเสียงปฏิเสธรัวๆ ของแพทริก ผู้ที่ได้ฉายาว่า...บอดี้การ์ดภูเขาน้ำแข็ง
“ไม่ดีกว่าครับนาย...ถ้ามีสาวๆ แล้วต้องมาเจออย่างคุณแคธลินคู่ควงของนาย ผมขอบายดีกว่า” แพทริกว่าด้วยความรู้สึกขนลุกขนพองเมื่อนึกถึงใบหน้าสวยเฉี่ยวกับรูปร่างสะโอดสะองที่ชอบใส่ชุดเกาะอกเน้นเนินทรวงสล้างกับน้ำเสียงแหลมสูงอย่างคุณหนูไฮโซเอาแต่ใจของแคธลิน คู่ควงรายล่าสุดของนาย...
แคธลินเป็นลูกสาวเจ้าของธุรกิจกระเป๋าแบรนด์ดังของเนเธอร์แลนด์ หญิงสาวใช้นามสกุลอันหรูหราไฮโซไต่เต้าเข้าสู่วงการบันเทิง แต่กลับไม่ได้รับผลตอบรับดีเท่าที่ควรจึงตัดสินใจใช้ ‘เต้าไต่’ โดยการสลัดผ้าถ่ายหวิวเรียกเสียงฮือฮา แต่นั่นก็ไม่ทำให้คุณเธอได้รับชื่อเสียงดังที่คิด จนกระทั่งมาตกอยู่ในฐานะคู่ควงของฟานนิส เจ้านายของเขา...ซึ่งดูท่าว่าแคธลินจะมั่นอกมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองมากพอสมควรถึงขนาดกล้าชูคอแล้วบอกใครต่อใครว่าเธอคือ...ว่าที่คุณนายเดอร์แคมป์ ภรรยาของฟานนิส...และเหมือนเจ้าหล่อนคงจะคิดว่าสิ่งที่พูดจะกลายเป็นจริงเมื่อมีข่าวออกไปแล้วฟานนิสไม่มีการต่อว่าต่อขาน แต่สำหรับลูกน้องอย่างแพทริกแล้ว เขารู้ดีกว่า...ความเงียบของเจ้านายคือการรอเวลาจะ ‘เขี่ย’ ทิ้ง
“แพท...จอดรถก่อน” จู่ๆ ฟานนิสก็ออกคำสั่งแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาหนุ่มลูกครึ่งไทยถึงกับเหยียบเบรกรถแทบไม่ทัน เขาจอดรถนิ่งสนิทอยู่ริมคลองสายเล็กๆ มีสะพานคอนกรีตเชื่อมระหว่างฝั่งและมองใบหน้าคมของเจ้านายผ่านกระจกรถเหมือนจะถามว่ามีอะไร แต่สิ่งที่เห็นคือเจ้านายของเขากำลังมองออกไปนอกกระจกรถและลูกน้องอย่างเขาก็อดไม่ได้ต้องมองตาม
ฟานนิสไม่ได้ตั้งใจจะสั่งให้ลูกน้องหยุดรถกะทันหันแบบนี้ถ้าสายตาที่กวาดมองไปที่ทิวทัศน์ข้างทางจะไม่ปรากฏภาพเด็กน้อยกลุ่มหนึ่งอยู่ริมคลองอีกฝั่งหนึ่ง เด็กๆ กลุ่มนั้นกำลังล้อมวง บางคนนั่งห้อยขาแกว่งไปมาริมคลอง บางคนนั่งขัดสมาธิ บางคนกำลังกระโดดโลดเต้น ชูมือไม้ปรบไปมากลางอากาศ เขาจำได้ว่าเด็กๆ กลุ่มนี้มาจากสถานสงเคราะห์บ้านเด็กกำพร้า ‘โรสเตอร์โฮม’ ที่เขาให้เงินสนับสนุนมาตลอด ทว่าตาสีฟ้าชวนฝันกลับไม่ได้สนใจอะไรมากนักนอกจากจับจ้องไปยังร่างหนึ่งซึ่งอยู่ท่ามกลางเด็กๆ ร่างนั้นกำลังกระโดดโลดเต้นไปมาในชุดเสื้อเชิ้ตลายตารางหมากรุกขาวแดงกับกางเกงยีนขาเดฟยาว ชายเสื้อมัดเป็นโบสูงขึ้นเผยให้เห็นเสื้อกล้ามสีขาวเล็กน้อย ผมยาวสีน้ำตาลเข้มมัดเป็นเปียแกละสองข้างและมีผ้าโพกผมสีแดงมัดเป็นโบขนาดใหญ่โดดเด่นกลางศีรษะ...แต่อะไรก็ไม่เท่ารอยยิ้มกว้างที่กำลังส่งยิ้มหวานๆ ให้เด็กๆ เหล่านั้น ไหนจะเครื่องหน้าที่สวยหวานโดดเด่นถึงขนาดทำให้เขาหยุดมองได้
ฟานนิสนั่งนิ่งมองภาพหญิงสาวตรงหน้าอยู่อย่างนั้นนานพอสมควรจนกระทั่งเห็นว่าร่างนั้นกำลังโบกมือร่ำลาเด็กๆ และแยกตัวออกมาจับจักรยานที่จอดพิงไว้ใต้ต้นไม้ขึ้นมาขับข้ามคลองผ่านหน้ารถของเขาไปตามถนน จักรยานคันเก่าไม่ต่างอะไรกับเศษเหล็ก ด้านหลังมีตะกร้าผูกติดไว้บรรจุดอกทิวลิปหลากสีขับเคลื่อนผ่านไปโดยมีหญิงสาวคนนั้นเป็นคนขับ และไม่น่าเชื่อว่าเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ธรรมดาๆ จะทำให้ฟานนิสถึงกับมองไปจนลับสายตา...
“นายสนใจเธอหรือ” เสียงแพทริกปลุกให้ฟานนิสตื่นจากภวังค์ก่อนจะหันมาสบตาเชิงล้อเลียนของลูกน้องที่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่า เจ้านายของเขามีรสนิยมสนใจผู้หญิงบ้านๆ ด้วย “เธอก็สวยดีนะ”
“ไม่ต้องพูดมากแพท ขับรถไปได้แล้ว” เสียงห้าวของเจ้านายสั่งเข้มๆ ก่อนจะหันหน้าไปมองนอกหน้าต่างที่บัดนี้บรรดาเด็กๆ เริ่มทยอยกลับกันแล้ว พื้นที่ที่มีสาวน้อยร่างเล็กกระโดดโลดเต้นอยู่เมื่อครู่ว่างเปล่า...
จะว่าไปแล้วเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ ถึงได้รู้สึกสะดุดตาแม่สาวน้อยคนนั้น ทั้งๆ ที่สาวๆ ของเขาแต่ละคนล้วนมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากเธอลิบลับ ผู้หญิงที่ทำให้เขาสนใจได้ล้วนแต่มีรูปร่างสัดส่วนที่เต็มไม้เต็มมือและเร่าร้อนพอที่จะให้ความสุขกับเขาได้ หรืออาจจะเป็นเพราะเห็นรอยยิ้มและความรักเด็กของเธอกระมังที่ทำให้เขาสนใจ แต่เอาเถอะ คิดไปก็เปล่าประโยชน์ในเมื่อเขาก็แค่สะดุดตาเธอเท่านั้น แต่ถ้าคิดจะให้มาเป็นคู่นอน เธอคงไม่เหมาะแน่ๆ เขาไม่อยากจะนอนกอดกระดูกทั้งคืนหรอกนะ
ความคิดของนักธุรกิจหนุ่มสะดุดลงเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชายหนุ่มกดรับและใบหน้าคมคายนั้นก็เปลี่ยนเป็นนิ่งขรึมก่อนที่แววตาสีฟ้านั้นจะวาวโรจน์ขึ้น
“อะไรนะ!” สิ้นคำฟานนิสก็กดตัดสายทิ้งทันที ตาคมมองสบกับลูกน้องคู่ใจที่กำลังมองมาทางเขาอย่างเป็นคำถาม เสียงห้าวจึงสั่งเสียงเครียด “มีคนวางระเบิดที่จอดรถของอาคาร รีบขับรถไปพิพิธภัณฑ์ด่วนเลย!”