ตอนที่ 7 มันแค่เศษเสี้ยว
กว่าจะประชุมเสร็จก็ถึงเวลาเลิกงานพอดี วันนี้กวีวัธน์รู้สึกอารมณ์ดีกว่าทุกวัน เพราะตอนนี้เขากลับมาเป็นคนเดิมแล้ว
ชายหนุ่มนัดเจอเพื่อนๆ ที่ผับหรูแห่งหนึ่งที่มักใช้เป็นที่สังสรรค์เป็นประจำ วันนี้เขามาถึงเป็นคนแรกเพราะออกจากที่ทำงานก็ตรงมาที่นี่เลยเพราะไม่อยากเสียเวลากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน
เขานั่งรอเพื่อนโดยมีสาวมาคอยบริการอยู่ไม่ห่าง กวีวัธน์เล็งเอาไว้แล้วว่าคืนนี้เขาจะพาสาวน้อยคนไหนกลับไปสนุกกับเขาที่โรงแรมต่อ
“เฮ้ย วัธน์ทำไมดูอารมณ์ดีจัง หรือว่าเรื่องนั้น” คุณหมออิศเรศที่มาถึงเป็นคนที่สองอดแปลกใจไม่ได้
“อือ มันกลับมาเป็นปกติแล้ว”
“ดีใจด้วยนะ ไปทำอีท่าไหนล่ะ”
“อย่ารู้เลย เรื่องมันยาวเอาเป็นว่าตอนนี้ฉันปกติดีแล้ว”
“อะไรปกติเหรอคุณวัธน์” ภากรเดินเข้ามาได้ยินพอดีจึงถามขึ้น
“สงสัยน้องชายมันกลับมาทำงานได้แล้ว” ฐากูรเดินเข้ามาเป็นคนสุดท้ายพูดขึ้นอย่างรู้ทัน
“จริงเหรอ”
“อือ”
พอทุกคนมาครบแล้วก็พูดคุยกันอย่างสนุกนาน กวีวัธน์ไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายอย่างนี้มาก่อน ร่างกายที่เคยห่อเหี่ยวกลับมากระชุ่มกระชวยอีกครั้ง
เขาอยู่พูดคุยกับเพื่อนจนเที่ยงคืนก็ขอตัวกลับโดยพาสาวสวยกลับไปด้วยถึงสองคน
“อย่าหนักเกินไปละ อย่าลืมว่าพรุ่งนี้ยังต้องทำงาน”
เสียงฐากูรตะโกนไล่หลัง
กวีวัธน์สนุกกับสองสาวจนถุงยางหมดกล่อง แต่ตัวเขาเองกลับไม่ได้มีความสุขอย่างที่คิด ในสมองเอาแต่จะคิดถึงใบหน้าและเสียงครางหวานของนักเขียนสาวจนรู้สึกโมโหตัวเอง
เขาออกมาจากโรงแรมในเวลาตีสาม พอมาถึงบ้านก็นอนไม่หลับ เขาจึงนั่งทำงานต่อจนถึงเช้า จากนั้นก็รีบแต่งตัวออกไปทำงานอย่างเคย
ตลอดทั้งวันกวีวัธน์แทบไม่มีสมาธิทำงาน เพราะเอาแต่คิดถึงพราวรวีจนแทบบ้า เขาเองก็ชักอยากจะรู้แล้วว่าเธอคิดถึงเขาบ้างหรือเปล่า
หลังเลิกงานชายหนุ่มขับรถมายังบ้านหลังเล็กของพราวรวี เขาได้ที่อยู่ของเธอจากการหลอกถามญาดาอีกที
เสียงออดที่หน้าประตูทำลายสมาธิของนักเขียนสาวอย่างมาก
“ทำไมไม่โทรมานะ” เธอบ่นกับตัวเอง เพราะคิดว่าคนที่กดออดน่าจะเป็นพนักงานส่งอาหารจากแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานเป็นประจำ
เพราะเอาแต่ก้มมองโทรศัพท์จึงไม่ทันสังเกตว่าที่หน้ารั้วไม่ใช่ไรด์เดอร์มาส่งอาหารอย่างที่คิด
“มาเร็วดีนะคะ” เธอพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้น
“รอผมอยู่เหรอ” กวีวัธน์ถามอย่างแปลกใจ
“คุณ มาได้ยังไง” นักเขียนสาวตกใจที่เห็นเขาอยู่หน้าบ้าน
“ขับรถมาครับ” เขาตอบอย่างยียวน
“ไม่ตลกค่ะ คุณรู้จักบ้านฉันได้ยังไง”
“ไม่เห็นยาก คุณนักเขียนคนดังขนาดนี้ใครก็รู้จัก”
“อย่ามั่ว ฉันไม่เคยให้ที่อยู่ใคร” เธอมั่นใจ ไม่มีแฟนคลับคนไหนรู้ที่อยู่ของเธอ เพราะถ้าจะติดต่อกันก็ผ่านทางเพจหรือถ้าจะฝากของให้ก็จะส่งไปที่สำนักพิมพ์
“คุณนัดใครไว้นะครับ” เขาเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากตอบคำถามว่ารู้ที่อยู่เธอได้ยังไง เขาไม่อยากให้ญาดาเดือดร้อน
“ใช่ฉันนัดไว้ นั่นไงเขามาพอดี”
กวีวัธน์หันไปมองด้านหลังตัวเองแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ ไรด์เดอร์สวมเสื้อสีเขียว จอดมอเตอร์ไซค์และหยิบกล่องอาหารออกมาส่งให้กับเจ้าของบ้าน
“ผมกำลังหิวอยู่เลย” ชายหนุ่มถือวิสาสะเดินนำหน้าเจ้าของบ้านเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“นี่คุณ ออกไปจากบ้านฉันนะคะ คุณเข้าไปไม่ได้”
“ก็เห็นอยู่ว่าผมเข้ามาแล้ว”
“คุณกำลังบุกรุกบ้านฉันอยู่นะ ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ”
“แล้วแต่คุณเลย ต่อให้ตำรวจมากันทั้งโรงพักก็คงทำอะไรผมไม่ได้”
“มั่นใจจัง คุณคงเป็นคนใหญ่โตสินะ”
“คุณก็เคยเห็นแล้วนี่ครับว่าใหญ่ไหม” เขาตอบด้วยสีหน้านิ่งแต่แววตาดูเจ้าเล่ห์
“ทะลึ่ง” พราวรวีหน้าแดงไปจนถึงใบหู
“คุณคิดอะไรผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้นสักหน่อย”
“แบบนั้นแบบไหน” หญิงสาวรีบถามอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวค่อยคุยได้ไหม ผมหิวแล้ว ขอกินข้าวด้วยสักมื้อไม่ได้เหรอครับ”
“เรื่องอะไรมาขอข้าวบ้านคนอื่นกิน ฉันจะโทรแจ้งความจริงๆ นะ ให้เวลาคุณอีก 5 นาทีถ้ายังไม่ออกไปฉันโทรแน่ๆ” เธอย้ำด้วยสีหน้าและท่าทางจริงจังจนกวีวัธน์อดขำไม่ได้
“เรื่องที่ควรจะรู้กันแค่สองคนก็คงต้องมีคนรู้เพิ่มสินะครับ สำหรับผมคงไม่เป็นไรเพราะไม่ใช่คนดังอะไร แต่ผมห่วงก็แต่คุณ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบแต่สีหน้าดูเครียดขึ้นกว่าเดิม
“คุณพูดอะไร”
หญิงสาวมองหน้าเขาอย่างสงสัย แล้วตาคู่สวยก็เบิกโพลงเมื่อกวีวัธน์บอกเธอว่าคืนนั้นเข้าเขาถ่ายคลิปที่เธออ้อนให้เขานอนด้วยไว้
“ฉันว่าคุณไม่กล้าทำอย่างนั้นหรอก”
“ก็เพราะกลัวว่าพอตื่นมาตอนเช้าคุณจะโวยวายว่าผมปล้ำคุณน่ะสิ ผมเลยต้องถ่ายไว้เป็นหลักฐาน ถ้าเอาคลิปนี้ให้ตำรวจดู
แล้วบอกว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน เขาก็คงไม่อยากยุ่งจริงไหม”
“ฉันว่าคุณแค่ขู่”
“ถ้าอย่างนั้นก็โทรเลยสิครับ” เขาท้าทายเหมือนตัวเองถือไพ่เหนือกว่า
พราวรวีมองหน้าเขาพลางใช้ความคิด เธอไม่ใช่คนใช้คนใจร้าย แล้วอาหารที่สั่งมาก็คงพอทานสำหรับสองคนเพราะเธอสั่งมาเผื่อสำหรับมื้อเช้าและเที่ยงของวันพรุ่งนี้อยู่แล้ว
“กินแล้วต้องรีบกลับเลยนะ”
“ครับ กินแล้วจะรีบกลับ”
เมื่อเธออนุญาตเข้าก็เลยเดินตามเข้าในบ้านหลังเล็ก สายตามองไปรอบๆ ทุกอย่างที่นี่จัดไว้เรียบร้อยมาก เครื่องเรือนมีไม่กี่ชิ้น ตรงกลางห้องโถงมีชุดรับแขกตั้งอยู่ถัดไปเป็นห้องครัวเล็กๆ ที่มีเคาน์เตอร์บาร์กั้นแยกออกจากห้องรับแขกอีกที
“ให้ผมช่วยอะไรไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ นั่งรอที่โต๊ะเลย ห้องครัวมันแคบ”
เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะรับประทานอาหาร มองคนตัวเล็กที่เพิ่งเห็นชัดเต็มตาวันนี้กำลังเทแกงถุงใสชามอย่างคล่องแคล่ว
เขาเพิ่งสังเกตว่าพราวรวีเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างตัวเล็ก ความสูงคงไม่เกิน 165 มองจากด้านหลังเห็นว่าสะโพกของเธอกลมกลึง ยิ่งสวมกางเกงขาสั้นก็ยิ่งเน้นเรียวขาให้ดูยาวสวย
ผมที่ย้อมด้วยสีน้ำตาลอ่อน ดัดเป็นลอน ความยาวระต้นคอทำให้ดูเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยมากกว่าจะเป็นนักเขียนวัย 26 ปีอย่างที่รู้มา
“อาหารง่ายๆ คุณกินได้ไหม” เสียงของเขาทำให้คนที่เอาแต่จ้องสะดุ้ง
เขามองแกงส้มผักรวมกุ้งสด หมูผัดเปรี้ยวหวาน กะหล่ำปลีทอดน้ำปลาและพะโล้ในชามแล้วก็กลืนน้ำลายลงคออย่างห้ามไม่อยู่
“ปกติคุณสั่งอาหารเยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ”
“ฉันสั่งมาเผื่อพรุ่งนี้เช้า รีบกินเถอะ” เธอตอบสั้นๆ ก่อนจะเริ่มทานโดยไม่สนใจผู้ชายตัวโตที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ พราวรวีอยากให้เข้ารีบทานและรีบกลับเพราะตอนนี้เธอกำลังเขียนงานค้างไว้ สมองกำลังไหลลื่นจนกระทั่งเขามากดออด
หลังทานอาหารเสร็จเรียบร้อยกวีวัธน์ทำท่าจะยกจานไปเก็บ หญิงสาวจึงต้องรีบเอ่ยห้ามเพราะเห็นว่าไม่สมควรที่จะให้แขกทำแบบนี้
“ฉันว่าคุณรีบกลับเถอะค่ะ เดี๋ยวจานชามพวกนี้ฉันจัดการเอง”
“ผมอิ่มมาก คงขับรถไม่ไหวแน่ ขอนั่งต่ออีกแป๊บได้ไหม ให้อาหารย่อยสักนิดก็ยังดี” เขาต่อรอง
“งั้นไปรอที่ห้องรับแขกก็ได้ แต่อย่ายุ่งกับงานของฉันนะ และก็ห้ามแอบอ่านด้วย”
“ผมไม่ใช่คนเสียมารยาทสักหน่อย” คนตัวโตพูดจบก็เดินไปยังห้องรับแขกที่อยู่ห่างออกไปแค่นิดเดียว
พราวรวีเก็บจานชามล้างจนสะอาดแล้ว กะว่าจะบอกให้เขากลับเพราะตอนนี้ก็เกือบจะสองทุ่มแล้วเธอเองก็อยากพักผ่อน
เดินกลับมายังห้องรับแขกคนที่บอกจะนั่งรอให้อาหารย่อยก็หลับอยู่บนโซฟา
“คุณ คุณวัธน์” หญิงสาวเรียกเบาๆ
“อือ” ชายหนุ่มขานรับแต่กลับพลิกตะแคงตัวหันหน้าเข้าไปอีกด้านเหมือนว่ารำคาญที่มีคนรับกวนเวลานอน
“คุณตื่นได้แล้วมานอนบ้านคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง ดึกแล้วกลับบ้านได้แล้วนะคะ”
“อือ ดึกแล้ว ง่วงแล้วขี้เกียจขับรถ”
“แต่คุณจะมานอนตรงนี้ไม่ได้นะคะ” เพราะเธอมักจะนั่งพิงโซฟาเวลานั่งพิมพ์งานตอนกลางคืน
“ขอนอนต่ออีกนิดได้ไหม”
“ให้แค่ 20 นาทีนะคะ ถ้าครบแล้วคุณต้องตื่นมาล้างหน้าและกลับบ้านตกลงไหม”
พราวรวีนั่งทำงานของตัวเองไปเรื่อยจนครบเวลา 20 นาทีตามที่เขาขอ หญิงสาวก็ปลุกให้กวีวัธน์ตื่น ครั้งนี้เขาไม่อิดออดเท่าไหร่และยอมกลับแต่โดยดี
“ขอบคุณมากสำหรับอาหารเย็นนะครับ เอาไว้ผมจะแวะมาทานด้วยบ่อยๆ”
“ฉันว่าเราอย่าเจอกันอีกเลยจะดีกว่า”
“ทำไม”
“ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอคะ”
“แน่นอนสิ ถ้าคุณไม่มีเหตุผลที่ดีพอ ผมจะถือว่าคุณเอาเปรียบผมนะ”
“ฉันเอาเปรียบคุณตอนไหน”
“ผมเห็นนะว่าคุณกำลังเขียนอะไรอยู่”
“คุณ ฉันบอกว่าห้ามอ่าน”
“คุณก็รู้นิสัยคนเรายิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ”
พราวรวีไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาต่อว่าผู้ชายตรงหน้าดี
“ผมจะบอกให้นะ ไอ้ประสบการณ์ที่คุณได้ไปจากผมน่ะ มันแค่เศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น เรื่องบนเตียงมันยังมีอะไรอีกเยอะที่คุณไม่รู้”
“ใครจะอยากรู้กัน”
“เอาน่า ไม่ต้องอาย ผมจะช่วยเพิ่มประสบการณ์ให้คุณเองรับรองเลยว่าคุณเอาไปเขียนได้อีกเป็นสิบเรื่องเลย”
“ใครอยากได้กัน”
“วันนี้คุณอาจจะปฏิเสธ แต่วันหน้าถ้าเปลี่ยนใจก็บอกผมได้นะ ผมพร้อมเสมอเลย เบอร์ผมคุณก็มีแล้วนี่ครับ”
“กลับไปได้แล้วฉันจะพักผ่อน”
“เปลี่ยนใจโทรไปนะครับ หรือถ้าอายก็ไลน์ไปก็ได้รับรองว่าเรื่องนี้ผมไม่บอกใคร”
“กลับได้แล้ว” เธอย้ำอีกครั้ง
“โอเคครับ ผมกลับแล้ว ฝันดีนะครับคุณนักเขียน” กวีวัธน์โบกมือให้หญิงสาวก่อนที่จะเดินออกจากรั้วบ้านไปอย่างอารมณ์ดี