บทที่ 7 คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว
“เอ่อ คุณป้าพูดภาษาไทยได้ด้วยเหรอคะ” พราวพลอยมองหญิงวัยกลางคนและถามกลับหญิงวัยกลางคนที่นั่งข้างเธอ
“ใช่จ้าหนู ป้าเป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นว่าแต่หนูไม่เป็นอะไรนะจ้ะ” นงนภัสถามสาวสวยอย่างเอ็นดูเพราะเป็นคนไทยที่มาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองเหมือนกัน
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า พอดีลูกชายของพราวถีบแรงไปหน่อยค่ะ” ว่าที่คุณแม่ตอบหญิงวัยกลางคนแล้วยิ้ม
“ได้ลูกชายเหรอจ้ะ ดีจังเลยท้องโตแบบนี้ก็ใกล้คลอดแล้วสิจ้ะ”
“คลอดเดือนหน้าค่ะ แต่ตัวเล็กในท้องของพราวซนมากทั้งเตะทั้งถีบสงสัยอึดอัดอยากออกมาแล้วล่ะคะ” พราวพลอยพูดถึงลูกชายอย่างมีความสุขและเธอพยายามตัดมาติซออกไปจากเธอกับลูกชาย
“แล้วนี่คุณพ่อของตัวเล็กไม่มาด้วยเหรอจ้ะ”
“ไม่มีค่ะ พราวเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ให้ลูกค่ะ” พราวพลอยตอบแล้วยิ้มเธอตัดขาดกับมาตีซและไม่มีทางจะกลับมาเหมือนเดิมเพราะเขาแต่งงานแล้ว
“โอ้ ป้าขอโทษหนูด้วยนะจ้ะ” นงนภัสขอโทษสาวสวยที่บอกว่าเป็นทั้งพ่อและแม่ให้ลูกก็เท่ากับว่าเธอเลิกกับพ่อของลูกและเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า เราเลิกกันไม่ยุ่งเกี่ยวกันและเขาเองก็ไม่รู้ว่าพราวท้องหรอกค่ะ แต่พราวดีใจที่มีเจ้าตัวเล็กในนี้ค่ะ” พราวพลอยพูดอย่างไม่อายว่าเธอท้องไม่มีพ่อ
“หนูเก่งมากจ้ะ ป้าขอให้หนูกับลูกชายมีสุขภาพแข็งแรงคลอดง่ายๆและเลี้ยงง่ายๆนะจ้ะ” นงนภัสอวยพรให้ว่าที่คุณแม่และไม่รู้ว่ากำลังคุยกับอดีตแฟนของลูกชายคนโตและเด็กในท้องก็เป็นหลานของเธอ
“ขอบคุณค่ะคุณป้า พราวขอตัวก่อนนะคะน้องสาวไปรับยาให้เสร็จแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ” พราวพลอยเห็นน้องสาวเดินมาก็บอกหญิงวัยกลางคนที่เธอคุยด้วยแล้วยกมือไหว้ก่อนจะลุกขึ้นช้าๆเดินไปหาน้องสาว
“พี่พราวคุยกับใครคะ” เก็จลดาถามพี่สาวที่ลูกเดินมาหาเธอจึงรีบเดินไปประคอง
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่คุณป้าเป็นคนไทย”
“จริงเหรอคะ” เก็จลดาหันไปมองหญิงวัยกลางคนที่ยังสวยและที่เธอดูไม่ออกก็น่าจะเป็นผมสีเทาหรือสีดอกเลาจึงไม่คิดว่าเป็นคนไทย
“จ้ะ พอดีเค้าได้ยินเราคุยกันและหลานของแก้มถีบพี่พอดีเค้าก็เลยถามพี่” พราวพลอยตอบน้องสาวแล้วทั้งสองพี่น้องก็กลับบ้านจึงไม่ได้เจอมาตีซกับภรรยา
นงนภัสมองตามแล้วยิ้มเธอไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงที่เข้มแข็งแบบนี้และยังเป็นผู้หญิงไทยดูท่าจะมีฐานะถึงได้มาโรงพยาบาลเอกชนแล้วมองไปหน้าห้องตรวจรอลูกชายกับลูกสะใภ้พอเห็นทั้งสองเดินออกมาก็ลูกไปหาทันที
“เป็นยังไงบ้าจ้ะเดลีน” นงนภัสถามลูกสะใภ้ที่เดินหน้าบูดออกมาจากห้องตรวจที่นัดกับหมอไว้เป็นส่วนตัว
“ก็ดีค่ะมัม” เดลีนตอบห้วนๆอย่างไม่สบอารมณ์
