บทนำ.
ตึก! ตึก! ตึก!
เสียงรองเท้าส้นสูงราคาแพงดังกระทบพื้นดังกึกก้องไปทั่วบริษัทวีรยะเกริกไกรการโยธา บริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศที่ทำรายได้ต่อปีไม่ต่ำกว่าห้าร้อยล้าน อยู่ภายใต้การบริหารงานโดย นายทรงยศ วีรยะเกริกไกร บริษัทที่ใคร ๆ ก็ต่างอยากเป็นหุ้นส่วนด้วย ทว่าชายหนุ่มวัยกลางคนกลับไม่ยอมรับหุ้นส่วนคนใดเข้ามาร่วมลงทุนเพราะเขาถือว่ามันคือของครอบครัวเขา หลายปีที่ผ่านมาเกิดวิกฤต
ทำให้บริษัทขาดทุนไปหลายร้อยล้าน ผู้บริหารอย่างทรงยศจึงต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาประคองบริษัทเอาไว้ แน่นอนว่าบริษัทที่ทำเงินได้มากมายไม่มีปัญหาเรื่องการชำระหนี้สินที่ยืมมา ถ้าไม่ติดตรงที่ผู้บริหารนำเงินส่วนนั้นไปเล่นการพนันจนหมดตัว เป็นหนี้เพิ่มพูนขึ้นมาหลายเท่า และตอนนี้เจ้าหนี้ที่ใคร ๆ ต่างเกรงกลัวก็กำลังมาตามทวงถึงบริษัท
"จะให้คำตอบผมได้หรือยังครับ"
เป็นคำถามที่อาจจะดูสุภาพไม่มีอะไรแต่น้ำเสียงเย็นยะเยือกและสายตาคมกริบของมาเฟียหนุ่มเจ้าของเงินก้อนโตอย่างคาร์น เควิน คาร์นทำให้ทรงยศแทบนั่งไม่ติด สมองคิดอะไรไม่ออก ยิ่งมีปลายกระบอกปืนนับสิบจ่อเล็งมาที่เขายิ่งกลัวจนตัวสั่น
"คือว่า.." ทรงยศได้แต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบยังไง เพราะเขาได้เลื่อนจ่ายมาหลายงวดแล้ว ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะไม่รอดแน่ ๆ เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดขึ้นมาบนใบหน้าของผู้ที่เคยมั่นใจตัวเองว่าจะไม่มีวันล้มละลาย บัดนี้กลับต้องไปขอกู้ยืมเด็กหนุ่มคราวลูกที่เป็นคนที่มีอิทธิพลจนไม่มีใครอยากจะยุ่งเกี่ยวด้วย
ปึก! มาเฟียหนุ่มผู้ไม่ชอบการรอคอย และไม่ชอบคนผิดสัญญาได้แตะขาเก้าอี้เสียงดังเพื่อเค้นคำตอบและสั่งลูกน้องคนสนิทให้จัดการ
"อย่าทำอะไรผมเลยนะครับคุณคาร์น ตอนนี้ผมยังไม่..."
ยังไม่ทันที่ทรงยศจะเอ่ยปากพูดจบประโยค ก็มีใครบางคนเปิดประตูเข้ามาอย่างไร้มารยาท ทำให้ลูกน้องของมาเฟียรีบลดปืนลงโดยอัตโนมัติ
แอดดดด~
เพียงเสี้ยววินาทีก็ปรากฏร่างสวยในชุดเดรสสุดเซ็กซี่จนใครหลายคนไม่อาจละสายตาได้ ใบหน้าสวยคมของเธอสะกดสายตาของชายหนุ่มภายในห้องรวมไปถึงมาเฟียหนุ่มที่ไม่เคยเห็นค่าผู้หญิง ออร่าความสวยและกลิ่นน้ำหอมของเธออบอวลไปทั่วห้องทำงาน
มิราหญิงสาววัยยี่หกปีเศษไม่สนใจสายตาที่จ้องมองเธอเลยแม้แต่น้อย เธอก้าวเดินผ่านหน้ามาเฟียหนุ่มไปหาผู้เป็นพ่อด้วยท่าทางออดอ้อนเหมือนลูกแมวน้อย ต่างจากก่อนหน้านี้ที่เฉิดฉายราวกับนางพญา
"มิรา" ทรงยศเอ่ยชื่อลูกสาวคนโตเสียงแผ่วเบาสลับกับมองไปยังมาเฟียหนุ่มที่จับจ้องลูกสาวของเขาด้วยสายตาที่เกินจะคาดเดา
"ทำไมคุณพ่อทำกับมิแบบนี้คะ คุณพ่อรู้ไหมว่ามิต้องอับอายแค่ไหนที่บัตรใช้ไม่ได้"
ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้เธอต้องขายหน้าเพราะพนักงานบอกว่าบัตรของเธอใช้ไม่ได้ทุกบัตรเลย
"คือว่าพ่อ.."
ทรงยศเหมือนคนน้ำท่วมปากจะพูดอะไรก็เกรงใจสายตาคมที่จ้องมองอยู่ ต่างจากลูกสาวคนสวยที่ไม่ได้สนใจใครเธอกอดอ้อนพ่อเหมือนทุกครั้งที่มีของที่อยากได้
"มิอยากได้กระเป๋าใบนั้นมาก ๆ เลยค่ะ คุณพ่อช่วยจัดการให้มิหน่อยนะคะ มิรักคุณพ่อนะคะ"
"พ่อคุยธุระสำคัญอยู่ มิไปรอพ่อข้างนอกก่อนนะลูก"
ทรงยศเอ่ยออกมาด้วยความเกรงใจ จะบอกว่าเกรงใจอย่างเดียวคงไม่ใช่ เรียกว่ากลัวจนตัวสั่นจะเหมาะกับสถานการณ์มากกว่า
มาเฟียหนุ่มที่นั่งดูสถานการณ์อยู่ก็หันไปสั่งให้ลูกน้องออกจากห้องไป ส่วนเขานั้นยังคงจับจ้องที่หญิงสาวขี้อ้อนตลอดเวลา แววตาที่เคยนิ่งเรียบเปลี่ยนไปเป็นเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันทีที่เจอของที่ถูกใจ
ทรงยศส่ายหน้าเบา ๆ และพยายามอ้อนวอนคนตรงหน้าไม่ให้ยุ่งกับลูกสาวของเขา
"มิเอากุญแจนี่ไป แล้วไปเอาเงินสดในตู้เซฟในห้องนอนพ่อนะลูก หนูอยากได้อะไรก็ซื้อเลยนะ"
ทรงยศล้วงกุญแจสำคัญออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วยัดมันใส่มือลูกสาว ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของมาเฟียหนุ่มตลอดเวลา
"ขอบคุณค่ะพ่อ หนูรักพ่อที่สุดเลยค่ะ ฟอด!"
หญิงสาวหอมแก้มผู้เป็นพ่อฟอดใหญ่ก่อนจะเดินออกไปอย่างอารมณ์ดีเหลือไว้เพียงกลิ่นหอมชวนหลงใหลและสายตาเย่อหยิ่งที่ชายหนุ่มไม่เคยเห็นจากผู้หญิงคนไหน มันทำให้เขาสนใจในตัวเธอมากกว่าเดิม
มิราเดินออกมาจากห้องทำงานของพ่อเธอด้วยท่าทีมึนงงเล็กน้อย เมื่อเห็นชายฉกรรจ์นับสิบคนเต็มห้องของพ่อเธอ ชายหนุ่มคนนั้นคือใคร สายตาคมกริบที่เธอนั้นเผลอสบตา ใบหน้าคมคายหล่อเหลาราวกับรูปปั้น ทำเธอแปลกใจอยู่ไม่น้อย แม้จะดูเหมือนไม่ใส่ใจ ทว่าใบหน้าของชายหนุ่มเมื่อครู่ยังคงฉายซ้ำไปมาวนลูบอยู่ในสมองของเธอ แม้จะพบเจอผู้คนมามาก ทว่าชายหนุ่มเมื่อครู่กลับมีแรงดึงดูดเธออย่างบอกไม่ถูก ใจเจ้ากรรมกระหน่ำเต้นอย่างหนัก เมื่อนึกถึงใบหน้าและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้น
"บ้า! คิดอะไรของแกอยู่เนี่ย ยัยมิ"
มิราสบถขึ้นกับตัวเอง ก่อนจะปัดความคิดออกจากหัว และเดินตรงไปที่บ้านของเธอทันที
เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงค่ำของวัน มิรามีนัดทานข้าวกับกลุ่มเพื่อนสนิทภายในผับแห่งหนึ่ง หญิงสาวร่างอรชรเดินย่างกรายเข้ามาในผับด้วยท่าทีมั่นใจ
"แก้มบุ๋ม! แกช่วยเดินให้มันเริ่ด ๆ เชิด ๆ หน่อยได้ไหม"
"มิ ฉันไม่ชอบแค่งตัวแบบนี้ เธอก็รู้"
"โว้ย! อลิซ เธอไปดูมันหน่อยสิ"
"เงียบ ๆ ยัยบุ๋ม เห็นไหมว่ามิมันหงุดหงิดแล้ว"
หญิงสาวทั้งสามคนเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินเรียงรายกันเข้าไปที่โต๊ะวีไอพีประจำเหมือนทุกครั้ง ทว่าครั้งนี้กลับต่างออกไปมิรารู้สึกเหมือนถูกจ้องมองตลอดเวลา แม้จะเคยมีสายตานับร้อยจะมองมาที่เธออยู่บ่อยครั้ง ทว่าครั้งนี้กลับรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก
"พวกแก" มิราเอ่ยขึ้นทันทีที่นั่งลงภายในโต๊ะ
"วันนี้ฉันไปเจอผู้ชายคนหนึ่งที่ห้องทำงานของพ่อฉัน เขาหล่อมากแต่เขาก็น่ากลัวมากเหมือนกัน มีลูกน้องใส่ชุดสูทยืนเรียงกันเป็นสิบคน"
"ยัยมิ แกอย่าไปใกล้เขาเชียวนะคนอันตราย เป็นมาเฟียรึเปล่าก็ไม่รู้"
"โอ๊ย ยัยบุ๋มแกดูซีรีส์เกาหลีมากไปปะ มาเฟียบ้าบออะไรของแกมันไม่มีอยู่จริงหรอก"
"เออ! ก็จริงของเธอนะอลิซมาเฟียบ้าบออะไรของเธอยัยบุ๋ม ตลกละ"
มิราและอลิซหัวเราะอย่างชอบใจ ก่อนจะเห็นใบหน้าเป็นห่วงของเพื่อนสนิท
"บุ๋ม พวกฉันรู้นะว่าแกเป็นห่วง แต่ยัยมิมันดูแลตัวเองได้ แค่ได้ยินชื่อพ่อนางอะก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้แล้ว"
อลิซเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าแก้มบุ๋มแสดงสีหน้าน้อยอกน้อยใจ
หลายชั่วโมงที่ผ่านมาใบหน้าของชายหนุ่มเมื่อกลางวันยังคงฉายวนซ้ำอยู่ในหัวของเธอ มองใครก็เป็นใบหน้าของเขาเสียหมด ในขณะที่มิรากำลังยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม อยู่ ๆ เธอก็รับรู้ถึงชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเดินขึ้นไปบนชั้นวีวีไอพีด้านบน ไวกว่าความคิด
มิราคว้ากระเป๋าและเดินตามร่างชายหนุ่มขึ้นไปทันที เธออยากแน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาดมาตลอดทั้งวันใช่ไหมที่มองใครก็เป็นชายหนุ่มคนนั้นเสียหมด
มิราเดินย่างกรายตามชายหนุ่มขึ้นไป ทว่าชายหนุ่มเมื่อครู่นั้นกลับหายไปในพริบตา
มิราพยายามมองซ้ายมองขวาเพื่อหาร่างชายหนุ่ม ทว่ากลับไร้เงาของเขา
"เห้อ! ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ"
มิราสบถขึ้นกับตัวเองก่อนจะหันหลังกลับหมายจะเดินออกไปจากตรงนี้ ทว่าร่างอรชรถูกกระชากเข้าไปในมุมอับผู้คน
"ตามหาฉันอยู่เหรอสาวน้อย"
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นบริเวณซอกคอหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ปลายจมูกโด่งเป็นสันคมจรดลงที่ซอกคอขาวในตอนที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวจนหญิงสาวขนลุกไปทั้งตัว สมองของเธอขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกเหมือนคนโดนมนต์สะกด นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่มิราได้ใกล้ชิดผู้ชายแบบแนบเนื้อตัวชิดกันจนแทบจะหลอมละลายเป็นร่างเดียว กลิ่นกายชายคลุกเคล้ากับบุหรี่ราคาแพงชวนให้เคลิบเคลิ้ม ร่างสวยร้อนรุ่มเมื่อไรหนวดบาง ๆ ถูไถซอกคอขาว ช่างเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
"อื้อ!!! เจ็บ"
ริมฝีปากหนาขบเม้มซอกคอขาวอย่างแรงจนเกิดรอยแดงจ้ำขนาดใหญ่ มิราทำได้เพียงยืนกำหมัดไว้แน่น
"นายครับ...ไม่มีเวลาแล้วครับ"
เสียงชายอีกคนเอ่ยขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มตรงหน้าเธอจะค่อย ๆ ผละตัวออก มิราพยายามจับจ้องใบหน้าชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง ทว่ามันกลับมืดมาก ๆ เธอรู้แต่ว่าดวงตาของเขาเป็นสีน้ำข้าวซึ่งไม่ใช่คนไทยแน่ ๆ
"มึงไปจัดการรอ เดี๋ยวกูตามไป"
"อื้อ!!...!!"
ริมฝีปากหนาประกบแนบชิดหญิงสาวทันที ก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากอย่างหนักหน่วง ปลายลิ้นร้อนเข้าไปควานหาความหวานในโพรงปากของเธอครั้งแล้วครั้งเล่าและไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
ชายหนุ่มร่างหนาค่อย ๆ ผละริมฝีปากออกช้า ๆ ก่อนจะสบตากับเธออย่างอ่อยอิ่ง
"ปล่อยนะ...ออกไป"
มิราเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด สายตาเมื่อครู่ที่เผลอสบตาทำให้เธอรู้สึกคุ้นกับมันขึ้นมาทันที
"อย่ากลัวไปเลยสาวน้อย ฉันไม่ทำร้ายเด็กและก็คนสวย"
คำพูดแสนสุภาพช่างแตกต่างกับการกระทำของเขาโดยสิ้นเชิง
ร่างชายหนุ่มกำยำผละออกจากร่างหญิงสาวทันที ก่อนจะเดินย่างกรายเข้าไปใน
ห้อง ๆ หนึ่ง มิราถอนใจออกมาด้วยความโล่กอกที่ชายหนุ่มนั้นเดินออกไป มีแวบหนึ่งที่เธอเผลอสบตาเขาในตอนที่เขาเดินไปที่ห้อง ๆ หนึ่งและเธอจำสายตาคู่นั้นของเขาได้เป็นอย่างดี
" ไอ้เวรเอ๊ย!"
มิราสบถขึ้นอย่างหัวเสียก่อนจะเดินตามร่างชายหนุ่มไปหมายจะเอาเรื่อง ที่กล้าดียังไงมาทำกับเธอแบบนี้
"แกเจอฉันแน่ ไอ้โรคจิต!"
มิราเดินตามร่างชายหนุ่มออกไปด้วยท่าทีเอาเรื่อง
ปึก!