คำขอจากมารดา
ภายในห้องทำงานของบอสหนุ่ม อัครเดชหรือว่าเสือกำลังนั่งจับจ้องไปที่จอคอมพิวเตอร์ ซึ่งในเวลานี้มันแสดงกราฟยอดขาย พุ่งทะยานทะลุเป้าจนน่าพอใจ
Rrrr!!! เสียงสมาร์ตโฟนเครื่องแพงดังขึ้น พร้อมกับโชว์ใบหน้าของมารดา เพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา ก่อนที่เขาจะรับสายชายหนุ่มได้ฉีกยิ้มกว้าง มองไปที่รูปในจอสมาร์ตโฟนด้วยความรู้สึกคิดถึงผู้เป็นมารดาอย่างสุดซึ้ง
"สวัสดีคร้าบ คุณนายแม่โทรมาหาผมตั้งแต่ เช้าคิดถึงลูกชายล่ะสิ" เสียงทุ้มพูดจาอ่อนหวานไปตามสาย เพื่อออดอ้อนมารดาอย่างเคย
"ถ้าแม่ไม่โทรหา เสือก็จะไม่โทรหาแม่เลยใช่ไหม ไม่คิดถึงแม่เลยเหรอ ใช่สิ! แม่มันแก่แล้วนี่ คงกลายเป็นผู้หญิงที่ถูกลืมไปแล้วมั้ง จะไปสู้สาวๆ สวยๆ ข้างกายลูกได้ยังไง ใช่ไหมล่ะ พ่อเสือหนุ่ม" มารดาของเขาพูดออกมาด้วยถ้อยคำกระเซ้าเย้าแหย่ผู้เป็นลูกชาย เพราะนางรู้จักนิสัยของอัครเดชดี ชายหนุ่มมีดีกรีเป็นถึงเดือนมหา'ลัย ด้วยหน้าตาและโพรไฟล์ของเขานั้น มีหรือที่ผู้หญิงจะไม่วิ่งเข้าหา แล้วยิ่งเงินหนาแบบนี้
"โธ่! แม่ครับ ผู้หญิงที่ถูกลืมอะไรกันเล่า แม่เป็นผู้หญิงที่อยู่ในใจของผมเสมอ และเป็นเพียงคนเดียวที่ผมรักและเทิดทูนบูชา ผู้หญิงพวกนั้นก็แค่เดินผ่านเข้ามาแล้วก็จากไป ผมไม่เคยจริงจังกับใครหรอกครับ" ชายหนุ่มรีบพูดจาอ้อนมารดาออกมาอีกครั้ง จนนางนั้นรู้สึกหมั่นไส้ลูกชายตัวดี นานๆ ทีถึงจะกลับบ้าน ปีละไม่กี่หนด้วยซ้ำ
"ไม่ต้องมาพูดดีเลยนะพ่อเสือ งานที่โชว์รูมเป็นยังไงบ้างช่วงนี้ขายดีไหม" คราวนี้หญิงสูงวัยเปลี่ยนน้ำเสียงเอ่ยถามลูกชายออกมาด้วยความห่วงใย
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับแม่ ใครเป็นผู้บริหารนี่นายอัครเดชลูกชายของแม่เลี้ยงกวางกมล บอสหนุ่มที่มากความสามารถ ยอดขายในแต่ละวันพุ่งเกินคาด แม่สบายใจได้ครับ" ชายหนุ่มคุยโม้ออกมาด้วยความพึงพอใจ เมื่อความสามารถของเขานั้น ทำให้ธุรกิจที่ตั้งใจเอาไว้ไปได้สวย เพราะส่วนตัวแล้วอัครเดชเคยเป็นนักแข่งรถมาก่อน ซึ่งทุกวันนี้เขาก็ไปที่สนามบ้างเมื่อมีโอกาส แม้งานจะรัดตัว แต่เขาก็ไม่เคยละทิ้งความชอบในการแข่งรถ
"งานที่โชว์รูมคงยุ่งมากเลยสินะ เหนื่อยไหมลูก พักผ่อนบ้างนะแม่เป็นห่วง" ประโยคคำถามจากมารดากำลังทำให้หัวใจของเขาพองโต เป็นดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจ เมื่อคำถามเหล่านั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย
"ผมคิดถึงแม่จังเลยครับอยากกอด"
"แม่ก็คิดถึงเสือเหมือนกัน อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมเดี๋ยวแม่จะฝากน้องเอาไปให้" คำว่าน้องที่มารดากล่าวถึง ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย
"ขอเป็นน้ำพริกอ่องก็แล้วกันนะครับแม่ แล้วอย่าลืมแคบหมูกับน้ำพริกหนุ่มด้วย ผมอยากกินมากเลยตอนนี้ ว่าแต่น้องที่ไหนเหรอครับใครจะแวะมา" จากน้ำเสียงที่ออดอ้อนเริ่มแฝงไปด้วยความสงสัย เมื่อลางสังหรณ์ของเขานั้นกำลังนึกถึงใบหน้าของหญิงสาว ที่ไม่ได้เจอกันหลายปีเพราะเวลาที่เขากลับบ้าน เธอก็จะไปเรียนในตัวเมืองและพักที่หอหญิง ทั้งสองจึงไม่ได้พบกัน
"ขวัญข้าวเรียนจบแล้ว แม่ห่วงน้อง จะให้ไปทำงานที่ไหนก็คงไม่ปลอดภัยเท่ากับทำงานกับลูก แม่ฝากให้เสือสอนงานให้น้องหน่อยสิ ถือว่าแม่ขอร้อง" จากคำพูดและน้ำเสียงของมารดาทำให้ชายหนุ่มเข้าใจเลยว่า นางรักขวัญข้าวมากแค่ไหน
