บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 นี่มันห้องเทพ!!!! (1)

ตอนที่ 3 นี่มันห้องเทพ!!!! (1)

…พูดไปแล้วก็แปลก พอเข้าห้องเสียงจอแจที่ดังมาตลอดทาง ก็เงียบเป็นเป่าสาก กลับรีบแย่งที่นั่งกันเสียอย่างนั้น พวกใส่แว่นหนาเตอะ เด็กเรียน กลับแย่งกันนั่งหน้าห้อง จับจองเสมือนทำเลทองที่มีค่า เสียงเก้าอี้ลากไปมาชุลมุนวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง

…ส่วนตัวเขาเองนั้นเลือกที่นั่งเป็นด้านหลังสุด ติดกลับประตูทางออก นี่เป็นนิสัยติดตัวมาตั้งแต่อยู่ชั้นประถมของเขาแล้ว

ส่วนด้านหลังห้องกลับไม่วุ่นวายเท่าไหร่นัก แต่ว่าบรรยากาศภายในห้องค่อนข้างจะ “คับคั่ง” ซึ่งห่างไกลจากตอนประถมที่มีเพื่อนร่วมห้อง 20-30 คน เพราะในห้องนี้คนเพิ่มมาเกือบเท่าตัว!

พักหนึ่ง…ครูที่เดินออกไปทำธุระก็เดินเข้ามา

เป็นครูสาวอายุราว ๆ สามสิบกว่าปี ใบหน้าผ่องใส ทาลิปสติกสีส้มอ่อน ๆ รวมเข้ากับเครื่องประดับน้อยชิ้น ใส่เสื้อสีมงคลประจำวัน ทำให้เธอดูดีมีระดับไปอีกแบบ ก่อนที่เธอจะกวาดสายตาออกไปมองนักเรียนในห้อง ซึ่งตอนนี้นั่งเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว

สายตาของเธอไต่ระดับกวาดมองนักเรียนไปทั่วห้อง ก่อนจะแนะนำตัวเอง “สวัสดีค่ะนักเรียน ครูชื่อวันเพ็ญนะคะ และเป็นครูที่ปรึกษาของพวกเธอด้วย… ดังนั้นสิ่งแรกที่เราจะทำกันในวันนี้ไม่ใช่การเรียน หากแต่เป็นการแนะนำตัว และเตรียมตัวเลือกหัวหน้าห้อง ในสองวันถัดไปโดยการลงคะแนนเสียง”

ครูวันเพ็ญพูดต่อไปว่า “ดังนั้นวันนี้ครูจะไม่ขานชื่อตามลำดับ แต่จะใช้ความสมัครใจแทน เริ่มจากการแนะนำตัวเองให้เพื่อน ๆ รู้จัก เช่นว่า จบมาจากโรงเรียนอะไร ชื่อจริง ชื่อเล่นนามสกุล ชอบกินอะไร กิจกรรมยามว่าง ฯลฯ”

“…ส่วนใครที่อยากเป็นหัวหน้าห้องก็อย่าลืม นำเสนอตัวเองดี ๆ เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักล่ะ” ครูวันเพ็ญพูดชวนให้บรรยากาศผ่อนคลาย ดูเป็นกันเอง เพื่อจะได้คลายความตื่นเต้นของนักเรียนใหม่

“เริ่มจากใครดีเอ่ย?” ครูวันเพ็ญถามความสมัครใจ ไม่นานเด็กที่นั่งอยู่หน้าห้องก็ทยอยยกมือกันขึ้น ครูจึงสุ่มเลือก เริ่มจากบริเวณริมหน้าต่างเป็นคนแรก

เด็กสาวรูปร่างบอบบางคนหนึ่งลุกขึ้นยืนพร้อมหันไปมองเพื่อน ๆ “สวัสดีค่ะคุณครู” ก่อนที่จะหันไปทางเพื่อน ๆ ในห้องพร้อมแนะนำตัวเอง “เราชื่อกมลา ถิ่นไกล กมลาที่แปลว่า เทพีแห่งความรุ่งเรือง จบมาจากโรงเรียนเทศบาลเมืองปทุมค่ะ ชื่อเล่นเรือง ปกติชอบเล่นกีฬาวอลเลย์บอล”

ครูวันเพ็ญปรบมือชอบใจ “เชิญคนต่อไปจ้ะ”

เด็กชายอ้วนตุ้ยนุ้ยคนถัดไปก็ลุกขึ้น แนะนำตัวเอง “ผมชื่อวรุณ งามเด่น ...วรุณแปลว่าเทวดาแห่งสายฝน จบมาจากโรงเรียนวัดเทียนถวาย ชื่อเล่นน้ำครับ”

ครูผายมือเชิญคนต่อไป “ผมสุริยา ดวงเด่น …สุริยาที่แปลว่า...พระอา…” ก่อนจะเปลี่ยนคำในจังหวะสุดท้าย “แปลว่า…เทพพระอาทิตย์ ชื่อเล่นยา จบมาจากโรงเรียนบัวแก้วเกสรครับ”

พอคนแรก ๆ เริ่มแนะนำตัวยังไง คนต่อมาก็พากันพูดเลียนแบบ เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยไปถึงได้มีคำว่า เปิดก่อนได้เปรียบ

ส่วนครูวันเพ็ญนั้นสอนวิชาภาษาไทย ตัวครูที่ยิ่งได้ฟังชื่ออันไพเราะเสนาะหู ของแต่ละคน…ก็ยิ่งถูกอกถูกใจเป็นอย่างมาก

“ผมชื่อวาสุเทพครับ เป็นอีกชื่อหนึ่งของพระนารายณ์ ชื่อเล่นชื่อวา” เด็กหนุ่มผิวดำคล้ำพูดขึ้นมา ดูเหมือนเขาจะลืมแนะนำนามสกุลไป ดันเน้นไปที่ความหมายของ ชื่อจริงกับชื่อเล่น

“ผมเทวัญ แปลว่าหมู่เทพครับ ชื่อเล่นวันครับ”

“จนพักหลัง ๆ เริ่มลืมเรื่องชื่อโรงเรียน พากันหันมาอธิบายสรรพคุณ ความหมายของชื่อตัวเองกันเสียแล้ว”

ในขณะเดียวกันนั้นเอง เด็กหนุ่มที่นั่งชิดอยู่ประตูหลัง ก็แทบอยากจะวิ่งหนีออกจากห้อง ปรากฏว่าผ่านไปครึ่งห้องกว่าแล้ว นึกว่าพวกเด็กเทพจะหยุด หรือจบลงเพียงแค่นี้…แต่ทว่าคนหลัง ๆ นี่มัน…

“ผมชื่อสมบัติ ความหมายก็ตามตัว แต่ครอบครัวตั้งให้เพราะชอบ ลุงสมบัติ เมทนี ครับ และก็อยากให้ผมหล่อเหมือนลุงสมบัติตอนหนุ่ม ๆ” เขากอดอกพูดอย่างภูมิใจ

“ส่วนชื่อเล่นบัดครับ” เพื่อน ๆ ก็หัวเราะชอบใจ ก่อนเด็กหนุ่มจะนั่งลง

“คนต่อไป เชิญจ้ะ” ครูสาวกล่าว

เด็กหนุ่มที่นั่งชิดประตูหลังหันขวับมามอง ตาแทบถลนออกจากเบ้า เขาแอบบ่นในใจ “มึงเอาแบบนี้เลยหรือ!?” เพื่อน ๆ ในห้องก็กลั้นยิ้ม บางคนก็หลุดหัวเราะมาเล็กน้อย

เสียงปรบมือของครูวันเพ็ญดังขึ้นอีกครั้ง ไม่ธรรมดาจริง ๆ เธอดูกระตือรือร้นมาก แววตาดูคาดหวังกับชื่อคนต่อไป…

พอเห็นบรรยากาศเริ่มผ่อนคลาย ดูเป็นกันเองมากยิ่งขึ้น คนถัดไปก็ใจชื้นลุกขึ้นพร้อมความมั่นใจยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้ทุกคนต่างเริ่มมีรอยยิ้มที่มุมปากกันบ้างแล้ว…

“ผมสมชาย สีทอง ชื่อเล่นชายครับ” เด็กหนุ่มลังเลครู่หนึ่งก่อนบอกว่า “พ่อผมชอบ พี่เต๋าสมชาย เลยตั้งชื่อนี้ให้ และชอบดูหนังเรื่อง โลกทั้งใบให้นายคนเดียว มาก ๆ”

“หา!” เสียงอุทานเบา ๆ ดังขึ้นจากเด็กหนุ่มเจ้าเก่า

“มึงยกชื่อหนังมาเลยเหรอวะไอ้เวร! อีกพักคงไม่มี…ไม้ เม่น นุ้ย ป้อน มาเหรอวะ” เขากัดฟันกรอด อดบ่นพึมพำในใจไม่ได้

ครูวันเพ็ญนึกถึงประโยคเด็ดของหนังที่ดังจนกลายเป็นตำนานแห่งยุคสมัย เราไม่ได้รักใครง่าย ๆ อย่างที่นายคิดนะ! เธอพูดกลั้วหัวเราะ “แหม่…เล่นเอาเสียครูนึกถึงตอนเด็ก ๆ เลยนะ” เธอพูดเสร็จก็ส่งรอยยิ้มเป็นกำลังใจให้สมชาย

“ไอ้นี่มันเล่นใหญ่จังวะ” เสียงบ่นเบา ๆ จากด้านหลังของเขาดังขึ้น…

เด็กหนุ่มเองก็แอบพยักหน้าเห็นด้วย “มีมาทั้งเทพบุตร เทพธิดา แถมยังมีพระเอก นางเอกอีก…โอ้โฮ! นี่มึงยังบอกชื่อหนังเสียด้วยนะ!” เขาบ่นพึมพำในใจ

“เราชื่อเมธาวี ยืนยาว แปลว่านักปราชญ์ ชื่อเล่นเมย์ เราเป็นคนแถวนี้ มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะ” เธอเกริ่น ๆ เสมือนพร้อมเป็นหัวหน้าห้อง ทั้งยังแฝงนัยยะ ว่าตนเป็นเจ้าถิ่นที่ดี มีอะไรให้ช่วยก็บอก

จวบจนเกือบจะวนมาถึงเขาแล้ว เวลาเหมือนเดินช้าลง(อีกแล้ว)

ดูท่าตอนนี้ เหมือนว่าตัวของนาฬิกาจะไม่ค่อยเป็นใจให้เขาเสียเท่าไหร่นัก…และตอนนี้เขาอยากจะขอตัวออกไปเข้าห้องน้ำเสียจริง ในตอนนี้เหงื่อผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดเต็มหน้าค่าตา ทั้งที่อากาศก็ไม่ได้ร้อน!

เมื่อคนด้านข้างแนะนำตัวเสร็จ… ทุกคนก็หันไปมองเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งที่ยังไม่ยอมลุกยืนขึ้นแนะนำตัว คนรอบข้างที่นั่งใกล้ ๆ เห็นเขาเหงื่อไหลไคลย้อยออกมา คล้ายว่าเขาจมอยู่ในอาการเหม่อลอย “ความจริงตั้งแต่พี่เต๋า จนกระทั่งเมย์ ตัวเขาเองไม่ได้ฟังชื่อคนที่แนะนำตัวอีกเลย”

กลายเป็นว่ายิ่งนานยิ่งเด่นสะดุดตา ครูวันเพ็ญส่งสัญญาณให้เพื่อนด้านข้างสะกิดเขาเสียหน่อย…

เด็กหนุ่มที่ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวก็ผงะลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน จนเป้ากางเกงของเขาก็กระแทกกับโต๊ะ ทำเอาเขาบิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด ส่วนเพื่อน ๆ ที่อยู่ในห้อง ก็ยิ่งส่งเสียงหัวเราะกันยกใหญ่

“นี่กูกลายเป็นตัวฮาประจำห้องไปเสียอย่างนั้น!?” เขาจุก จนแทบพูดไม่ออก

หลังจากทนฝืนความเจ็บปวดได้นิดหน่อย เขาจึงกัดฟันกรอดรวบรวมความกล้าที่มีมาตั้งแต่เกิด(อีกครั้ง) เพียงแต่ว่า “ดูเหมือนมันจะถูกใช้ไปในตอนเช้าเสียเยอะแล้ว” จึงทำให้เขาต้องพูดแบบตะกุกตะกัก

“เอ่อ.... สวัสดีครับทุกคน ผมเด็กชาย...เสือ...น...นะ..น้อยครับ นามสกุล ร่มไม้เย็น ชื่อเล่นก็...สะ....เสือน้อยเหมือนกันครับ” เสียงเขาแผ่วลงอย่างชัดเจน เมื่อถึงประโยคหลัง ๆ

เพื่อนในห้องก็หัวเราะดังลั่น บางคนก็หัวเราะคิกคักแบบเบา ๆ แต่ที่แน่ ๆ เด็กหนุ่มได้ยินเสียงแว่วออกมาเป็นระยะ เพราะหลาย ๆ คนต่างก็คิดว่าไอ้หมอนี่มันตลกจังแฮะ

ครูวันเพ็ญก็เช่นกันเธอกลั้นหัวเราะ ก่อนจะสวมบทบาทครูพูดขึ้นว่า “ชื่อก็น่ารักดีออก แถมยังน่าเอ็นดูด้วยไม่เห็นต้องอายเลย” เธอส่งยิ้มให้กำลังใจ

ก่อนจะพูดต่อว่า “เชิญนั่งได้แล้วจ้ะ!”

เสือน้อยเมื่อได้ยินก็โล่งใจ คล้ายคนกลั้นฉี่มานานได้ไปปลดทุกข์ จึงรีบนั่งลงส่วนมือขวาไม่ลืมปาดเหงื่อบนหน้าผาก จนน้ำเหงื่อไหลออกมาเต็มมือ ไหลหยดลงที่ข้อศอก

เขาบ่นอุบในใจ “ไอ้บ้าเอ๊ย! ชื่อแต่ละคน ถ้าไม่ใช่เทพเจ้า ก็เป็นพระเอก หรือความหมายดี ๆ ทั้งนั้น มีแค่เราเด่นสะดุดตาอยู่คนเดียวเลย!”

พอนึกถึงพ่อที่เคยเปรย ๆ ว่าชื่อเขาจำง่ายไม่เหมือนใคร แม่ก็บอกในทำนองเดียวกันว่าน่ารักจะตาย พร้อมหยิกแก้มเขาเมื่อครั้นวัยละอ่อน เมื่อคิดถึงตรงนี้ดูเหมือนจะเป็นยาทำใจ ซึ่งทำให้เขาหายจากอาการหดหู่และยืดอกขึ้น พร้อมยิ้มเจื่อนสู้สายตาของทุกคน…

เสือน้อยมองเห็นบางคนยิ้มตาใสใส่เขา ตัวเขาก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ส่งกลับคืน เสียงหัวเราะเริ่มจางหาย ส่วนทางครูวันเพ็ญจึงพูดต่อไปว่า “เชิญคนต่อไปเลยจ้ะ”

เสือน้อย ใช้ผ้าเช็ดหน้าเริ่มซับเหงื่อบนหน้าผากซ้ำอีกครั้ง!

คนชื่อเมย์ที่นั่งอยู่ด้านหน้าหัวเราะคิกคักเสร็จก็แซวขึ้นว่า “นี่เสือน้อย ใครเป็นคนตั้งชื่อให้เธอเหรอ?” เมย์หันมาแอบกระซิบถาม

ครั้นเสือน้อยเมื่อได้ยินคำถามนี้เขาก็ตอบไปตามตรง “พ่อเป็นคนตั้งให้น่ะ”

นึกย้อนกลับไปยันตอนเกิดที่พ่อแม่เล่าให้ฟัง ว่าทำไมพ่อ…ถึงต้องตั้งชื่อนี้ให้เขา!

…..

ย้อนกลับมาเมื่อ 13 ปีก่อน ในปีพุทธศักราช 2535

ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา บ้านทรงไทยสวยงามยกใต้ถุนสูง “ตามแบบฉบับบ้านใกล้ริมแม่น้ำ”

ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งดูอายุราว ๆ เกือบจะสามสิบกว่าปี รูปร่างสูงโปร่ง มองเผิน ๆ ดูคล้ายพี่ป้อม ของวงอัสนี-วสันต์ กำลังนั่งวาดภาพอยู่

ในมือถือพู่กัน คอยแต่งแต้มสีสัน ส่วนรอบด้านเต็มไปด้วยถาดสีน้ำต่าง ๆ ที่ผสมไว้...

ใช่แล้วเขาเป็น จิตรกรฝีมือดีคนหนึ่ง แถมยังมีชื่อเสียงในวงการไม่น้อยเลย ด้วยอายุเพียงเท่านี้ เคยผ่านการรับงานวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังตามโบสถ์ต่าง ๆ มาเยอะแยะ เรียกได้ว่ามีงานมาไม่ขาดสาย ‘ขัดกับคำว่าศิลปินไส้แห้ง’ ที่ชาวบ้านมักเอามานินทาไปไกลโข…

สายตาของชายหนุ่มคอยเหลือบไปมองด้านข้างอยู่เป็นระยะ ๆ ในบ้านมีแม่บ้านสูงวัยอยู่คนหนึ่ง เธอกำลังช่วยนวดเท้าให้กับหญิงสาวท้องแก่ใกล้คลอด ดังนั้นในช่วงนี้อารมณ์ของหล่อนขี้หงุดหงิดนักแหละ

ด้วยเพราะท้องโตใกล้คลอดอยู่เต็มที เธอจึงใช้สิทธิ์ลาคลอดของบริษัทมาได้เดือนกว่า ๆ แล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel