ตอนที่ 5 (แต้นซ่อนไฟใจซ่อนรัก)
(5)
เวลากว่าสิบเดือนที่อาร์มานโด้แทบไม่ได้กินไม่ได้นอน เขาต้องทิ้งชีวิตสุขสำราญอย่างลูกมหาเศรษฐีเข้ารับหน้าที่ประธานบริหารกิจการงานทุกอย่างแทนบิดาที่มีหลายอย่าง โดยเฉพาะด้านโรงแรมอะพาร์ตเม้นต์กับคอนโดมิเนียมและร้านอาหารในเมืองฟลอเรนซ์หรือฟิเรนเซ่ ในกรุงโรมและบนเกาะซิซิลีกับเกาะซาร์ดิเนียที่ทำให้เขาแทบไม่มีวันหยุดไม่มีวันพักผ่อนเป็นส่วนตัวจากการต้องรับผิดชอบงานทุกอย่าง
สัปดาห์ที่อาร์มานโด้มีเวลาพักผ่อนเป็นส่วนตัวเริ่มได้สองวันก็มีข่าวจากผู้จัดการอะพาร์ตเม้นต์กลางเมืองฟลอเรนซ์ว่าหญิงสาวชาวเอเชียที่ติดต่อมาเช่าห้องลดราคาพิเศษในอะพาร์ตเม้นต์กำลังเดินทางมา
...ได้เวลาแก้แค้นแล้วสินะ...อาร์มานโด้คิดคำนึง
ใกล้ถึงเวลาที่เขาจะได้ชำระแค้นที่สุมรุมใจให้รุ่มร้อนเป็นไฟมาเกือบปี เขาจะสร้างอเวจีพิศวาสให้หญิงสาวผู้นั้นได้อยู่รับโทษทัณฑ์แทนเพื่อนร่วมเชื้อชาติเดียวกัน แม้จิตสำนึกฝ่ายดีจะเตือนหลายครั้งถึงอารมณ์พาลอันน่าตำหนิที่ไม่ควรเอาความโกรธจากคนหนึ่งไปลงกับอีกคนหนึ่งที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่เขาก็ไม่ฟัง...ช่างปะไร...เป็นคำตอบทุกครั้งที่อาร์มานโด้พยายามผลักจิตสำนึกฝ่ายดีออกไป
อาร์มานโด้เปิดแฟ้มเอกสารอ่านเป็นครั้งที่เท่าไรเขาไม่จดจำ เสน่ห์ดึงดูดใจจากใบหน้าสวยงามทำให้ดวงตาคมกล้าของเขามองจับจ้องที่เหมือนต้องมนต์ หล่อนเป็นปาฏิหาริย์ที่ปรากฏเป็นตัวตนขึ้นมา แม้เพียงภาพถ่ายหล่อนยังสวยน่ารักขนาดนี้ แล้วตัวจริงของหล่อนจะสวยน่ารักขนาดไหน ความสวยสดใสมีชีวิตชีวาของหล่อนถูกใจเขามากจนสามารถนั่งมองได้ทั้งวัน
ใบหน้าอ่อนเยาว์สวยคมขำมากขึ้นด้วยคิ้วดำตาดำผมหยิกยาวสลวยเกือบถึงสะเอว ดวงตากลมโตสวยแปลกน่ามองจากปลายหางตาชี้ขึ้นเห็นเด่นชัด แววตาส่องประกายหวานเชื่อมชวนมอง เขาจ้องริมฝีปากเต็มอิ่มเผยอยิ้มเปี่ยมเสน่ห์เหมาะเจาะกับจมูกโด่งคางมนที่นึกอยากให้เป็นเนื้อหนังจริงๆและจูบประทับความอ่อนนุ่มเย้ายวนนั้น
หญิงสาวผู้นี้สวยน่ามอง มองเท่าไรก็ไม่เบื่อ เป็นหญิงสาวชาวเอเชียคนแรกและคนเดียวที่ดึงดูดความสนใจเขาได้มากที่สุด เขาอยากเห็นตัวตนที่มีเลือดเนื้อของหล่อน อาร์มานโด้เผลอจดริมฝีปากลงบนกลีบปากบนภาพ แล้วต้องงุนงงกับการกระทำของตัวเอง และเขาได้เลือกแล้ว เขาเลือกหล่อนเป็นเหยื่อระบายแค้นแทนหญิงสาวชาวเอเชียที่เขาเชื่อว่า...เป็นคนทำให้อาลอนโซ่บิดาของเขาตาย...
อาร์มานโด้วางภาพลงบนโต๊ะแล้วลุกไปยืนมองนอกหน้าต่าง ทว่าไม่ได้มองเห็นทัศนียภาพอันร่มรื่นในบริเวณบ้านอย่างทุกวัน เพราะจิตใจกำลังขุ่นมัวกับความทรงจำต่อความล้มเหลวครั้งที่สามจากการสืบตามหาคนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตา หล่อนไม่มีภาพถ่ายหรือข้อมูลเด่นชัดว่าเป็นใครมาจากไหน
การหายตัวไปเหมือนล่องหนของหญิงสาวที่ชื่อ...มัลลี่...ทำให้อาร์มานโด้ตระหนักได้ว่าเงินทองและอิทธิพลช่วยเขาไม่ได้ทุกเรื่องเพราะนักสืบที่เขาว่าจ้างแกะรอยตามหล่อนยังไม่มีข้อมูลคืบหน้า พวกเขาได้ข้อมูลแค่ว่าหล่อนเดินทางออกจากประเทศอิตาลีทางประเทศเพื่อนบ้านแล้วหายตัวไป
“ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...” เสียงเคาะประตูสามครั้งดึงอาร์มานโด้ออกจากภวังค์ความคิดที่กำลังสร้างความขุ่นมัวอย่างหนักแก่จิตใจ เขายกแขนกางบิดกายซ้ายขวาจากอาการเมื่อยเนื้อตัวที่ยืนอยู่ท่าเดียวมานานก่อนจะเดินกลับมานั่งตัวตรงบนเก้าอี้ประจำหลังโต๊ะทำงาน
“เข้ามา” เขาบอกอนุญาต พยักหน้าให้ผู้ที่เปิดประตูเดินเข้ามา
ฟรังโก้เป็นน้องชายของเบลิน่า ทั้งสองเป็นมากกว่าบอดี้การ์ดหรือพี่เลี้ยงที่อยู่ด้วยกันมา เขารักทั้งสองเสมือนญาติหรือเพื่อนสนิทคนเดียวและไว้วางใจมากกว่าใคร หากมีเรื่องใดที่ฟรังโก้หรือเบลิน่าเอ่ยทักท้วงขึ้นมา เขาจะต้องเก็บมาพิจารณาให้ถ้วนถี่ แต่คงต้องยกเว้นเรื่องนี้ เรื่องแก้แค้นที่เขาไม่คิดจะฟังคำทักท้วงใดๆจากใคร
“เธอมาถึงแล้วครับ กำลังเดินทางไปอะพาร์ตเม้นต์”
คำรายงานราบเรียบของฟรังโก้เป็นบุคลิกประจำตัวที่เขามักจะไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกออกทางน้ำเสียงหรือสีหน้า แค่สบตาอาร์มานโด้ก็รู้ทันทีว่าฟรังโก้ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่ฟรังโก้จะคิดอย่างไรก็ไม่อาจเปลี่ยนใจเขาได้ เขาต้องการตัวผู้หญิงคนนี้มาเป็นเหยื่อแก้แค้น และเขาต้องได้สิ่งนั้น
“อึม...ดี นายช่วยกำชับผู้จัดการอพาร์ตเม้นท์ให้ติดตามพฤติกรรมของหล่อนอย่าให้คลาดสายตา โดยเฉพาะเรื่องคนที่เข้ามาเกี่ยวพันว่าหล่อนติดต่อกับใครที่ไหนบ้าง พรุ่งนี้เราจะไปเอาตัวหล่อนมา”
“พรุ่งนี้หรือ...เอ้อ...ผมว่าเราน่าจะรอให้เธอเข้าพักอยู่สักวันสองวันนะครับ” ฟรังโก้เสนอขึ้น
“ทำไมหรือ” อาร์มานโด้เลิกคิ้ว แปลกใจต่อคำเสนอของคนสนิท
“ถ้าเราให้เวลาเธอสักสองสามวัน เพื่อติดต่อพูดคุยกับคนทางบ้าน จะได้ไม่เป็นที่สงสัยเมื่อเธอเงียบหายไปในช่วงเวลาหนึ่งหรือสองสัปดาห์” ฟรังโก้ตอบอย่างระมัดระวัง
“อึม...เอาตามนั้นก็ได้ ฉันให้เวลาสองวัน ช่วงที่รอนายกับฉันจะเคลียร์งานที่เร่งด่วนให้หมด แล้วเราจะหยุดยาวอาจถึงหนึ่งหรือสองสัปดาห์” อาร์มานโด้ยอมตาม
“จะให้คนของเราพามา หรือจะไป เอ้อ จัดการกับเธอที่อะพาร์ตเม้นต์ครับ” ฟรังโก้ไม่แน่ใจ เพราะการตายของอาลอนโซ่ผู้เป็นบิดาทำให้อาร์มานโด้ไม่ยอมเหยียบย่างไปที่อะพาร์ตเม้นต์ทุกแห่งในเมืองฟลอเรนซ์อีกเลย
“ ฉันไม่ต้องการให้มีเรื่องเกี่ยวข้องกับอะพาร์ตเม้นต์ของเราอีก เราจะไปเอาตัวหล่อนตอนออกมานอกอะพาร์ตเม้นต์ นายต้องกำชับผู้จัดการให้รายงานทันทีที่หล่อนออกมาข้างนอก งานนี้เราต้องไม่พลาด”
“ครับท่าน” ฟรังโก้ค้อมศีรษะอย่างนอบน้อม
หลังจากอาลอนโซ่บิดาของอาร์มานโด้ตาย ฟรังโก้กับผู้รับใช้ในบ้านรวมทั้งพนักงานในบริษัททุกคนจะใช้สรรพนาม กับเจ้านายที่เหลือเพียงคนเดียวว่า...ท่าน...เพื่อแสดงถึงความ นับถือยำเกรงที่สืบต่อกันมา เพราะตระกูลออสซินี่มีความสำคัญต่อวงการธุรกิจก่อสร้างหรืออสังหาริมทรัพย์ของเมืองฟลอเรนซ์มาช้านาน
“ขอบใจ” อาร์มานโด้กล่าวเบาๆ
เมื่อประตูห้องปิดตามหลังร่างสูงใหญ่ของฟรังโก้อาร์มานโด้ที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานก็เอนกายลงพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย เขาหยิบภาพถ่ายของเหยื่อมาดูอีกครั้ง ยิ่งมองก็ยิ่งเกิดความรู้สึกปรารถนาในตัวหล่อนอย่างแรงกล้า ต้องการสัมผัสเลือดเนื้อแท้จริงของหล่อนเสียเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อเลยว่าความสวยงามของหญิงสาวคนนี้ จะสามารถปลุกเร้าอารมณ์พิศวาสในกายเขาให้เร่าร้อนอย่างง่ายดาย
อาร์มานโด้ลุกขึ้นไปยืนมองออกนอกหน้าต่างห้องทำงานอีกครั้ง คฤหาสน์หลังใหญ่ที่เขาเรียกว่าบ้านตั้งอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำอาร์โนสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบ เรอเนส์ซองส์(Renaissance) สวยงามโอ่อ่า พื้นที่กว้างบริเวณโดยรอบบ้านเป็นสนามหญ้ากว้างล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยเขียวชอุ่ม