บทย่อ
การทะลุมิติคราหนึ่ง ถูซินเยว่พบว่าตัวเองนั้นกลายเป็นยัยอ้วนท้วม ไม่แค่อ้วนอย่างเดียวยังโง่อีก ซ้ำยังถูกพี่สาวกับคู่หมั้นรวมหัวกันคิดแผน ให้นางแต่งงานกับบัณฑิตที่จนสุดๆ! ไม่เป็นไร นางเป็นถึงหมอทหารศตวรรษที่21เชียวนะ! แถมยังมีน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ครอบครองอยู่ในมืออีก! ผู้ชายเฮงซวยหักหลัง?ตบมันซะให้คว่ำไปเลย!ญาติมิตรร้ายกาจ? ถีบกระทืบให้เละไปซะ!หาว่านางอัปลักษณ์?นางจะทำสวยให้ดูเป็นขวัญตา! เพียงแต่ นางแค่อยากปลูกผักทำนาอยู่เงียบๆ ทำให้ครอบครัวร่ำรวยเงินทองก็เท่านั้น สามีรูปงามผู้นั้นเหมือนจะถูกฉีดเลือดไก่ปลุกให้คึก ไม่เพียงดุดันดั่งหมาป่ากลางดึก ยังบังเอิญขึ้นอยู่เหนือใต้หล้าซะงั้น......
บทที่ 1 นังอ้วนบ้า
จู่ๆท้องโดนคนถีบเข้าอย่างแรง ร่างกลมอ้วนของถูซินเยว่กลิ้งไปมาบนเตียงไม้สองรอบ ถึงหยุดลง
แต่หัวกลับไปชนเข้ากับขอบอย่างแรง จนเป็นก้อนบวมปูดที่ทั้งแดงและแข็งก้อนหนึ่ง ทำนางเจ็บจนสั่นสะท้าน จนอยากจะลืมตาตื่นขึ้น
รวบรวมกำลังทั้งหมด ถูซินเยว่ฝืนเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมาได้....
เสียงหนวกหูโวยวายรอบหูเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เงาร่างคนเลือนรางรอบข้างเริ่มชัดกระจ่างขึ้น
“เรื่องนี้ ตระกูลถูของพวกเจ้าต้องจัดการให้ความยุติธรรมกับตระกูลซูของเรานะ!”
หือ?
ที่นี่ที่ไหนกัน?
พวกเขากำลังพูดเรื่องอะไรกัน?
ปวดหัวมากยิ่งนัก ถูซินเยว่ได้แต่มองดูพวกคนที่แต่งตัวประหลาดเหล่านั้น พลางบ่นในใจ แต่ปากกลับพูดอะไรไม่ออกเลย นางหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย ฟังคนพวกนั้นถกเถียงกันต่อไป
“สะใภ้ใหม่ดีๆ เหตุใดกลายเป็นนังอัปลักษณ์เช่นนี้ได้?”
“ตระกูลถูของพวกเจ้าผิดคำพูด รังแกกันใช่หรือไม่? คิดจะใช้คนโง่สติไม่ดีคนหนึ่งมาตบตาพวกข้า ถูหมิงซวนล่ะ? รีบนำนางออกมา นังอัปลักษณ์นี่พวกข้าไม่ต้องการ!”
ซูเฟิ่งอี๋ซึ่งเป็นท่านป้าใหญ่ของตระกูลซูกับซูฟาเสียงลูกชายคนเล็กเอะอะโวยวายอยู่ด้านนอกประตู ใต้ต้นพุทราที่หน้าประตูผูกรถลากวัวคันหนึ่งไว้ เสื่อฟางขาดเก่าที่ปูไว้บนนั้นห่อตัวหญิงอ้วนผู้หนึ่งในชุดเจ้าสาว
ร่างอ้วนเปียกชุ่ม นั่นคือถูซินเยว่ที่หนาวจนสั่นสะท้าน
ในตอนที่ตระกูลซูพ่นน้ำลายเป็นฟอง แทบจะพังประตูไม้เข้าไป ประตูไม้เล็กเก่าคร่ำลั่นแอดเปิดออก เผยให้เห็นพื้นที่มิติ และโผล่หัวนายหญิงชราออกมา
นายหญิงชรากวาดตามองไปรอบๆ ข้างนอก สายตาขุ่นมือฉายแววเจ้าเล่ห์ “พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกัน? คิดจะงัดบ้านของตระกูลถูพวกข้ากลางดึกงั้นรึ? มีเรื่องอะไรก็ไปเรียกผู้ใหญ่บ้านมาสิ จะได้คุยกับพวกบ้าอย่างพวกเจ้าไง”
“นายหญิงชราถู ท่านหมายความว่ายังไงน่ะ?” ซูเฟิ่งอี๋แหกปากตะโกนถาม “ใครมาหาเรื่องพวกท่านที่นี่กัน? ท่านคิดว่าบ้านสกปรกอย่างตระกูลถูของพวกท่านน่ะพวกข้าอยากจะเข้ามางั้นรึ?”
“มีอะไรว่ามา” ชายหน้าตาผอมโซข้างๆพอเห็นซูเฟิ่งอี๋เริ่มนอกเรื่องไปไกล ก็ดึงชายเสื้อนาง
ท้องฟ้าดูมีเค้าครึ้มมา หากอีกครู่ฝนตกลงมา คงจัดการเรื่องไม่ได้แล้ว
ซูเฟิ่งอี๋ถลึงตาใส่เขา พูดเสียงเย็นว่า “ตระกูลถูของพวกเจ้าทำเรื่องงามหน้าไว้น่ะสิ ทั้งที่ตระกูลซูของข้าแต่งกับถูหมิงซวนซึ่งเป็นลูกสาวคนรองของตระกูลถูพวกเจ้าแท้ๆ พวกเจ้ากลับเอานังโง่นี่มาตบตา คิดว่าตระกูลซูของพวกข้ารังแกกันได้ง่ายๆงั้นรึ?”
ระหว่างพูด นางเดินมายืนหน้ารถลากวัว เปิดเสื่อฟางขาดที่คลุมด้านบนออก เผยให้เห็นถูซินเยว่ตัวกลมอ้วนบนเสื่อฟางนั่น
ไม้ไผ่ขอบเสื่อฟางขาดผุนั่นบาดใบหน้านาง จนเกิดรอยแผลเลือดซิบ ทำเอาถูซินเยว่เจ็บจนมองบน
ซูเฟิ่งอี๋กำลังร้อนใจถกเถียงกับนายหญิงชราถู ไหนเลยจะมีแก่ใจแลนาง พลันยกเท้าถีบร่างอ้วนกลมของถูซินเยว่หล่นจากรถลากวัวทันที ถึงแม้ว่าจะมีไขมันมาก แต่ก็ทนรับการถีบเช่นนี้ไม่ไหว นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นอย่างน่าสงสาร ถูซินเยว่แค่รู้สึกว่ากลางหน้าผากของตนโดนเคาะอย่างแรง เจ็บจนวิญญาณแทบจะหลุดจากร่างแล้ว
นางนอนแอ้งแม้งบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง กระทั่งตายังลืมไม่ขึ้นเลย
ซูเฟิ่งอี๋กลับเดินมายืนตรงหน้านายหญิงถูด้วยท่าทีคุกคาม พลางยิ้มเย็นบอก “ดูสิ ดูสิ นี่คือนังโง่แห่งตระกูลถูของพวกเจ้า เอาคนโง่สติไม่ดีมาตบตาพวกข้ารึ? วันนี้เป็นวันมงคลของจื่อหัง ตระกูลซูของเราไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ รีบมอบถูหมิงซวนออกมา นั่นถึงจะเป็นสะใภ้ใหม่ของตระกูลซูเรา หากไม่มอบคนออกมา ก็คืนสินสอดให้พวกข้าซะ!”
ระหว่างพูด นางแบมือใส่อย่างบีบคั้น
นายหญิงถูที่อยู่ด้านในกลับอ้าปากถ่มน้ำลายใส่ฝ่ามือของซูเฟิ่งอี๋
“ถุย หมิงซวนเป็นของบ้านใหญ่ นังโง่นั่นเป็นของบ้านสี่ วันนี้พวกนางสองคนแต่งงานพร้อมกัน พวกเจ้าดึงผิดคนเอง จะมาเรียกร้องความยุติธรรมอะไรกับคนแก่สองคนอย่างพวกข้ากัน? ไปเลยไปเลย ไสหัวไปเร็ว!”
ไม่รอพวกเขาได้สติ นายหญิงถูปิดประตูดังปั้ง
ซูเฟิ่งอี๋ยืนอึ้งเป็นไก่ตาแตก มองดูเสลดเหลืองที่ไหลบนฝ่ามือ หันไปอาเจียนข้างๆทันที
ถึงจะโตมาในกองโคลนเช่นเดียวกัน แต่หลายปีมานี้ งานหนักในบ้านล้วนยกให้แม่จื่อหังหมดแล้ว มือคู่นี้ที่รักษาบำรุงของนาง ไหนเลยจะเคยเจอของน่าขยะแขยงเช่นนี้กัน
นายหญิงชราตระกูลถูนี่หยาบกระด้างยิ่งนัก
ซูฟาเสียงที่แก้มตอบปากแหลมกลับเกาหัวแกร่กๆพลางว่า “ทำไงดีล่ะ ตัวคนก็ไม่ได้ เงินก็ไม่ได้คืน กลางดึกอย่างนี้ ครอบครัวเจ้าสามถูต้องอยู่ในอำเภอกันหมดแน่ แล้วเหลือนังโง่นี่ไว้ให้พวกเราทำไมกัน?”
เขายื่นมือออกมาชี้ถูซินเยว่ที่อยู่บนพื้น
วันนี้เป็นวันที่เจ็ดเดือนหก เป็นฤกษ์งามยามดี หลานสาวตระกูลถูออกเรือน หลานสาวสองคน คนหนึ่งแต่งให้กับตระกูลเหลียงในอำเภอ อีกคนแต่งมาตระกูลซูของหมู่บ้านข้างๆ เดิมมันเป็นเรื่องดีนัก แต่ใครเลยจะคิดว่า ระหว่างทางเกิดสลับตัวเจ้าสาวเสียได้
สะใภ้ดีๆของตระกูลซูกลับกลายเป็นหญิงโง่ที่ทั้งอ้วนและอัปลักษณ์
ในคืนแต่งงานนี้ นังโง่นี่ยังล้มหัวมุดคะมำลงไปบ่อน้ำด้านหลังของตระกูลซู พอเห็นถูซินเยว่นอนหายใจรวยริน คนตระกูลซูถึงรีบเอาตัวนางขึ้นรถลากวัวมาตระกูลถูอย่างลนลาน คิดจะยกเลิกการแต่งงาน
แต่ใครเลยจะคิดว่านายหญิงถูจะโหดเหี้ยมนัก ไม่สนใจหลานสาวที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นเลย ซ้ำปิดประตูใส่หน้าเสียอีกด้วย
สองคนจากตระกูลซูมองหน้ากันไปมา และหันไปมองถูซินเยว่ที่อยู่บนพื้นอีก
“ไม่ได้ ตระกูลถูหลอกลวงแต่งงานชัดๆ วันนี้ต้องเอาให้รู้เรื่องกันไปเลย” ท่านป้าใหญ่ตระกูลซูเช็ดเสลดเหลืองในมือออก เท้าเตะประตูผ่าง ท่าทางเอาเรื่องไม่ยอมง่ายๆ
แต่ในตอนนี้เอง ท้องฟ้ากลับฟาดฟ้าผ่าเปรี้ยง ฝนเม็ดใหญ่เท่าเม็ดถั่วตกครืนลงมาทันที
“ฝนตกแล้ว พวกเรารีบกลับกันเถอะ ขืนสายกว่านี้จะกลับไม่ได้ละ” ซูฟาเสียงยกมือขึ้นบังเหนือหัวตน
“นังโง่นี่ทำอย่างไรเล่า?” ซูเฟิ่งอี๋ลังเลเล็กน้อย นังโง่นี่ทั้งโง่ทั้งหนัก กว่าจะเอามาจากตระกูลซูได้ก็ลงแรงไปไม่น้อย ตอนนี้ต้องมาดึงกลับไปอีก...สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าลากนังโง่นี่กลับไป ถ้าอยากส่งตัวกลับมาอีก คงไม่ง่ายดายอย่างนี้แล้ว!
ถูซินเยว่รู้สึกหนาวเย็นอยู่ในใจ นอนอยู่นานขนาดนี้ บวกกับความทรงจำสับสนไปมาในสมอง นางเองก็พอจะเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแล้วล่ะ
ตนไม่เพียงย้อนเวลา ยังย้อนเวลามาอยู่ในร่างหญิงอ้วนคนหนึ่ง ตอนนี้พ่อแม่ของหญิงอ้วนคนนี้ไปดื่มเหล้างานมงคลในอำเภอแล้ว ดูจากท่าทีนายหญิงถูนั่นแล้วคงไม่คิดรับนางกลับแน่ ถ้าคนตระกูลซูจากไปแบบนี้ นางคงโดนทิ้งอยู่นอกประตูทั้งคืนแน่
ฝนตกหนักขนาดนี้ ตอนนี้ตนก็อ่อนแอมาก ถ้าโดนทิ้งอยู่ที่นี่จริงๆ ต้องตายแน่!
ถึงจะย้อนเวลามาอยู่ในร่างหญิงอ้วน แต่ถูซินเยว่ยังไม่อยากตายนะ!
พอเห็นสองคนนี้ปรึกษากันดีแล้วว่าจะทิ้งตนไว้ ถูซินเยว่พยายามออกแรงทั้งหมดที่มือ ยกมือขึ้นคว้าจับขากางเกงของท่านป้าใหญ่ตระกูลซูอย่างแรง ทำเอาท่านป้าใหญ่ตระกูลซูหวีดร้องออกมา ก้มหน้าลงมอง และได้เห็นดวงตาดำมืดบนใบหน้ากลมอ้วนของถูซินเยว่จ้องมองมายังตน นางรังเกียจคิดจะเหยียบย่ำซ้ำลงไป แต่กลับได้ยินเสียงอ่อนโยนดังมาจากที่ไม่ไกล
“พานางกลับไปเถอะ นางอยู่ที่นี่ต้องตายแน่”
ตนพึ่งจะผ่านเสียงโหวกเหวกโวยวายที่ด่าทอกันไปมาระหว่างท่านป้าใหญ่ตระกูลซูกับนายหญิงถู ตอนนี้น้ำเสียงใสกระจ่างดุจน้ำพุนี่ฟังดูเพราะมากในหูของถูซินเยว่
นางหันไปมองอย่างงงๆ และเห็นชายหนุ่มในชุดเจ้าบ่าวมือถือร่มกระดาษยืนอยู่กลางสายฝน
ในวินาทีที่นางมองไป ดวงตาราบเรียบของชายหนุ่มก็ประสานสายตากับนางเช่นกัน
หัวใจของถูซินเยว่พลันเต้นผิดไปหนึ่งจังหวะ หล่อ หล่อมาก!
ในหัวเพิ่มมีความคิดนี้ออกมา ถูซินเยว่ก็สลบไปเพราะอ่อนเพลียมาก ก่อนสลบไป คลับคล้ายคลับคลาว่าได้ยินเสียงซูเฟิ่งอี๋อุทานอย่างตกใจว่า “จื่อ จื่อหัง เจ้ามาได้อย่างไรน่ะ?”