“มาตีซทำไมลูกไม่ประคองเดลีนล่ะ เกิดสะดุดล้มไปจะทำยังไง” นงนภัสเอ็ดลูกชายเบาๆและไม่ถือสาเดลีนเข้าใจอารมณ์แปรปรวนของคนท้อง
“ครับแม่” มาตีซจับแขนของเดลีนไว้
“ไม่ต้อง ฉันไม่เป็นไร” เดลีนสะบัดแขนออก
“ตามใจ”
“มาตีซ” เดลีนเรียกสามีเสียงแหลมและดังจนทุกคนหันมามอง
“นี่มันโรงพยาบาลนะเดลีน คุณไม่อายแต่ผมอาย ผมไปทำงานก่อนนะครับแม่ ฝากพาเดลีนกลับบ้านด้วยครับ” มาตีซพูดจบก็เดินไปพร้อมกับคนสนิท
“มาตีซกลับมาเดี๋ยวนี้นะ มาตีซ” เดลีนกระทืบเท้าเต้นเร่าเรียกสามีเสียงดังที่เขาไม่สนใจเธอ
“เดลีนไม่เอาลูกอย่าทำแบบนี้ใจเย็นๆก่อนเดี๋ยวลูกเป็นอันตราย” นงนภัสตกใจเมื่อเห็นเดลีนกระทืบเท้าเต้นเร่าจึงจับแขนเบาและปรามเบาๆก่อนจะดึงแขนให้เดินตามออกไปจากหน้าห้องตรวจเพื่อพาไปสงบสติอารมณ์แล้วให้คนติดตามจัดการเรื่องยา
เดลีนเดินตามแม่สามีมาขึ้นรถเพราะเห็นสายตาอยากรู้อยากเห็นของพยาบาลแล้วเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลไหนจะบรรดาแม่ๆที่มาหาหมอซึ่งมีทั้งมาคนเดียวและมากับสามี
“มัมคะเดลีนไม่ยอมนะคะ มาตีซทำเหมือนเดลีนไม่มีตัวตนเลยทั้งที่อยู่ห้องเดียวกันตั้งแต่แต่งงานกันมาเขาไม่เคยแตะต้องเดลีนเลย” เมื่อขึ้นรถแล้วเธอจึงพูดกับแม่สามีอย่างอัดอั้น
“เดลีนอย่าคิดมากสิจ๊ะ มาตีซคงเป็นห่วงเดลีนกับลูกจะเป็นอันตรายมากกว่ามั้งจ้ะ” นงนภัสก็อายแทนลูกสะใภ้หากเป็นตัวเธอคงไม่กล้าพูดแต่เดลีนถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจอยากได้อะไรก็ต้องได้แล้วเรื่องแบบนี้ไม่ควรเอามาพูด
“อย่าคิดมากเหรอคะ มัมบอกให้เดลีนอย่าคิดมาก ใจเย็นๆทั้งที่สามีไม่สนใจน่ะเหรอคะ เดลีนเบื่อได้ยินมั้ยคะมัมว่าเดลีนเบื่อ” เดลีนพูดเสียงดังด้วยความหงุดหงิดไม่พอใจสามีและแม่สามีที่เอาแต่บอกให้เธอใจเย็นอย่าคิดมากแล้วเธอทำไม่ได้มีที่ไหนแต่งงานกันมาเกือบสามเดือนแต่สามีไม่นอนด้วยทั้งที่คุณหมอก็บอกแล้วว่าไม่เป็นไรและตอนนี้เธอท้องได้ห้าเดือนและเมื่อกี้คุณหมออัลตร้าซาวด์เธอได้ลูกสาวและเห็นมาตีซดีใจก็รู้สึกดีนิดหนึ่งอย่างน้อยเขาก็ยังสนใจลูก
“มัมว่าช่วงนี้เดลีนเครียดๆเราไปพักผ่อนที่ไอร์แลนด์กันสักอาทิตย์มั้ยลูกไปดูแฟชั่นหรือช้อปปิ้งกันก็ได้” นงนภัสเข้าใจลูกสะใภ้เพราะลูกชายของเธอไม่สนใจแล้วจะให้เธอทำยังไงเพราะเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเดลีนใจร้อนอยากแต่งงานกับลูกชายของเธอจึงปล่อยให้ท้องแม้ทั้งสองจะหมั้นหมายกันแล้วแต่แทนที่จะคบหากันก่อนมันอาจจะดีกว่านี้เพราะลูกชายของเธอก็ยอมหมั้นและแต่งงานกับเดลีนแล้วจะไปโทษใครได้ล่ะสำหรับเธอลูกรักใครก็รักด้วยแต่เรื่องนี้ได้ตกลงกันไว้ตั้งแต่ที่เดลีนคลอดว่าจะให้ทั้งสองตระกูลเป็นดองกันเธอกับสามีจำใจต้องทำตามสัญญาเพราะเลอายึดถือคำสัญญา
“ถ้ามาตีซไปเดลีนก็ไปค่ะมัม เดี๋ยวมัมไปส่งเดลีนที่บ้านแด๊ดด้วยนะคะถ้ามาตีซไม่มารับเดลีนก็ไม่กลับค่ะ” เดลีนพูดอย่างเอาแต่ใจไม่สนใจว่าแม่สามีจะคิดยังไง
“จ้ะ” นงนภัสมองลูกสะใภ้อย่างหนักใจขืนเป็นแบบนี้หลานของเธอแย่แน่หากพ่อแม่ไปคนละทางก่อนจะแวะส่งลูกสะใภ้ที่ปราสาทหลังใหญ่แล้วตรงไปหาลูกชายที่บริษัท
มาตีซลงจากรถด้วยความหงุดหงิดหัวเสียและรำคาญเดลีนที่เรียกร้องโน่นนี่นั่นไม่หยุดและสิ่งเดียวที่เขาทำไม่ได้คือมีความสัมพันธ์กับเธอหลังจากที่รู้ว่าเดลีนท้องทั้งที่รู้ว่าพวกเขาจะแต่งงานกับแต่เขาก็ไม่ชอบวิธีที่เดลีนมัดมือชกเขาและก็สมน้ำหน้าตัวเองที่มีความสัมพันธ์กับเดลีนเพราะเขาต้องการลืมพราวพลอยและได้บอกเลิกเธอเพราะไม่อยากให้เธอเดือดร้อนจึงเคลียตัวเองก่อนจะหมั้นกับเดลีนแต่กลายเป็นว่าเขาไม่ได้หมั้นแต่แต่งงานเลยและหวังว่าเธอจะอยู่สุขสบายกับทุกสิ่งที่เขามอบให้และไม่เคยเฉียดกลายไปแถวนั้นอีกเลยเขากลัวจะทำใจไม่ได้หากเห็นพราวพลอย
“ทำไมทำหน้าอย่านั้นวะพี่ชาย” พรินซ์มองพี่ชายอย่างขำๆ
“แกอยากรู้ก็ลองเสียทีผู้หญิงดูสิวะ แล้วมารอนี่มีอะไรเหรอ” มาตีซถามน้องชายที่มานั่งรอเขาในห้องทำงานทั้งที่ทำงานคนละตึกเขาดูแลบริหารบริษัท DMS Microsofl Word (ดีเอ็มเอส ไมโครซอฟต์ เวิร์ด)ผลิตโทรศัพท์คอมพิวเตอร์ แมคบุ๊คและอะไหล่ชิ้นส่วนทั้งหมดส่วนน้องชายดูแลบริษัทWorkshop Company ที่ร่วมหุ้นกับเพื่อนและเป็นผู้บริหารถือหุ้นในบริษัทห้าสิบห้าเปอร์เซ็นส่วนเพื่อนทั้งสามคนละสิบห้าเปอร์เซ็นเกือบสิบปีที่ผ่านมาก็ขยายไปถึงหกสิบกว่าประเทศทั่วโลก ส่วนน้องสาวจับงานแฟชั่นเปิดตัวมาได้ห้าปีก็ติดตลาดและขยายออกไปจำหน่ายหลายประเทศในยุโรปและได้ร่วมโชว์ในงานแฟชั่นวีคทุกปี
“เปล่า ก็เบื่อๆเซ็งๆก็เลยมาชวนพี่ไปดื่มด้วยกันหน่อยแล้วคุยเรื่องนั้นด้วย”
“แค่นี้นะที่แกถ่อสังขารข้ามตึกมาหาพี่ โทรมาก็ได้” มาตีซถามน้องชาย
“ก็บอกแล้วไงว่าเบื่อก็เลยเดินเล่นมาจนถึงที่นี่ เออ ว่าแต่พี่พาเดลีนไปหาหมอมาหลานผมเป็นยังไงบ้าง” พรินซ์ถามถึงหลานในท้องของเดลีน
“แกได้หลานสาวว่ะ” มาตีซเองก็เครียดเขากลัวลูกสาวคลอดออกมาจะเหมือนแม่
“ดีสิ แม่จะได้ไม่เหงามีหลานสาวมาให้ช่วยเลี้ยง” พรินซ์คิดว่าแม่ของเขาต้องชอบแน่เพราะอยู่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไรต่อไปได้เลี้ยงหลานคงมีความสุข
“ไม่ไปทำงานหรือไง”
“เดี๋ยวก่อนง่วงขอนอนสักงีบหนึ่งก่อน” พรินซ์พูดจบก็หาวเสียงดังแล้วเดินไปนอนที่โซฟาหรูของพี่ชาย
มาตีซส่ายหน้าไปมาซึ่งไม่บ่อยที่น้องชายจะเกงานก่อนจะหยิบแฟ้มงานมาทำแล้วเขาก็คิดถึงคนรักที่บอกเลิกเธอโดยไม่ทันตั้งตัวแต่เขาไม่สามารถเห็นแก่ตัวรั้งเธอไว้เขาอยากให้พราวพลอยมีอนาคตที่ดีกว่าจะมาเป็นผู้หญิงของเขาซึ่งเขาตั้งใจจะมอบตำแหน่งภรรยาให้เธอในเมื่อเขาทำไม่ได้ก็จำต้องปล่อยทั้งที่ยังรัก
“ก๊อกกๆๆ...”
เสียงเคาะประตูเบาๆทำให้คนที่ตกอยู่นภวังค์สะดุ้งเขากำลังคิดถึงอดีตที่แสนหวานกับคนรักแต่ถูกขัดจังหวะเสียก่อน
“เข้ามา”
“มาดามแนนซี่มาค่ะบอส” มาร์รีนเลขาสาวใหญ่เปิดประตูห้องกว้างรายงานเจ้านายและเชิญมาดามเข้าไปในห้อง