มองจากภายนอกดูร่มครึ้มและเงียบสงบอย่างที่บิดามารดากับตัวเขาชอบ พลางคิดหาสถานที่ว่าจะพาหญิงสาวผู้นั้นไปกักขังรับโทษทัณฑ์ที่ไหน ในเมืองฟลอเรนซ์ครอบครัวของเขามีอสังหาริมทรัพย์เป็นโรงแรมอะพาร์ตเม้นต์และคอนโดมิเนียมหลายแห่งก็จริง แต่การเสียชีวิตของบิดาในอะพาร์ตเม้นต์แห่งหนึ่งทำให้เขาไม่อยากเฉียดเข้าใกล้สถานที่เหล่านั้น และเขาก็ได้คำตอบ
อาร์มานโด้เปิดตู้นิรภัยหยิบกุญแจห้องบนหอคอยมาเปิดมองสำรวจภายในห้องกว้างอันเป็นที่พำนักสุดท้ายของมารดา ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากช่วงเวลาที่มารดาของเขาเคยอยู่ตอนที่นางป่วย เขาเดินเข้ามาเปิดม่านตรงหน้าต่างบานสูงกรุกระจกเพ้นท์ลวดลายเถากุหลาบครึ่งบานที่สามารถเปิดรับลมลมเย็นจากแม่น้ำอาร์โนที่พัดโชยเข้ามาพาให้อากาศภายในห้องปลอดโปร่งจนเขาต้องสูดลมหายใจยาวรับอากาศบริสุทธิ์เย็นสดชื่น โดยเขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าอากาศบนห้องนี้จะเย็นสบายในฤดูใบไม้ผลิ และจดจำได้ว่าสมัยยังเป็นเด็กชายเขาชอบมาขลุกอยู่กับมารดาในห้องทุกวันหยุดเรียน
เขาเดินไปเปิดม่านหน้าต่างทุกบาน แสงสว่างจากภายนอกส่องให้เห็นเครื่องเรือนสวยหรูที่ยังอยู่ครบโดยไม่มีการเคลื่อนย้าย เตียงสี่เสาหลังใหญ่ ตู้เสื้อผ้าแบบฝังผนัง โต๊ะเครื่องแป้ง ชั้นวางหนังสืออ่านเล่นที่มีทั้งนิตยสารหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คและหนังสือการ์ตูนที่มารดาและเขาชอบอ่าน เขาหยุดมองภาพถ่ายมารดาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง พึมพำขออนุญาตก่อนนำเก็บเข้าตู้นิรภัยที่ยังมีกล่องเครื่องเพชเครื่องทองของมารดาหลายกล่องเก็บอยู่
“แม่อยู่ในนี้ก่อนนะ ผมขอใช้ห้องแม่แค่อาทิตย์หรือสองอาทิตย์เท่านั้นครับ” เขากล่าวก่อนวางภาพมารดาที่ชั้นบนสุดของตู้นิรภัยและปิดไว้อย่างเดิม
อาร์มานโด้เดินสำรวจรอบห้องเห็นว่าสมควรจะเปลี่ยนข้าวของจำเป็นบางอย่างจึงโทรสั่งเครื่องใช้ใหม่ทั้งหมด โดยเพิ่มเก้าอี้ปลายเตียงเข้ามา ส่วนในห้องน้ำก็สั่งเปลี่ยนและซื้อเครื่องใช้ที่จำเป็นทุกอย่างเข้ามาใหม่เช่นกัน สรุปเป็นอันว่าเขาจะเปลี่ยนห้องนี้ให้เป็นห้องสวยหรูน่าอยู่ เพื่อกักตัวหญิงสาวไว้รับโทษทัณฑ์แทนคนชาติเดียวกัน ซึ่งเขาก็ตอบไม่ได้ว่าเกิดจากอารมณ์โกรธแค้นหรือแรงปรารถนาที่เขามีต่อหญิงสาวผู้นั้น