บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 วันแรก (2)

ตอนที่ 2 วันแรก (2)

“ฉิบหาย!” เด็กหนุ่มลอบอุทานในใจ เพราะมัวแต่วางแผนเตรียมคำพูด จนหลงลืมดูทางไปเสียได้

‘ใบหน้าเปื้อนยิ้ม’ ในตอนแรก กลับแปรเปลี่ยนมาเป็น ‘ใบหน้าเจี๋ยมเจี้ยม’ ในทันที…

เพราะตอนนี้เขามาเหยียบอยู่หน้าโรงอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว! โรงอาหารขนาดใหญ่พอที่จะจุนักเรียน พันกว่าคนได้สบาย ๆ ไม่เห็นก็แปลกแล้ว!

“เผลอปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อออกมาเสียแล้วกู!” เด็กหนุ่มอยากจะตบหน้าผากตัวเองเสียจริง “ดันมาตกม้าตายเรื่องง่าย ๆ แบบนี้เสียเชิงหมดเลยกู” เขาพึมพำในใจ จึงต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการใช้ความใจกล้าหน้าด้านสู้ต่อไป…เพราะว่าขึ้นหลังเสือแล้วมันลงยาก!

จึงพูดกลั้วหัวเราะเหมือนคนเป็นบ้า “เอ่อ! จริงด้วยแฮะ ขอบใจมากนะ!” เขาพูดไปพร้อมกับเกาหัวแก้เขิน จากนั้นก็อาศัยความหน้าด้าน ‘ส่งยิ้มหวานให้กับพวกเธอ’

ภายในใจท่องไว้ว่าด้านได้อายอด

จึงยังเห็นรอยยิ้มพิมพ์ใจอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาอยู่

“ไหน ๆ ก็เริ่มแล้ววะ ถามชื่อเธอไปเลยซิ!” เขาลอบปลุกใจตัวเอง

“เออนี่…ว่าแต่พวกเธออยู่ห้องไหนกันเหรอ? ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะได้เป็นเพื่อนร่วมห้องเดียวกันก็ได้นะ จะได้ทำความรู้จักกันไว้!?”

หญิงสาวทั้งสาม ก็พร้อมใจกันหันจ้องไปที่เพื่อนหญิงของพวกเธอ ซึ่งได้ถูกหนุ่มน้อยจับจ้องอย่างไม่คลาดสายตา เล่นทำเอาเธอขวยเขินเป็นอย่างมาก รวมเข้ากับท่าทีของเพื่อน ๆ ที่เล่นกระเซ้าเย้าแหย่

จนเธอต้องพูดออกมาว่า “เราอยู่ห้อง 2”

จากนั้นเธอก็สะกิดเพื่อนด้านข้าง เพื่อนในกลุ่มก็พอรู้ใจกันอยู่…จึงบอกห้องของตัวเองออกมาอย่างสบาย ๆ พร้อมฉีกยิ้มกว้างมองเด็กหนุ่มตรงหน้าพวกเธอ

“แหม่…แย่จัง คนละห้องกันเลยเนอะ” เด็กหนุ่มบ่นอุบเพราะรู้สึกเสียดาย แต่ก็ชวนพูดต่อไป “ส่วนเราอยู่ห้อง 11 นะ เอ่อ…แล้วเธอชื่ออะไรกันบ้างล่ะ” เมื่อถึงประโยคนี้ เด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง เพราะเมื่อสบโอกาสจึงแอบยิงคำถามไปเลย

ก่อนที่หญิงสาวในกลุ่มคนหนึ่งจะพูดขึ้นมาว่า “เธอแน่ใจนะว่าอยากรู้ชื่อพวกเราทั้งหมด...ไม่ใช่แค่ใครบางคน?” หญิงสาวพูดกระเซ้าเย้าแหย่ ส่วนเพื่อน ๆ ในกลุ่มก็พูดหยอกล้อ เสริมทัพ บ้างก็หยิกแขน ท้ายที่สุดก็ได้ ‘ผลักเธอ’ ออกไปด้านหน้า

เด็กหนุ่มตอบแบบมีลูกล่อลูกชน “ถ้าถามชื่อคนใดคนหนึ่งมันจะดูน่าเกลียดเกินไปนะ… งั้นเอาเป็นว่าถามชื่อทุกคนเลยก็แล้วกัน” เขาหันไปตอบผู้หญิงคนนั้น ก่อนที่สายตาจะจับจ้องไปที่ดาวเด่นประจำกลุ่ม สื่อความหมายอย่างชัดเจน

บรรดากลุ่มนักเรียนชาย ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ในโรงอาหาร หลายโต๊ะ เริ่มหันมาจ้องมองที่กลุ่มของพวกเธอมากยิ่งขึ้น อาจจะเป็นเพราะกลุ่มของพวกเธอมีแต่สาวสวย โดดเด่นสะดุดตากันทั้งนั้น

เพียงแต่ว่าไม่มีใครกล้ามาจีบพวกเธอโต้ง ๆ เหมือนเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า จึงทำเอาทุกคนเตรียมตัวไม่ถูกอยู่บ้าง

เมื่อเด็กสาวถูกจ้องมองในระยะใกล้ จึงได้แต่ อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ใบหน้าเธอเริ่มแดงระเรื่อ ทำให้เพื่อนสาวที่อยู่ห้อง 5 อาสาที่จะตอบคำถามแทน “เราชื่อพิ้งค์ คนนี้ชื่อฝ้าย คนนั้นชื่อปลาย และส่วนคนที่นายจ้องตาไม่กะพริบเนี่ย…ชื่อว่าเหมือนฝันน่ะ!”

เด็กหนุ่มกะพริบตาถี่ ๆ พร้อมเผลอพูดโดยไม่รู้ตัว “เหมือนว่าเดินออกมาจากในฝันจริง ๆ เลยแฮะ!” พอรู้ตัวว่าได้เผลอหลุดปากพูดออกไป เขาจึงเกาใบหน้าแก้เขิน มองดูคล้ายลูกแมวตัวน้อยน่ารัก ๆ ตัวหนึ่ง

เขายังไม่ลืมชวนคุยต่อ “ข...ขอโทษทีพอดีลืมตัวน่ะ แต่ว่าชื่อมีความหมายดีมากเลย!” ตัวเขาพูดพร้อมหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา มองดูก็น่ารักไปอีกแบบ คล้ายกับว่าเวลาเจอคนที่ชอบมาก ๆ แล้วทำตัวไม่ถูก!

เด็กหนุ่มยังไม่ทันจะได้แนะนำตัวเอง กลับได้ยินเสียงผิวปาก พร้อมเสียงพูดจาหยอกล้อดังขึ้น จากกลุ่มผู้ชายในโรงอาหาร สายตาของคนพวกนั้น จ้องมองมายังบริเวณ กลุ่มของหญิงสาว และก็ตัวเขา

ดูเหมือนว่า ไอ้พวกนั้นจะอิจฉาตนที่กำลังคุยกับ หญิงในจินตนาการเป็นแน่! “มารผจญเสียจริงนะพวกมึง!” เขาแอบบ่นในใจ

ทั้งสายตาพิฆาต อิจฉา ริษยา หลากหลายที่จ้องมาทางเขา เมื่อเห็นดังนั้นตัวเขา

ด้วยตัวเขาเองก็เป็นคนรู้จักสถานการณ์ จึงได้เกริ่นนำไปก่อนว่า “เอ่อ...คงใกล้เข้าแถวแล้วแหละ เราไปเดินหาเพื่อน ๆ ก่อนนะ” เขาโบกมือลา ตลอดเวลาที่คุยกัน รอยยิ้มของเขาไม่เคยหุบลงเลย

พอกลุ่มของเหมือนฝัน หมุนตัวเดินจากไปได้นิดหน่อย เสียงของเด็กหนุ่มก็ดังไล่หลังมา “เออนี่เหมือนฝัน…ไว้เจอกันใหม่นะ” พอเหมือนฝันได้ยินดังนั้น ทำเอาเจ้าหล่อนขวยเขิน ใบหน้าแดงระเรื่อ พากันจูงมือเพื่อนรีบจ้ำอ้าวออกมาจากบริเวณนั้นโดยพลัน

เพื่อน ๆ ในกลุ่มก็พากันแซว หัวเราะคิกคัก หยอกเย้าเธออยู่นาน

เด็กหนุ่มรู้สึกว่า “ตัวเขาได้รวบรวมความกล้าตั้งแต่เกิดมาเพื่อที่จะทำสิ่งนี้แล้ว!” ซึ่งมันยากยิ่งกว่าขอร้องแม่ของตน เพื่อไปทำเรื่องอะไรแผลง ๆ เสียอีก

จากนั้นเขาก็ชะเง้อมองหากลุ่มเพื่อน ทว่าไม่ต้องเสียเวลาไปตามหาเพื่อนจากโรงเรียนเก่าเลย

มีเพื่อนเดินเข้ามา ‘ล็อกคอ’ เขาจากด้านหลัง พร้อมพูดว่า “นี่มึงมาถึงก็เล่นดาวเด่นเลยเหรอวะไอ้เสือ! กูก็คิดอยู่แล้วเชียวว่าทำไมมึงแม่งถึงได้มาช้าจัง แหม่มึงนี่มันเสือซุ่มของจริงเลยนะ!” เขาจะถูกลากไปที่โต๊ะร่วมกับกลุ่มเพื่อน ๆ จากโรงเรียนเดียวกัน

เป็นธรรมดาที่เด็กเข้าใหม่ ต้องนัดแนะเพื่อนจากโรงเรียนเก่าเพื่อสุมหัวกัน ทั้งกลุ่มก็เริ่มถามสารทุกข์สุกดิบกัน ทั้งเรื่องราวในโรงเรียนใหม่แห่งนี้ ที่พอจะได้ยินมาจากปากบรรดารุ่นพี่

กลุ่มเด็ก ป.6 ที่โรงเรียนเก่าของเขา ก็รู้กันหมดว่าใครได้เข้าโรงเรียนไหนบ้าง เพราะส่วนใหญ่แล้วตอนจะจบ หรือตอนไปสอบก็มักนัดแนะคุยกันเรื่องนี้ และโทรติดต่อกันอยู่ตลอด…

โรงเรียนเก่าของพวกเขาก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก จึงไม่ต้องปรับตัวในการเดินทางมากเท่าไหร่ เพียงแต่เปลี่ยนจากกางเกงสีน้ำตาล…มาเป็นกางเกงสีดำ ส่วนรองเท้าก็เช่นกันเปลี่ยนมาเป็นสีดำ มองดูแล้วโก้ไปอีกแบบ

สลัดคราบเด็กวัดเข้ามาอยู่ในโรงเรียนขนาดใหญ่ประจำจังหวัด…ซึ่งชื่อดังก้องไปทั่วทั้งสองฟากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะว่าเป็นหนึ่งในสองโรงเรียนประจำจังหวัด ทำให้การแข่งขันเพื่อสอบเข้ายากเย็นแสนเข็ญ กว่าจะหาหนทางเข้ามาเรียนที่นี่ได้…ก็แย่งกันแทบตาย

หนุ่มน้อยไม่มีอารมณ์มาสนทนากับเพื่อน ๆ มากนัก เพราะว่าตัวเขายังจมอยู่ในภวังค์ ตอนที่ได้สบตากับเหมือนฝัน

“ใช่แล้ว…เหมือนเธอเดินออกมาจากฝันจริง ๆ นั่นแหละ เขาพึมพำกับตัวเอง พร้อมทั้งยังยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่คนเดียว”

ทำเอาเพื่อน ๆ ที่กำลังคุยกันอยู่อย่างสนุกสนานเฮฮา หันมามอง พลางโบกไม้โบกมือไปมาเรียกสติอยู่ด้านหน้าเขา เมื่อเห็นว่าไม่มีปฏิกิริยา ไอ้เข้มเพื่อนสนิทก็จัดการตบกบาลไปทีหนึ่ง ‘เพียะ!’ เสียงดังสนั่นไปหลายโต๊ะ…

ถึงจะปลุกเอาเด็กหนุ่มกลับมาจากภวังค์นั้นได้ “ฮ…ฮะ…มีอะไรเหรอวะ?” ดูเหมือนเขาจะไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดกับการที่ถูกตบกบาลแต่อย่างใด

เข้มจึงถามขึ้น “เฮ้ย! มึงไหวเปล่าเนี่ย…โน่นนางในฝันของมึงอะ มีคนมาขอเบอร์อีกแล้ววะ!” เขาพลางชี้ไปทางที่นั่งของกลุ่มเหมือนฝัน หลังจากมีคนเปิด ย่อมมีคนตามเป็นธรรมดา

เด็กหนุ่มก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาจึงตอบไอ้เข้มไปว่า “ของแบบนี้ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกโว้ย” ก่อนที่ทั้งกลุ่มจะหัวเราะ กระเซ้าเย้าแหย่กันอยู่พักหนึ่ง

ไม่นานเสียงประกาศตามสายก็ดังไปทั่วทั้งโรงเรียน เรียกรวมให้นักเรียนไปเข้าแถว ทำให้เกิดภาพชุลมุนวุ่นวาย

และกว่าบรรดาครูจะจับปูใส่กระด้งเสร็จก็ทำเอาเสียเวลาอยู่นานสองนาน แต่ก็เป็นภาพปกติคุ้นชินของบรรดาครูอาจารย์อยู่แล้ว ซึ่งจะวุ่นวายในช่วงเปิดเรียนวันแรก หรือช่วงสัปดาห์แรก ๆ

เด็กหนุ่มนั่งอยู่ในสนามหญ้า ซึ่งมีหญ้าที่เขียวชอุ่ม ดูคล้ายได้รับการบำรุงอย่างดีในช่วงปิดเทอม เขาหันซ้ายหันขวาดูแถวของ ม.1 ในปีนี้…ซึ่งจัดได้ถึง 14 ห้อง! เรียกได้ว่าทำลายสถิติเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ของโรงเรียนแห่งนี้

เพียงแต่ว่าแถวของเขาอยู่ห่างจากเหมือนฝัน ซึ่งอยู่ห้อง 2 ไกลพอสมควร พอเห็นว่าตนชะเง้อมองไม่เห็น จึงจำใจนั่งสงบเสงี่ยม พลางดึงต้นหญ้าในสนามฆ่าเวลา

ขณะที่ผอ. ก็แนะนำตัวเอง พร้อมทั้งแนะนำประวัติของโรงเรียน “อย่างที่ทุกคนได้รู้กันว่าโรงเรียนปทุมวิไลของเราก่อตั้งมาก็จวนจะร้อยปีอยู่แล้ว ทั้งยังเป็นโรงเรียนที่เก่าแก่ประจำจังหวัด ดังนั้นครูขอให้ทุกคนช่วยกันรักษาชื่อเสียงอันดีงามไว้…” ผอ.เธอพูดบรรยายอยู่หลายสิบนาที

กว่าจะปล่อยให้เคารพธงชาติ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบ 8 โมงกว่าแล้ว จากนั้นก็มีครูที่ยืนกำกับแถว พาแต่ละห้องเดินไปตามห้องเรียนในตารางสอน…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel