บทที่ 2 โลกทั้งใบกลายเป็นสีเทา
มัจจรีตีหน้าเครียด “พอดีมัจจะกลับไปแต่งงานค่ะ แฟนมัจพร้อมมาสู่ขอแล้ว”
พิมพิมลระบายลมหายใจ หากเป็นเรื่องนี้เธอคงไม่หวงห้าม เพราะอย่างไรมันก็คืออนาคตและความสุขของลูกจ้าง เธอคงเห็นแก่ตัวไม่ได้
“จะไปวันไหนเหรอมัจ ฉันจะได้หาคนใหม่”
“อาทิตย์หน้าค่ะ”
“จะหาทันเหรอเนี่ย ไว้ให้หาคนมาใหม่ก่อนได้ไหม แล้วค่อยไป” คุณผู้หญิงของบ้านลองต่อรอง
“มัจคงต้องไปตามกำหนดค่ะคุณพิม เพราะที่บ้านเขาหาฤกษ์ไว้ให้แล้ว”
พิมพิมลถอนหายใจเฮือกใหญ่ สีหน้าเครียดขึ้น
“งั้นไม่เป็นไรจ้ะ ไว้ฉันจะรีบหาคนแทนมัจแล้วกัน”
มัจจรียกมือไหว้แล้วลากลับมายังห้องพักตนเองที่เรือนด้านหลัง ทิ้งกายลงนั่งบนเตียงกว้าง ต่อให้ฤกษ์แต่งอีกสามเดือนข้างหน้าก็ตาม แต่เธอไม่ขออยู่บ้านหลังนี้ ระยะเวลาเกือบปีที่ทำงาน ก็ระวังตัวแจอยู่ตลอด พักหลังคุณผู้ชายยิ่งทำให้กลัวอยู่ทุกขณะ เธอขอหาทางเอาตัวรอดดีกว่า เพราะที่บ้านยังมีคนที่เธอรักรออยู่
ตีหนึ่งครึ่ง
เสียงไขกุญแจหน้าประตูห้อง ปลุกให้มัจจรีตื่น เธอหยัดกายนั่งมองด้วยความสงสัย ใครกันที่กำลังอยู่ตรงนั้น ดูเหมือนลูกบิดกำลังขยับไปมาราวกับว่ามีคนต้องการเปิดเข้ามา มัจจรีลุกจาเตียงนอนแล้วเดินมาหยุดยืน
“ใครน่ะ!” เธอถามเสียงแข็ง
เงียบไม่มีเสียงอันใด ทว่าลูกบิดยังคงขยับเขยื้อนเหมือนมีคนจับมันเพื่อเปิดเข้าห้อง มัจจรีเริ่มหงุดหงิด หรือเพื่อนร่วมงานกำลังกลั่นแกล้งกัน เพราะเห็นว่าจะลาออก เลยหยอกเรื่องผีเอา
“นี่! ฉันถามว่าใคร ดึกดื่นเล่นอะไรบ้าๆ!”
ภายนอกกลับไม่มีเสียงเหมือนเช่นเคย เจ้าของห้องเริ่มไม่พอใจ หากจับได้ว่าเป็นใครคงเล่นงานแน่ ตัดสินใจปลดกลอนแล้วอ้าประตู เธอชะงักจ้องมองผู้มาเยือนด้วยความตระหนกตกใจ สีหน้าเผือดลงทันใด พยายามข่มใจแม้หวาดหวั่นภายใน
“คะ...คุณผู้ชาย”
“มัจ...” เสียงแหบพร่าร้องเรียกชื่อ จักรินทร์พยายามขยับเข้าหาทว่าสาวใช้หน้าตาสะสวยกลับดันประตูไว้ไม่ให้เข้าใกล้
“มาทำอะไรคะ ตอนนี้ดึกมากแล้ว คุณพิมคงไม่ชอบถ้ารู้เข้า!” เธอรีบเอาเจ้านายหญิงมาอ้างทันที
“ฉันมาหาเธอ เพราะมีเรื่องอยากพูดด้วย อย่าตัดรอนกันแบบนี้ได้ไหม” น้ำเสียงอ้อนวอนทำเอาคนฟังขนลุกเกรียว ไม่คิดว่าเขาจะกล้ามาหาเธอกลางดึกเช่นนี้
“มัจว่าเราคุยกับพรุ่งนี้ดีกว่าไหมคะ มัจง่วงแล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นทำอาหารให้คุณผู้ชายแต่เช้าอีก”
“ไม่! ฉันร้อนใจ อยากรู้เรื่องที่มัจพูดกับคุณพิม ฉันไม่อยากให้มัจกลับบ้านไปแต่งงาน!”
มัจจรีเม้มริมฝีปากเพื่อหาทางรอดให้กับตนเอง แบบนี้ไม่ดีแน่ เพื่อนร่วมงานเธอก็อยู่ห่างออกไป เพราะมาใหม่เลยต้องมาอยู่เรือนด้านหลังแค่คนเดียว แต่มันไม่เคยมีปัญหา ถ้าหากคุณผู้ชายของบ้านไม่มาวุ่นวายกับเธอเช่นนี้
“มัจขอร้องล่ะค่ะ คุณผู้ชายกลับไปเถอะนะคะ”
จักรินทร์จ้องมองสาวใช้แววตากระหาย ความต้องการกำลังโจนทะยาน ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะปรารถนาต่อมัจจรีมากมายขนาดนี้ ดวงตาคมกริบกวาดมองรอบๆ ตัดสินใจผลักร่างบางเข้าในห้องอย่างรวดเร็ว คนถูกผลักไม่ทันตั้งตัวล้มกองกับพื้น มัจจรีรีบลุกหมายกระโจนออกทางประตู แต่ร่างกายกลับถูกกอดรัดไว้แน่น
“กรี๊ด!”
เสียงกรีดร้องดัง แต่มันแค่ชั่วครู่เท่านั้น เมื่อมือใหญ่ถูกยกมาปิดปากไว้ ร่างบางถูกลากเข้าไปด้านในเหวี่ยงลงบนเตียง มัจจรีรีบตะเกียกตะกายไปหน้าประตูห้อง แต่กลับถูกผู้บุกรุกล็อกกลอนแน่นหนาเรียบร้อย
ใบหน้างดงามซีดเผือด ถอยหลังจนชิดกำแพง กวาดตามองรอบๆ น้ำตาเอ่อคลอ ทำอย่างไรดีทำไมเรื่องมันถึงลงเอยเช่นนี้ได้ เธอจะหาทางรอดได้อย่างไร สองมือยกขึ้นไหว้เพื่อร้องขอให้อีกฝ่ายเมตตา
“อย่าทำอะไรมัจเลย มัจขอร้อง... มัจกำลังจะแต่งงานแล้ว” มัจจรีสะอื้น
จักรินทร์ค่อยๆ เดินเข้าหา ร่างบางถอยหลังหนี
“มัจ... ฉันมองมัจอยู่นานแล้ว เคยคิดขอคุณพิมให้มัจมาเป็นเมียอีกคน แต่ฉันยังไม่มีโอกาส ฉันปล่อยมัจไปไม่ได้หรอกนะ” เสียงเขาแหบพร่า แววตาราวกับเสือจ้องกินเหยื่อ
เมื่อไม่เห็นหนทางรอด ดูจากท่าทางแล้ว ผู้ชายอย่างเขาไม่มีทางปล่อยเธอแน่ มัจจรีกัดริมฝีปากจนห้อเลือด
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยที!” เธอกรีดร้องสุดเสียง หวังให้คนอื่นได้ยิน
ร่างสูงกระโจนเข้าหาปิดปากไว้แน่น กระชากลากร่างบางไปยังเตียง ใช้มือข้างหนึ่งปิดปากไว้แน่น รวบเรียวแขนไว้เหนือศีรษะ มัจจรีดิ้นรนสุดกำลัง จักรินทร์ขบกรามแน่น
ผลั่ก!
อาการจุกแน่นเข้าแทรกหญิงสาว เมื่อท้องถูกหมัดเขาต่อยเข้าเต็มแรง เขาปล่อยให้เธอเป็นอิสระ มัจจรีตัวงอด้วยความเจ็บปวด เจ็บจนร้องไม่ออก
ร่างบางถูกจับพลิกกลับมา เสื้อนอนกระดุมหน้าลายดอกไม้ถูกกระชากจนขาดติดมือ คนถูกกระทำน้ำตาไหลอาบแก้ม จักรินทร์จ้องมองทรวงงามแววตาหื่นกระหาย ก้มลงสูดความหอมให้หายปรารถนา
“กลิ่นหอมเหลือเกินมัจ...” เขาบอกเสียงแหบพร่า
“ไอ้คนสารเลว...” หญิงสาวบริภาษเสียงแผ่วเบา
“เธอจะไม่พูดแบบนี้ เมื่อฉันกลายเป็นผัวเธอ มัจจรี...”
มือหนาเริ่มลูบไล้ไปตามร่างกาย ปลดเปลื้องอาภรณ์ทำตามใจปรารถนา โดยไม่สนว่าคนใต้ร่างนั้นอ้อนวอนร้องขอความเมตตา มัจจรีไม่อาจขัดขืนเพราะเรี่ยวแรงน้อยกว่า ใบหน้าถูกเขาตบเสียจนบวมขึ้นเพราะเธอส่งเสียง มันไม่มีทางรอดนอกจากยินยอมให้เขาทำตามใจ
มือบางตกลงข้างกาย ร่างเปลือยเปล่าขยับไหวไปตามแรงกำลังของคนด้านบน มัจจรีปล่อยน้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย นึกถึงหน้าคนรักแล้วเจ็บช้ำหัวใจแทบแหลกสลาย เธอจะมีหน้าไปมองเขาได้อย่างไร ในเมื่อเวลานี้ร่างกายกลายเป็นของคนโฉดชั่วไปเสียแล้ว
