บทที่ 20 ปล้นเกี้ยวเจ้าสาวด้วยความโกรธ
"ไม่ได้ตื่นเต้นนะ ข้าก็แค่รู้สึกว่ามันน่าขำเกินไปก็เท่านั้น" นางกับผู้ชายมั่วสุมกันอาจจะมีความเป็นไปได้อยู่นิดๆ แต่ร่างเดิมของร่างกายนี้เป็นเด็กสาวที่กตัญญูขนาดนั้นเป็นเด็กดีเชื่อฟังขนาดนั้นอ่อนแอเสียขนาดนั้น พวกเขายังมาทำลายชื่อเสียงของนางเช่นนี้อีก
นี่มันช่างไร้ยางเกินไปแล้ว!
"พี่ ข่าวลือพวกนี้น่าจะแพร่ออกมาจากตระกูลซุนใช่ไหม?"
"ข้าก็ถามป้าหลิวดูแล้ว นางบอกว่าไม่ใช่ บอกว่าคนขายเนื้อเฉาของหมู่บ้านเซียงเหอเป็นคนพูด เจ้ารู้จักคนขายเนื้อเฉาใช่ไหม? ก็คือว่าที่พ่อตาของซุนซวี่ในอนาคต"
เหมิงเชียนเหยียนพยักหน้า "ข้าจำได้คลับคล้ายคลับคลาอยู่ ดูเหมือนจะเคยได้ยินใครพูดมาก่อน เป็นเพราะตระกูลซุนจับคนขายเนื้อเฉาได้ไม่ใช่หรือ ถึงได้จงใจตั้งเงื่อนไขเข้มงวดเกินไปกับข้า สุดท้ายก็ยกเลิกการแต่งงานไป"
"ใช่ๆ มันคือเช่นนี้แหละ! แต่ว่าเชียนเหยียน คนขายเนื้อเฉาคนนี้ไม่ใช่จะไปยั่วยุได้ง่ายๆ หลายปีมานี้การฆ่าหมูเชือดแกะในเมืองอาศัยแค่คนขายเนื้อเฉาคนนี้ ว่ากันว่าเขากล้าหาญมาก แม้แต่ชายฉกรรจ์สามคนเล่นมวยปล้ำกับเขา ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย"
"เช่นนั้นเรื่องนี้จะทำอย่างไรเดี" สวีเจินลุกขึ้นมา ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นตระหนก "เชียนเหยียนของเรายังไม่ได้หมั้นหมายกับใครเลย ก็มีข่าวลือเช่นนี้แพร่สะบัดออกมา แล้วอนาคต จะให้นางแต่งงานได้อย่างไร"
เหมิงเชียนเหยียนกลับไม่ได้รู้สึกว่ามันน่ากลัวขนาดนั้น แต่ว่าสวีเจินที่ใช้ชีวิตอยู่ในชนบทยุคโบราณเช่นนี้กลับรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ร้องไห้จนแม้แต่ปลายนิ้วก็ยังสั่นเทาไปด้วย
สวีเจินปฏิบัติต่อนางดีขนาดนี้ ตอนนี้กลับร้องไห้ขนาดนี้ จะให้นางไม่ปวดใจได้อย่างไรกัน
"ถ้าอย่างไร พวกเราไปคุยกับคนขายเนื้อเฉาดูกันเถอะ ข้าได้ยินมาว่า คนขายเนื้อเฉานั่นก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผลสักทีเดียว" สวีเจินที่นิ่งเงียบมาตลอดพยักหน้าซ้ำๆ "ใช่แล้วใช่แล้ว คุณพี่เราไปคุยกันเถอะ เชียนเหยียน เจ้าคิดว่าอย่างไร?"
เหมิงเชียนเหยียนขมวดคิ้ว ในดวงตาสีดำสดใสมีประกายแสงสลัวแวบผ่าน นางหยุดคำพูดของสวีเจินเอาไว้อย่างเด็ดขาด "ข้าคิดว่า ไม่มีความจำเป็นนี้"
"เพราะอะไร?"
"พวกท่านลองคิดดู เหตุผลที่ตระกูลเฉาปล่อยข่าวลือเช่นนี้ออกมา มีความเป็นไปได้เพียงสองอย่างเท่านั้น หนึ่งคือรู้สึกขุ่นเคืองในความสัมพันธ์ของข้ากับซุนซวี่ในอดีตก็เลยจงใจทำ อีกหนึ่งก็คือครั้งก่อนซุนซวี่ถูกข้าด่ารู้สึกเจ็บแค้นในใจและไปที่บ้านคนขายเนื้อเฉา คนขายเนื้อเฉาเข้าข้างลูกเขยไปชั่วขณะ ดังนั้นก็เลยปล่อยข่าวลือเช่นนี้ออกมา แต่ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ แพร่ออกมาแล้วก็คือแพร่ออกมาแล้ว แพร่ออกมาแล้วก็คือความผิด เมื่อทำความผิดข้าก็ต้องให้พวกเขาชดใช้พร้อมกัน" เหมิงเชียนเหยียนมองดูคราบน้ำตาบนใบหน้าของสวีเจิน น้ำเสียงเย็นชาเคร่งขรึมไม่อนุญาตให้ใครพูดแทรก
เหมิงฉวนรู้สึกกังวลในใจ "เชียนเหยียน คนขายเนื้อเฉาคนนั้นไม่ได้ต่อกรด้วยง่ายๆ เขายังมีลูกชายสามคน----"
"ถึงเขาจะมีลูกชายแปดคนก็ไม่มีประโยชน์!"
"เช่นนั้นเจ้าเจ้าคิดจะทำอย่างไร?" เหมิงเชียนเถากัดฟันแล้วถามออกไป
เหมิงเชียนเหยียนกล่าวว่า: "ควรจะกินก็กินควรจะนอนก็นอน ควรจะล่าสัตว์ก็ล่าสัตว์ พี่แค่ต้องขอให้ป้าหลิวช่วยเราสอบถามวันแต่งงานของซุนซวี่กันลูกสาวตระกูลเฉาก็พอแล้ว ข้าคิดว่า ตระกูลเฉายอมออกหน้าให้ เช่นนั้นคงห่างจากวันแต่งงานไม่ไกลแล้วแน่นอน"
เหอะๆ ซุนซวี่ เจ้ามันแน่ ถึงกับอยากจะให้ข้าถูกคนติฉินนินทาไปตลอด ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็รอกลายเป็นตัวตลกของคนทั่วทั้งเมืองไป่ฮวาแล้วกัน!
ในเวลาต่อมา ครอบครัวเหมิงฉวนสี่คน ล้วนอยู่กันแต่ในบ้านไม่ค่อยได้ออกไป และเวลาที่เหมิงเชียนเหยียนไปเขาซวงเฟิงก็เปลี่ยนเป็นตอนเช้าตรู่หรือไม่ก็กลางคืน ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการซุบซิบที่ไม่จำเป็นพวกนั้นออกไป
ไม่ออกไปวิ่งเล่น ตั้งใจหาเงิน ภายในระยะเวลาสั้นๆไม่ถึงหนึ่งเดือน เหมิงเชียนเหยียนก็หาเงินได้หนึ่งร้อยยี่สิบตำลึงเต็มๆแล้ว
ตระกูลหลิวข้างบ้านเคยได้รับความช่วยเหลือจากเหมิงเชียนเหยียน ดังนั้นจึงยังดีต่อตระกูลเหมิงมาโดยตลอด และหลังจากการสอบถามหลายครั้งของป้าหลิว ก็ยืนยันวันแต่งงานของซุนซวี่แล้วเช่นกัน ก็คือวันแปดเดือนห้า
วันที่แปดเดือนห้าวันนี้ ก่อนที่ฟ้าจะสาง ก็มีเสียงประทัดที่ดังมาแต่ไกลจากหมู่บ้านข้างเคียงมาถึงหมู่บ้านหลี่ฮวา เหมิงเชียนเหยียนได้ยินเสียงนี้ ก็ค่อยๆลุกขึ้นมา
เหมิงเชียนเถาก็ตื่นขึ้นมาเช่นกัน จับแขนของนางเอาไว้ "เชียนเหยียน ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะทำอะไร ข้ากลัวว่าจะเกิดเรื่องกับเจ้า ข้าอยากไปกับเจ้าด้วย"
"ไม่ต้อง" เหมิงเชียนเหยียนกล่าวพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ "วางใจเถอะพี่ ข้าไม่เป็นไรหรอกน่า"
นางกระโดดลงมาจากเตียง สวมชุดใหม่ที่สวีเจินเย็บให้นาง ตัวเสื้อเป็นสีดอกบัวอ่อนๆ แต่กลับเป็นชุดคล่องตัวทั้งชุด แบบของชุดเป็นอย่างที่นางต้องการ เช่นนี้กระฉับกระเฉงคล่องตัว ไม่เกะกะการเคลื่อนไหวของนาง สุดท้ายมัดผมขึ้นเป็นมวยสูง เผยให้เห็นหน้าผากอิ่มเอิบที่งดงามของนาง
ส่องกระจกดูแล้ว ก็ถือว่าพอใจอยู่ จากนั้นหลังจากที่กินข้าวเช้าแล้ว ก็แบกคันธนูและลูกธนูของนางออกเดินทาง
หมู่บ้านเซียงเหอกับหมู่บ้านซิ่งฮวาอยู่ห่างจากกันสองหมู่บ้าน และถนนนอกหมู่บ้านหลี่ฮวาเส้นนั้นเป็นถนนที่ขบวนรับเจ้าสาวของตระกูลซุนจำเป็นต้องผ่านเส้นหนึ่ง ดังนั้น เหมิงเชียนเหยียนมองดูขบวนที่ไปรับเจ้าสาวนั่นไปรับเจ้าสาวแล้ว ตนเองก็เอนพิงต้นแพร์ต้นหนึ่ง รอพวกเขากลับมาเงียบๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ที่ขอบฟ้าก็มีแสงสว่างเล็กน้อยปรากฏขึ้นมา ไม่ช้า แสงอาทิตย์อันอบอุ่นก็ส่องผ่านก้อนเมฆลงมา แสงแรกของอรุณรุ่งส่องสว่างอยู่บนใบหน้าของเหมิงเชียนเหยียน บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความองอาจผึ่งผายนั่นก็มีความนุ่มนวลปรากฏขึ้นมาอีกเล็กน้อย
นางเอนตัวพิงอยู่ หักนิ้วตัวเองไปด้วย คิดอยู่ว่าอีกสักครู่จะทำให้คนของตระกูลซุนอับอายอย่างไร
ทันใดนั้น สีหน้าท่าทางของนางก็ชะงักไป ก็มีความรู้สึกที่เหมือนเคยเกิดขึ้นมาก่อนวนเวียนอยู่ในใจ ดูเหมือน ดูเหมือนว่าข้างหลังจะมีสายตาหนึ่งกำลังจับจ้องนางอยู่
นางหันหลังกลับไปกะทันหัน ก็มองเห็นเงาร่างสีขาวขุ่นนั้น ร่างนั้นนั่งตรงอยู่บนหลังม้า ในมือถือขลุ่ยที่ทำมาจากไม้ไผ่ ปลายด้านหนึ่งของขลุ่ย เป็นพู่ถักสีแดงที่ละเอียดอ่อนและสลับซับซ้อน
ดูจากพู่ห้อยขลุ่ยนั่นแล้ว น่าจะเป็นคนตระกูลมั่งคั่งร่ำรวยถึงจะสามารถมีได้ หรูหราซับซ้อน
"ท่านนี่เอง----"
เหมิงเชียนเหยียนจำเขาได้ บนเขาซวงเฟิงนางเป็นคนช่วยผู้ชายคนนี้เอาไว้ เพียงแต่ว่าต่อมา ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้จากไปเมื่อไหร่
"ข้าเอง" เสียงของลั่วจื่อเหิงชัดเจน เกี่ยวมุมปากขึ้นมา ในสายตาที่ลึกล้ำมีรอยยิ้มจางๆแวบผ่านไป
"ทำไมท่านถึงอยู่ที่นี่ได้?"
"ข้าพักฟื้นอยู่ที่นี่"
เหมิงเชียนเหยียน พยักหน้า "ก็ใช่ ข้าจำได้ว่าท่านได้รับบาดเจ็บ"
"เป็นเพราะเจ้าช่วยข้าทำความสะอาดแผลใหม่ ถึงทำให้ขาข้างนี้ของข้าไม่ถึงกับบาดเจ็บสาหัสไปมากกว่านี้"
ได้ยินคำพูดนี้ เหมิงเชียนเหยียนก็ลุกขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม อดที่จะมองลั่วจื่อเหิงอีกครู่หนึ่งไม่ได้ "อืม ใช้ได้ เป็นคนมีเหตุผลดี เช่นนั้น ในเมื่อข้าเคยช่วยท่านไปครั้งหนึ่ง ท่านคิดจะตอบแทนข้าอย่างไรล่ะ"
"ครั้งที่แล้วข้าก็ตอบแทนเจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือ?"
เหมิงเชียนเหยียนมองต่ำลงไป นึกขึ้นมาได้ "ออ ที่แท้ครั้งก่อนคนที่ทำให้โจรพวกนั้นตกใจหนีไปล้วนเป็นคนของท่านนี่เอง"
"ใช่แล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นั่น ข้าก็จะไม่ยุ่งกับเรื่องนั้นแล้ว"
"ตกลง เช่นนั้นเราก็ไม่ติดค้างกัน" เหมิงเชียนเหยียนเก็บสายตากลับมา รอคอยต่อไปเงียบๆด้วยท่าทางเมื่อครู่นี้
เวลานี้ ลั่วจื่อเหิงกลับลงจากม้ามาช้าๆ เดินกะเผลกๆมาถึงข้างกายของเหมิงเชียนเหยียน เขากล่าวอย่างสบายอารมณ์: "บุญคุณแม้เพียงหยดน้ำก็ควรตอบแทนให้ได้ดั่งสายธาร ถ้าหากเจ้าต้องการ ครั้งนี้ข้าสามารถช่วยเจ้าได้อีก"
"ช่วยข้า?"
"ใช่แล้ว เจ้าเตรียมตัวที่จะแก้แค้นไม่ใช่หรือ" นิ้วมือที่เรียวยาวและนิ้วข้อกระดูกที่ชัดเจนของเขาลูบไล้คันธนูที่อยู่บนหลังของนาง ในสีหน้าท่าทางก็มีความอยากรู้อยากเห็นเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
"แก้แค้นคือเรื่องจริง ใครใช้ให้พวกเขาทำให้แม่ข้าร้องไห้! แต่ว่า ทางที่ดีที่สุดท่านควรอยู่ให้ห่างหน่อย อีกเดี๋ยว----"
คำพูดของเหมิงเชียนเหยียนยังไม่ทันจะพูดจบ เสียงเครื่องดนตรีต่างๆก็ดังกลับมาแต่ไกลอีกครั้ง เหมิงเชียนเหยียนเลิกคิ้วขึ้นมา "ขบวนรับเจ้าสาวกลับมาแล้ว!"
