ตอนที่ 2 ปัญหาระดับชาติ
“ผลตรวจปกติทุกอย่างฉันว่าที่นายเป็นอยู่แบบนี้คงต้องไปปรึกษาจิตแพทย์แล้วล่ะ” อิศเรศคุณหมอหนุ่มตี๋วัย 33 บอกกับเพื่อน
“แย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะอิศ”
“อือ ฉันว่าที่นายเป็นแบบนี้มันน่าจะเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนเกิดอุบัติเหตุนะ”
“อยากจะบ้าตาย นี่มันสามเดือนแล้วนะที่ฉันเป็นแบบนี้” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลากล่าวอย่างหัวเสีย
หลังจากประสบอุบัติเหตุรถชนกับเสาไฟฟ้าเมื่อสามเดือนก่อน กวีวัธน์ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากเพราะถุงลมนิรภัยทำงานได้อย่างดีเยี่ยม แต่หลังจากนั้นเขากลับรู้สึกว่าอวัยวะส่วนล่างของตนเองมันไม่ตื่นตัวเหมือนก่อน
จากคนที่ไม่เคยขาดเรื่องเซ็กซ์อยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่านกเขาของตัวเองไม่ขัน มันทำให้ชายหนุ่มแทบจะบ้าตาย เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาระดับชาติสำหรับเขาเลยก็ว่าได้
เขาเริ่มคิดตามที่คุณหมอหนุ่มพูดเพราะก่อนหน้าที่จะขับรถชน กวีวัธน์ไปหาแฟนสาวที่คบกันมาหนึ่งปี กะว่าจะไปเซอร์ไพรส์เธอในวันครบรอบ 1 ปี แต่ไม่คิดว่าเธอจะเซอร์ไพรส์เขากลับด้วยการพาผู้ชายมานอนด้วยที่คอนโดซึ่งเขาเองเป็นคนซื้อให้เธอ
หลังจากเห็นภาพบาดตา ชายหนุ่มก็ขับรถออกมาด้วยอารมณ์โมโห รู้ตัวอีกที่ตัวเองก็ไปนอนอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว
ครั้งนั้นเขาตัดสินใจเลิกกับพรลภัสอย่างเด็ดขาด แต่เพราะเป็นคนมักมากเรื่องบนเตียง ชายหนุ่มจึงเรียกใช้งานสาวไซด์ไลน์เพื่อจะได้ปลดปล่อยความต้องการของตนเอง
แต่ก็อายจนแทบอยากจะมุดหน้าหนีเพราะน้องชายของเขามันกลับไม่ยอมตื่น เธอใช้ทั้งมือ ทั้งปากปลุกเร้าแต่มันก็ยังคงแน่นิ่ง
ชายหนุ่มเอาเรื่องนี้มาปรึกษาหมออิศเรศซึ่งเป็นทั้งเพื่อนและแพทย์เฉพาะทางระบบทางเดินปัสสาวะ แต่ผลตรวจก็ปกติทุกอย่าง
“เอาน่าอย่าคิดมาก ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องรักษาด้วยยา”
“ยาอะไร” เขาหันมาถาม
“ก็พวกไวอะกร้าไง มันจะช่วยขยายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณนั้น”
“นี่ฉันอายุ 32 เองนะ ให้ตายซะยังดีกว่ามาให้ใช้ยาพวกนั้น ใครรู้มีหวังได้อายเขาตาย”
“ถ้ายังไม่อยากใช้ยาก็ต้องปรึกษาจิตแพทย์ดู บางทีเขาอาจช่วยได้”
“ขอเวลาอีกหน่อย ฉันยังทำใจไม่ได้เลย”
“ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็นัดมานะ”
“อือ ขอบใจนะไปก่อนเย็นนี้เจอกันร้านเดิม”
บริเวณชั้นสองของบาร์หรูแห่งหนึ่งมีชายหนุ่มสี่คนกำลังคุยกันอย่างออกรส โดยมีสาวๆ มาคอยบริการไม่ห่าง กวีวัธน์มองรูปร่างยั่วยวนของพวกเธอแล้วกลับไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด
“ทำหน้าเบื่อโลกอีกแล้วนะคุณวัธน์” ภากรเห็นสีหน้าของกวีวัธน์แล้วก็อดจะเอ่ยแซวไม่ได้
“ก็โลกมันน่าเบื่อจริงๆ นี่”
“อย่าบอกนะ เรื่องนั้นยังไม่หาย”
“อือ”
“ฉิบหายเลยนะนั้น อายุเพิ่ง 32 เอง ยังใช้งานได้ไม่คุ้มเลยนะ” ฐากูรทั้งขำและเห็นใจเพื่อน
“เอาน่า อย่าเพิ่งทำหน้าเซ็งเดี๋ยวคืนนี้จัดไปเลยสองคนดูสิว่ามันจะไม่ขันจริงเหรอ”
“ไม่ดีกว่า แค่นี้ก็อายจะแย่อยู่แล้ว” ผู้หญิงกี่คนต่อกี่คนที่เขาพาไปนอนด้วยก็ไม่มีใครทำให้เจ้าน้องชายของเขาตื่นขึ้นมาได้เลยสักนิด
“อิศ นายแน่ใจนะว่าตรวจอาการมันดีแล้ว” ภากรหันมาถามคุณหมอคนเดียวในกลุ่ม
“ตรวจดีแล้ว ทุกอย่างไม่มีปัญหา” คุณหมอหนุ่มตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
“บางที่น้องชายของนายคงอยากจะพัก” ฐากูรพูดเสริมขึ้นเพราะที่ผ่านมาเพื่อนของเขาไม่เคยขาดเรื่องบนเตียงเลย
“พักนานเกินไปไหม สามเดือนแล้วนะ” กวีวัธน์ถอนหายใจอย่างหมดอารมณ์
“เอาน่า ช่วงนี้ก็หาอะไรทำฆ่าเวลาไปก่อน เรื่องนั้นอย่าเพิ่งคิด บางทียังไม่เจอคนที่ถูกใจก็ได้” ภากรให้กำลังใจ
กวีวัธน์นั่งดื่มกับเพื่อนต่อจนกระทั่งถึงเวลาปิดของทางร้าน เพื่อนของเขาพาน้องๆ ไปต่อกันที่อื่นส่วนตัวเขากลับมาที่บ้านของตนเองเพียงลำพัง
ทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วชายหนุ่มก็ลงมาหาน้ำดื่ม ขณะกำลังจะกลับไปนอนตาก็สะดุดกับหนังสือนิยายเล่มหนึ่งที่วางคว่ำหน้าอยู่บนเคาน์เตอร์ครัว
“สงสัยเป็นของป้าอุ่น”
กวีวัธน์ถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู ภาพหน้าปกเป็นชายหญิงคู่หนึ่ง ฝ่ายชายสวมเสื้อเชิ้ตติดกระดุมเพียงเม็ดล่างสองเม็ด เผยให้เห็นหน้าท้องเป็นลอนสวย ส่วนผู้หญิงสวมชุดนอนตัวบางนั่งอยู่บนตักของผู้ชาย มือของเธอวางอยู่บนกล้ามท้องเพียงแค่เห็นหน้าปกกวีวัธน์ก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาร้อนขึ้นทีละนิดในหัวของชายหนุ่มจินตนาการว่าผู้ชายคนนั้นคือตัวเอง
เขาถือหนังสือติดมือไปบนยังห้องนอนเปิดอ่านหน้าที่ถูกคว่ำไว้ด้วยความสนใจ
ความรู้สึกแบบนี้ไม่เกิดขึ้นกับเขามาสามเดือนแล้ว อ่านไปไม่กี่หน้าน้องชายของเขาก็ตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
คนตัวโตใบหน้าหล่อยิ้มกว้าง ในที่สุดเขาก็ได้ปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง แม้จะด้วยมือของตัวเองก็ตาม
พอร่างกายได้ระบายออกก็รู้สึกสบายตัวขึ้น ชายหนุ่มอ่านนิยายต่อไปอีกจนจบเรื่องอยากจะขอบคุณนักเขียนคนนี้เหลือเกินที่ทำให้มังกรของเขากลับมาผงาดอีกครั้ง
“พริบพราว” เขาพึมพำกับตัวเองก่อนจะหลับอย่างมีความสุขเป็นครั้งแรกหลังจากประสบอุบัติเหตุ
กวีวัธน์ตื่นนอนด้วยความสดชื่นแม้วันนี้จะเป็นวันหยุด ป้าอุ่นมาทำอาหารเช้าให้เหมือนกับทุกวัน
“คุณวัธน์เห็นหนังสือนิยายไหมคะ เมื่อวานป้าน่าจะลืมไว้ที่นี่ แต่ไม่รู้ว่าเอาไปวางไว้ที่ห้องไหน”
“ผมเห็นวางอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกครับ”
“เฮ้อ โล่งอกไปทีป้านึกว่าจะหายไปซะแล้ว”
“ป้าอุ่นชอบอ่านนิยายเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ป้าชอบอ่านโดยเฉพาะของคุณพริบพราวยิ่งชอบอ่านมาก นี่ก็รอเล่มใหม่ของเธออยู่ไม่รู้จะออกมาเมื่อไหร่ป้าเก็บเงินแล้ว ออกช้าเหลือเกินป้าคงต้องไปทวงถามทางเพจแล้ว”
“ท่าทางจะชอบจริงๆ นะครับ ถึงขั้นตามไปทวงเลย”
“ก็คนมันชอบนี่คะคุณวัธน์ มีแค่ป้าคนเดียวที่ไหนล่ะที่ไปทวง แฟนๆ หลายคนก็ถามถึงกันบ่อย แต่บางครั้งป้าก็สงสารเธอ”
“ทำไมเหรอครับ” จู่ๆ เขาก็อยากรู้เรื่องของนักเขียนขึ้นมาซะอย่างนั้น
“ก็มีบางคนไปวิจารณ์เธอว่างานเขียนเริ่มถอยหลังลงคลอง บทหวานๆ ก็เริ่มไม่ค่อยมี ไม่เหมือนกับตอนแรกที่เธอเขียน อย่างเล่มที่ป้าลืมไว้เมื่อวานนั้นเป็นเรื่องแรกของเธอเลยนะคะ ป้าอ่านไม่รู้กี่รอบแล้วก็ยังชอบ ดีนะคะที่ไม่หายถ้าอย่างนั้นป้าคงเสียดายแย่เลยเพราะหาซื้อไม่ได้แล้ว”
กวีวัธน์แอบยิ้ม อย่าว่าแต่ป้าอ่านแล้วชอบเลย ขนาดเขาอ่านยังรู้สึกว่ามันลงตัวมาก แม้จะไม่เคยอ่านนิยายมาก่อนแต่พอได้อ่านก็ถึงกับวางไม่ลง
หลังจากทานอาหารเช้าฝีมือป้าอุ่นแล้ว กวีวัธน์ก็มานั่งทำงานต่อในห้องทำงานอย่างอารมณ์ดี เย็นนี้เขานัดผู้หญิงไว้ที่โรงแรมหรูย่านชานเมือง กะว่าคืนนี้จะจัดเต็มจนถึงเช้าเลยทีเดียว
ชายหนุ่มออกจากบ้านในเวลาหนึ่งทุ่ม กะเวลาให้ถึงโรงแรมสองทุ่มตามเวลาที่นัด
ผู้หญิงที่นัดมาวันนี้เขาเป็นคนเลือกจากรูปทั้งหมดที่โมเดลลิ่งแห่งหนึ่งส่งมาให้ เลือกคนที่มีรูปร่างและลักษณะใกล้เคียงกับผู้หญิงที่อยู่บนปกนิยายมากที่สุด
แต่แล้วทุกอย่างมันก็พังไม่เป็นท่า ไม่ว่าเด็กที่เรียกมาจะพยายามมากแค่ไหนทุกอย่างก็ไม่เป็นผล สุดท้ายกวีวัธน์ก็เลยจ่ายค่าเสียเวลาบวกกับค่าปิดปากให้กับผู้หญิงคนนั้นอีกจำนวนหนึ่ง
เขาขับรถกลับมาถึงบ้านในเวลาตีหนึ่ง สายตาคมมองไปทั่วห้องหวังว่าวันนี้ป้าอุ่นจะลืมหนังสือไว้อย่างเดิม
แล้วเขาก็ถอนหายใจเมื่อหาจนทั่วก็ไม่เจอหนังสือเล่มนั้น เขาจำได้ว่าป้าอิ่มพูดถึงเพจนักเขียนที่ชื่อพริบพราว ชายหนุ่มหยิบไอแพดขึ้นมาค้นหาจนเจอเพจที่ว่า
นับว่าเป็นเรื่องดีที่หนังสือของพริบพราวมีแบบอีบุ๊กด้วย แต่กวีวัธน์ก็รู้สึกผิดหวังเพราะเล่มที่เขาอ่านเมื่อวานไม่มีจำหน่ายในรูปแบบอีบุ๊ก แต่ก็ยังดีที่มีเล่มอื่นให้อ่านบ้าง
ความรู้สึกตื่นเต้นเหมือนเมื่อวานกลับมาอีกครั้ง แต่เพราะเป็นเวลาดึกมากแล้วเขาเลยต้องช่วยตัวเองไปก่อน และวางแผนไว้ว่าพรุ่งนี้จะเรียกเด็กมาอีกสักครั้งและจะไม่ลืมเอาไอแพดไปด้วยอย่างแน่นอน