บทที่1.คุณหญิงประกาย พงษ์ไพศาสกิจ 1/2
“ดอกปีบ...ไปตามพ่อหลานชายตัวดีของฉัน ให้มาพบฉันสักหน่อยซิ! ใจคอจะปล่อยให้ย่าแก่ๆ รออยู่อย่างเดียวดายโดยไม่คิดจะเหลียวแลเลยรึยังไงหะ” เสียงแหบเครือของหญิงสูงวัยบอกกาสะลอง เด็กรับใช้ใกล้ชิดที่คุณหญิงประกายรับเลี้ยงมาแต่เยาว์วัย
“ค่ะ...คุณท่าน” เธอรับเสียงหวาน กระถดตัวถอยหลัง ออกไปจากห้องนอนโอ่อ่า เธอหยัดกายลุกขึ้นยืน ถอนหายใจเฮือกๆ ด้วยความหนักใจ เมื่อคิดถึงเขา... เปรม เจนาส พงษ์ไพศาสกิจ หลานชายเพียงคนเดียวของคุณหญิงประกาย เขาเข้มแข็งองอาจ รูปงามประหนึ่งเทพบุตรในนิทาน และเพราะความสามารถ เขาประสบความสำเร็จในถนนนักธุรกิจได้อย่างงดงาม โดยไม่ได้อาศัยชื่อเสียงของพงษ์ไพศาสกิจเป็นฐาน
มันเป็นเรื่องราวแต่หนหลัง ที่กาสะลองเกิดไม่ทัน...
ประชัน พงษ์ไพศาสกิจบุตรชายคุณหญิงประกายได้ภรรยาตอนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ โดยที่ไม่ได้รับการเห็นชอบจากครอบครัว เขาปกปิดเรื่องภรรยาเป็นความลับ มารดาของเปรมถูกรังเกียจ และไม่ยอมรับจากครอบครัวฝ่ายชาย เธอจำใจหอบลูกน้อยกลับบ้านเกิด หลังถูกขับไล่และไม่ได้รับการเหลียวแล พิทีเซียจากไปพร้อมเด็กชายแรกเกิดที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เธอหายไป...จากชีวิตสามี และแม่สามีผู้หยิ่งยโส
ประชันแต่งงานใหม่ในเวลาไม่นานกับผู้หญิงที่ทางครอบครัวเขายอมรับ...โสภาพรรณสาวคือผู้หญิงคนใหม่ เธออยู่ในสังคมเดียวกัน เป็นไฮโซลูกหลานคนมีสกุล... ครอบครัวใหม่ของบิดามีความสุขดี เขาลืมเด็กชายตาดำๆ ที่เป็นบุตรเสียสนิทใจ
ภรรยาใหม่กำเนิดบุตรเพิ่มขึ้นมาอีกสองคน แต่ดูเหมือนฟ้าดินจะกลั่นแกล้งคุณหญิงประกาย... เมื่อหลานใหม่กำเนิดขึ้นมามีแต่ผู้หญิงล้วนๆ พรรณนารายและเพลินตา งดงามสมวัย แต่ไม่สามารถสืบทอดกิจการอันยิ่งใหญ่ของบิดาได้ กิจการค้าขายที่ต้องใช้ทักษะสูง การแข็งขันที่ต้องอาศัยชั้นเชิงและความสามรถในสนามธุรกิจ พงษ์ไพศาลกิจจำเป็นต้องมีผู้นำที่เข้มแข็ง...ประจวบเหมาะกับข่าวคึกโครม ของนักธุรกิจหนุ่มต่างแดนที่มาทำธุรกิจในเมืองไทย
เจนาสกรุ๊ปเปิดตัวอย่างอลังการ...เขาขยายกิจการเดินเรือ มาเปิดทางเลือกใหม่ให้กับประเทศไทย เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี หนุ่มหล่อผิวเข้ม นัยน์ตาคมดุปานดวงตาพญาเหยี่ยว รูปร่างสูงใหญ่สมชายชาตรี วิสัยทัศน์เฉียบแหลม และเปลี่ยมไปด้วยพละดึงดูดทางเพศ
“ดอกปีบจะไปตามคุณเปรมได้ยังไงกันคะคุณท่าน! คุณท่านตามเองนับสิบครั้ง พ่อเจ้าประคุณยังไม่สนใจเลย...คนอะไรใจดำชะมัด! ปล่อยญาติผู้ใหญ่ให้คอยอยู่ได้” กาสะลองบ่นพึมพำด้วยความหนักใจ ดวงตาหม่นเศร้า สงสารผู้อุปการคุณสุดหัวใจ เธอจึงพยายามทำตามคำขอร้องประกายด้วยความตั้งใจจริง
“ย่าผิดไปแล้วเปรม ย่าขอโอกาสแก้ตัวได้ไหมลูก” เสียงแหบเครือรำพันด้วยความอ่อนล้า นัยน์ตาฝ้าฟางเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา เมื่อนึกถึงนัยน์ตาดำขลับของเด็กชายวัย12 ปี ที่มองท่านด้วยแววตาตัดพ้อ
อดีต10ปีกว่าที่ผ่านไปแล้ว…
“ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าเธอเคยเป็นเมียประชันมาก่อนหรือเปล่า? เธอจะเอาเด็กคนนี้มาเรียกร้องอะไรกับฉันหรือแม่พิทีเซีย ฉันขอไม่รับรู้เรื่องราวแต่หนหลังของพวกหล่อนหรอกนะ ตอนนี้... ในเวลานี้...ประชันเขามีครอบครัวใหม่ไปแล้ว ถ้าอยากได้ค่าเสียเวลา ฉันจะจ่ายให้เธอเอง แต่ฉันไม่ขอรับลูกของเธอเป็นหลานหรอกแม่คุณ เหตุการณ์มันผ่านไปนาน นานจนต่อไม่ติดแล้วล่ะ ฉันก็ไม่อยากให้ประชันกับโสภาพรรณเขาหงุดหงิดใจ” คุณหญิงประกายพูดเสือกไสไล่ส่ง เมื่อจู่ๆ ก็มีผู้หญิงต่างชาติ หอบเด็กชายตาดำๆ มาแสดงตัวเป็นภรรยาอีกคนของบุตรชายท่าน แววตาเด็กน้อยนั่นตัดพ้อผู้เป็นย่า เขาจ้องท่านอย่างจริงจัง เหมือนกับจะประทับไว้ในความทรงจำ
“แต่...”
“ไม่มีแต่หรืออะไรทั้งนั้นนะแม่พิทีเซีย เธอรับเช็คนี่! แล้วก็พาลูกของเธอกลับบ้านไปซะ ฉันช่วยได้แค่นี้ล่ะ”
“ขอบคุณในความกรุณาค่ะคุณหญิง แต่ดิฉันไม่ขอรับ”