"แม่ครับเธอโตแล้วนะครับ ขวัญข้าวก็อาจจะอยากมีชีวิตเป็นของตัวเองบ้าง แม่ก็ปล่อยๆ เธอไปเถอะ ร้านที่โชว์รูมของผมไม่เหมาะกับเธอหรอก แล้วจะให้เธอพักที่ไหน อยู่บ้านเดียวกับผมน่าเกลียดตายเลยไม่เอาหรอกครับแม่" ชายหนุ่มพยายามพูดหว่านล้อมจิตใจของมารดา เพื่อให้นางนั้นยกเลิกในสิ่งที่ตั้งใจ ที่จะให้ขวัญข้าวมาอยู่กับเขา
"ขวัญข้าวก็เหมือนน้องสาวของเรานะเสือ ลูกจะไม่ดูดำดูดีน้องเลยหรืออย่างไร ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะปล่อยให้ไปเผชิญชะตากรรมที่โหดร้ายในโลกกว้างแม่ทนไม่ได้ แม่เชื่อว่าน้องจะทำงานที่โชว์รูมนั่นได้ดี เสือจะไปสนใจหรือแคร์ใครทำไม ในเมื่อขวัญข้าวก็คือคนในครอบครัวของเรา" ฟังจากคำพูดของมารดาดูเหมือนว่านางนั้นจะไม่ฟัง หรือยอมรับความคิดเห็นใดๆ จากเขาเลย
"แต่ความเป็นจริงเธอก็ไม่ใช่น้องผมนี่ครับแม่ และที่บ้านผู้ชายก็เข้าออกบ่อยๆ เพื่อนผมมักจะมาจัดปาร์ตี้สังสรรค์ที่นี่ เธอทนได้ไหมล่ะครับ คุณหนูขวัญข้าวของแม่จะทนได้หรือเปล่า" ชายหนุ่มรีบหาข้ออ้างขึ้นมา เพื่อให้มารดาเปลี่ยนใจ
"แม่เชื่อใจเสือนะ เชื่อว่าเสือจะดูแลและปกป้องขวัญข้าวได้ ชีวิตของน้องน่าสงสารมากเลยนะลูก ในชีวิตของแม่ มีคนที่รักปานดวงใจแค่สองคน ก็คือเสือและขวัญข้าว แม่ขอแค่นี้เสือทำให้แม่ได้หรือเปล่า" ฟังจากคำพูดและน้ำเสียงของมารดาต่อให้เขาชักแม่น้ำทั้งห้าก็คงไม่เป็นผล สรุปแล้วเขาคงต้องยอมรับขวัญเข้าเข้ามาในชีวิต แม้ว่าเธอนั้นจะมาในฐานะน้องสาว แต่เขาและเธอนั้นก็ไม่ได้สนิทกัน ถึงขนาดเวลาที่เจอกันคงเหมือนคนแปลกหน้าด้วยซ้ำ
"เธอจะมาวันไหนครับแม่" ชายหนุ่มจำใจต้องถามว่าไปแบบนั้น เพราะไม่มีทางเลี่ยงแล้วจริงๆ
"น้องจะไปวันเสาร์เดี๋ยวแม่ขอดูเวลาก่อนแล้วจะโทรไปบอกอีกทีอย่าลืมไปรับน้องที่สนามบินด้วยล่ะ"
"ตกลงครับแม่ แค่นี้นะครับสวัสดีครับ"
"เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งวางสาย" หญิงสูงวัยรีบพูดแทรกขึ้นมาในทันทีก่อนที่ลูกชายจะวางสาย
"มีอะไรหรือเปล่าครับแม่"
"เสือจำเอาไว้ให้ขึ้นใจนะ ขวัญข้าวคือน้องสาวเป็นดั่งแก้วตาดวงใจอีกดวงของแม่ ดูแลน้องให้ดีและที่สำคัญที่สุดอย่าคิดฉวยโอกาสหรือเกินเลยกับน้องเป็นอันขาด น้องไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนน ไม่ใช่ผู้หญิงของเสือ ถ้าเห็นน้องเป็นแค่ของเล่นแล้วละก็ แม่ก็จะคิดว่าเสือไม่ใช่ลูกเช่นกันและจะไม่มีวันอภัยให้ลูกตลอดชีวิต" คำพูดของมารดาทำให้ชายหนุ่มถึงกับส่ายศีรษะไปมา เพราะเขาไม่มีทางทำแบบนั้นแน่
"แม่สบายใจได้ครับ ผมไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นกับยัยเด็กกะโปโลนั่นได้หรอก" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับกระตุกยิ้มและหัวเราะออกมาในลำคอเบาๆ เขาจะรู้หรือเปล่าว่าเวลานี้ขวัญข้าวโตเป็นสาวและสวยแค่ไหน
"ขอให้มันจริงแล้วอย่ากลืนน้ำลายตัวเองล่ะ แค่นี้แหละ"
"ครับแม่ ดูแลตัวเองด้วยนะครับ สวัสดีครับ" พอวางสายจากมารดาบอสหนุ่มถึงกับนั่งเอามือกุมขมับเลยทีเดียว เขายังคงคิดภาพไม่ออกเลยถ้าภายในบ้านของเขามีขวัญข้าว เดินเข้ามาและอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกับเขา ในแต่ละวันชีวิตของเขาจะเป็นยังไง ที่สำคัญอัครเดชและเธอนั้นต้องเจอกันทุกๆ วัน เกือบยี่สิบสี่ชั่วโมง ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน