บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 15 ความแตก! (1)

ตอนที่ 15 ความแตก! (1)

ผ่านไปหนึ่งวันหลังจากต้อนรับขับสู้แขกเหรื่อ…

ในตอนค่ำของวันนั้น ตลอดเวลาที่กินข้าว แม่ชบานั่งมองดูสองพ่อลูก พร้อมกับยิ้มหรี่ตา มองดูแปลก ๆ

เสือน้อยคิดในใจ “วันนี้แม่ประหยัดถ้อยคำเหลือหลาย หรือกลัวว่าเวลาพูดกับใครจะมีดอกพิกุลทอง ร่วงจากปาก อื้อ…แต่แม่ก็มีเรื่องที่ต้องคิดละมั้ง?”

เด็กก็มีความเครียดของเด็ก ผู้ใหญ่ก็มีปัญหาของผู้ใหญ่ หลังจากแม่บ้านยกกับข้าวจานชามออกไปแล้ว พ่อผันกับเสือน้อยถูกแม่รั้งไว้

สองพ่อลูกนั่งรอ โดยเธอบอกว่า “มีเรื่องจะคุยด้วย!” ส่วนพ่อผันเองก็คงคิดว่าภรรยาตัวเองน่าจะคุยเรื่องเงินที่พึ่งขายภาพวาดได้ จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ส่วนเสือน้อยก็นั่งเปิดอ่านการ์ตูนไปพลาง ๆ เขาก็เดาทิศทางไปในทำนองเดียวกับพ่อ

รอประมาณยี่สิบนาที…แม่ชบาเดินมาพร้อม ซองเอกสารสีน้ำตาล พ่อจึงถามด้วยความสงสัย “มีอะไรหรือแม่?” เขารู้สึกถึงรังสีอํามหิตที่แผ่ซ่านออกมา รอยยิ้มมองยังไงก็ดูน่ากลั๊วน่ากลัว

แม่ชบายิ้มหรี่ตา ก่อนถามว่า “คุณเมื่อวานขายภาพวาดได้ราคาดีเนอะ…?”

พอพ่อผันกับเสือน้อยได้ยินเรื่องนี้ก็โล่งใจ “เป็นไปตามคาด”

จากนั้นก็ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ลอยมาตามสายลม เข้าหูทั้งสองคน “นี่สองพ่อลูก ดูเข้าขากันได้ดีมาก แถมประสานงานกันได้ดีมากเป็นพิเศษเลยนะ” แม่ชบาจงใจเน้นคำหลัง ๆ ให้หนักแน่น

พ่อก็ยิ้มเจื่อนเขาตงิดใจบางอย่าง ส่วนเสือน้อยก็เอาคำพูดพ่อทั้งดุ้นมาบอกกับแม่ “เป็นธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ เป็นเรื่องปกติสำหรับคนไทยเรานะแม่” เสือน้อยพูดจาฉะฉาน

แม่ยิ้มจาง ๆ มองลูกชายสุดที่รักพูดเจื้อยแจ้ว ก่อนจะขัดคอพูดแทรกขึ้นว่า “แต่เอ...เมื่อวานจำได้ว่าภาพวาดที่ขายไป ต้นแบบในรูปมันดูคุ้น ๆ อยู่น่ะ...” พูดเสร็จแม่ก็เปิดซองเอกสารหยิบรูปที่ถ่ายเก็บไว้วันก่อนออกมาดู

เพราะวันนี้เธอพึ่งไปอัดรูปมา ทั้งรูปภาพที่เสือน้อยถ่ายให้ลูกสาวของนายเม่น และรูปที่อยู่ในกล้องที่เธอถ่ายบันทึกความทรงจำไว้ ระหว่างขายรูปเก็บบันทึกไว้เป็นผลงาน

เธอยังไม่ลืมที่จะส่งรูปผ่านไปรษณีย์ไปให้พวกเขาที่เชียงราย ตามที่เสือน้อยรับปาก

แม่ชบาเลือกหยิบรูปถ่ายต่าง ๆ ขึ้นมาไล่ดู ก่อนจะหยิบรูปหนึ่งขึ้นมา “เนี่ย...พ่อ แม่ว่ามันดูคล้าย ๆ เจ้าเสือน้อยลูกเราเหมือนกันนะ?”

สองพ่อลูกเริ่มเหงื่อออกหลัง…ทั้งที่ลมเย็น ๆ พัดโชยมาจากทั้งจากแม่น้ำ หรือสวนหน้าบ้าน

หัวใจของทั้งคู่เริ่มเต้นแรง เหมือนสัมผัสอะไรได้บางอย่าง พ่อผันตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ “อ๋อ....แรงบันดาลใจน่ะแม่ ก็เห็นลูกเรามันชอบเตะกระสอบทรายชกมวย ก็เลยปิ๊งไอเดียได้น่ะ” พอพ่อพูดขึ้น เสือน้อยก็พยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าวเปลือก

“แค่นี้เหรอ…ไม่มีอย่างอื่นแล้วใช่มั้ย?” เธอถามเสียงเข้ม เมื่อเห็นพ่อผัน เริ่มโดนต้อนจนมุม

เสือน้อยจึงฉวยโอกาส พูดสนับสนุนพ่อ “ก็พ่อเขาช่างจินตนาการจะตายไปแม่ เอาแค่มีแรงบันดาลใจไว้วาดภาพขายได้ก็พอแล้วนี่นา…” เสือน้อยเลือกเบี่ยงประเด็นไปที่ขายรูปได้

ใต้โต๊ะขาของเสือน้อยกำลังสะกิดส่งสัญญาณให้กับพ่อผันอยู่

พ่อก็ตอบกลับหนักแน่น “ใช่ ๆ ขายภาพวาดได้ก็ดีแล้วนี่เนอะแม่”

ตอนที่พ่อผันยังพูดไม่ทันจบ แม่ก็ตบมือสองครั้งเสียงดังพร้อมตะโกนว่า “พาตัวขึ้นมา!”

แม่บ้านทั้งสองก็พากลุ่มเด็ก ๆ เพื่อนสนิทของเสือน้อยขึ้นมา ตอนนี้บรรยากาศคล้ายอยู่ในศาลไคเฟิง ของท่านเปาบุ้นจิ้น

ผันกับเสือน้อยเริ่มรู้ตัวแล้วว่า ความซวยกำลังมาเยือนแล้ว!

แม่ชบารับบทผู้พิพากษาจ้องมองสองพ่อลูก และพูดขึ้นว่า “พวกเด็ก ๆ โดนแม่บีบให้สารภาพมาหมดแล้วว่า…ไอ้เสือน้อยตัวดีไปขึ้นเวทีชกมวยตามงานต่าง ๆ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ พร้อมชี้ไปพยานที่กลุ่มเด็กหนุ่มเพื่อนสนิทมิตรสหายของเสือน้อย

“กลุ่มเด็กน้อย เด็กหนุ่ม” อยู่บรรยากาศที่ชวนกระอักกระอ่วนเหลือหลาย “ทว่าที่แย่กว่าคือสองพ่อลูก!”

……

ย้อนกลับไปเมื่อตอนกลางวัน

แม่ชบาโทรเรียก ‘เจ้ายักษ์’ ให้เข้าไปหาคนเดียว เธอบอกมีของจะฝากพ่อแม่ จึงชวนคุยโน่นนิดนี่หน่อย เช่นเรื่องเรียน เรื่องกีฬา ฯลฯ เด็กหนุ่มกำลังเล่าเพลิน ๆ

ก่อนที่ป้าชบาจะถามขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “เออ…ยักษ์ว่าแต่ไอ้เสือน้อย มันจะขึ้นชกอีกทีวันไหนเหรอ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน บวกกับอยากรู้อยากเห็น

ยักษ์ก็ตอบไปโดยไม่ทันยั้งคิด “เห็นว่าเวทีหน้าไปต่อยที่วัดปากน้ำน่ะป้า!” แต่พอพูดไปสักพักเหงื่อเริ่มออก

เขาอุทานในใจว่า “ฉิบหายแล้ว” เพราะลูกพี่เสือน้อยของพวกเขาย้ำนักย้ำหนา…ว่าห้ามบอกแม่ชบา!

เด็กหนุ่มกะพริบตาใส สมองตื่นตัว ในใจคิดอยากจะวิ่งหนีให้รู้แล้วรู้รอด

ทว่าติดตรงที่ขามันก้าวไม่ออก แต่กายหยาบอยู่ตรงนี้แต่กายละเอียดกระโดดลงแม่น้ำเจ้าพระยาไปเรียบร้อยแล้ว

รวมกับเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ที่เคารพรัก ป้าชบาก็เอ็นดูพวกเขาสองพี่น้อง ทั้งเห็นกันมาตั้งแต่ยังเด็กยังเล็ก วิ่งเข้าวิ่งออกบ้านหลังนี้อย่างกับบ้านของตัวเอง ทั้งมากินข้าวด้วยกันก็บ่อย

จะหนีก็หนีไม่พ้น จึงยืนกุมเป้าอย่างสงบเสงี่ยม…สายตาของเด็กหนุ่มจ้องมองที่ปลายเท้าทันที ภายในใจก็คิดอย่างปลงตก “พี่เสือเอ๊ย...มึงซวยแล้ว!”

จากนั้นป้าชบาก็เริ่มหุบรอยยิ้มอันเสแสร้ง เด็กน้อยพวกนี้ มีหรือจะตามมารยาร้อยเล่มเกวียนของเธอได้ และเมื่อรู้ว่าเจ้าเสือมันขึ้นไปชกมวยจริง ๆ เธอก็โกรธควันออกหู จึงอยากจะสืบให้รู้ความจริงทั้งหมด

ปรากฏว่าเด็กหนุ่มแฝดคนพี่ตรงหน้า กลับไม่เปิดปากพูดเลย กัดฟันสายตามองพื้นอย่างสำนึกผิด ไม่กล้าขายความลับลูกพี่คนสนิทตัวเอง…

เธอจึงไม่อยากสร้างความลำบากใจให้เจ้ายักษ์ จึงเกลี้ยกล่อมให้ไปตามเพื่อน ๆ ที่รู้ว่าเจ้าเสือไปชกมวยมาเยอะ ๆ ทั้งยังบอกอีกว่ารับรองไม่มีใครรู้หรอก แถมมีรางวัลให้ด้วย

เธอใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง ออกอุบายให้เด็กหนุ่มไปลากเพื่อนมาลงน้ำด้วยกัน เพราะตายหมู่ดีกว่าตายคนเดียว แถมจะได้เฉลี่ย ๆ โทษกันไป โดยให้บอกว่า “ป้าชบาซื้อขนมมาฝากที่บ้านให้ตามไปเอาของขวัญหน่อย”

พักใหญ่ยักษ์ก็เรียกเพื่อน ๆ มาเยอะแยะ สมองเขายังทำงานได้ดี คัดเลือกมาเฉพาะที่รู้ว่าลูกพี่ของตัวเองไปชกมวย บางคนยังตามไปเชียร์อยู่รอมร่อ โดยเฉพาะน้องชายเขา “ไอ้ใหญ่” ป้าชบาเน้นย้ำเป็นพิเศษ

ก่อนที่ป้าชบาจะเรียกเข้าไปเอาของฝากทีละคน เธอใช้เงินง้างปาก ตามแต่ข้อมูลที่จะให้บางคนได้หนึ่งร้อย บ้างก็ได้ห้าร้อย แต่ละคนจึงไม่เห็นของกันและกัน ทำให้ยักษ์ผู้เป็นตัวเปิดเรื่องคลายใจได้ เขาไชโยโห่ร้องอยู่ในใจ “กูมีเพื่อนตายแล้วโว้ย!”

คนที่เข้าไปนานสุดคือ ‘ไอ้ใหญ่’ น้องชายของเขาเอง ตอนออกมาได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ กวักมือเรียกพี่ชายให้เข้าไปหาพร้อมกัน

บทสรุปออกมาแม่เข้าใจเด่นชัด ทุกแผนการของพ่อกับเจ้าเสือน้อย ที่หลอกว่าไปเดินห้าง พาลูกไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา มาวันนี้กลับกลายเป็นพาลูกชายตัวดีขึ้นไปชกมวย

แถมยังชกไปยี่สิบกว่าครั้งแล้ว ส่วนเรื่องฝีมือดีแพ้ชนะ เธอไม่ได้เก็บมาใส่ใจ “แต่ว่าโดนปิดหูปิดตามาตั้งสี่ห้าเดือน ทำเอาเธอหัวเสียสุด ๆ”

ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน...

“พยานหลักฐานพร้อม มีอะไรจะแก้ตัวมั้ย? ทั้งสองคนพ่อลูกฮะ!?” สภาพของพ่อตอนนี้ยิ้มแห้ง ๆ ออกมา ส่วนเจ้าเสือน้อยหัวหดคล้ายเสือหมอบ ยอมจำนนด้วยหลักฐาน

ก่อนแม่ชบาจะตบโต๊ะเสียงดัง ตวาดเค้นเอาคำตอบของสองพ่อลูก “สรุปจะยอมรับมั้ย? หา!!!”

“ยอมรับครับ” เสือน้อยพูดเสียงอ่อน เมื่ออยู่ต่อหน้า ‘นางพญาเสือ’ เขาก็เป็นได้แค่ ‘ลูกแมวตัวน้อย ๆ’ ที่ตัวสั่นเทา เพียงแค่เสียงตวาดของเธอ

พ่อผันแสร้งหัวเราะ “ยอมรับจ๊ะ…”

แม่ชบาก็ส่งสัญญาณให้กลุ่มเด็ก ๆ กลับบ้านไปได้ ส่วนยักษ์-ใหญ่ หันมามองลูกพี่ตน

ภายในใจคิดเหมือนกันว่า “สู้ ๆ นะมึงพี่เสือ!”

แม่ชบาเริ่มเค้นถามใครกันที่เป็นคนเริ่มแผน เมื่อมาถึงขั้นนี้ไม่มีอะไรต้องปิดบัง เสือน้อยที่เป็นคนก่อเรื่อง ใครผูกคนนั้นก็ต้องเป็นคนแก้ จึงชิงสารภาพหมดเปลือก…เผื่อศาลท่านจะลดโทษให้บ้าง พ่อก็ทำตัวให้การเป็นประโยชน์ บอกว่าช่วยเจ้าเสือมันปิดบัง

เสือน้อยยังไม่วาย คุยโวบอกว่า “ตัวเองชนะมาหลายเวทีแล้วนะแม่ เนี่ยเหรียญรางวัลเต็มเลย ใจอยากจะวิ่งไปหยิบเหรียญมาให้ดู” แต่ขาตายก้าวไม่ออก

แม่ชบาบ่นอุบ กัดฟันกรอด “ดีกันจริงนักนะ สองพ่อลูก เดี๋ยวนี้ทำอะไรไม่ปรึกษาแม่แล้ว เห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอหรือไง?” จากนั้นแม่ชบาก็สาธยายอีกยาว ด่าจนสองพ่อลูกหูชา ก่อนที่จะประกาศบทลงโทษ

-------------------

อย่าลืมกดติดตามให้ แสดงความคิดเห็น หรือกดหัวใจ

เพื่อเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะครับ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel