บังคับรัก 6 ปกป้องมัน?
ร่างหนาผลักฉันลงกลางพื้นห้อง เขาถอดเสื้อผ้าที่ห่อหุ้มกายตัวเองทิ้ง จากนั้นก็ลงมาคร่อมร่างฉันไว้อารมณ์โรคจิตของฮอลล์กำลังพลุ่งพล่าน และไม่มีใครสามารถดับความโรคจิตของเขาได้ ฉันปล่อยให้เขาฉีกกระชากชุดนักศึกษาออกจากเรือนร่าง ปล่อยให้เขาขบกัดตามหน้าอกนูน หน้าท้องแบนราบ รวมถึงขาอ่อน
ทุกอย่างที่อยู่ใต้ร่มผ้าเขาจะทำรอยแสดงความเป็นเจ้าของ
เหมือนหมาหวงของต้องฉี่ทับที่!
ทุกครั้งที่มีปากเสียง ต่อให้เขามีอารมณ์โกรธมากเท่าไหร่เขาก็ไม่เคยทำรอยให้คนอื่นได้เห็น เพราะเรื่องนี้คืออีกเรื่องที่เราตกลงกันไว้
ฉันนอนแผ่หราหลับตาปล่อยให้เขาปู้ยี่ปู้ยำ เขาอยากจะทำอะไรก็ปล่อยให้เขาทำ
หนำใจเมื่อไหร่เขาก็พอเอง...
“เฮ้อ...” ฮอลล์ลุกออกจากตัวฉันในเวลาต่อมา แล้วผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาเดินไปนั่งที่โซฟาแล้วจุดบุหรี่ดูดอย่างใจเย็น
หลังจากที่เขาทารุณร่างกายของฉันจนเสร็จสม!
ภายในห้องรับแขกเงียบสนิท ฉันนอนเปลือยกายแผ่หราหมดอาลัยตายอยาก มีเพียงน้ำตาที่มันอัดอั้นภายในจิตใจเท่านั้นที่หลั่งรินไหล ไม่มีแม้เสียงสะอื้นมันแค่ไหลออกมาเงียบๆ
ประมาณ20นาทีต่อมา ฮอลล์เดินออกไปจากห้องรับแขกแล้วกลับมาพร้อมชุดคลุมตัวใหญ่ เขาเอาเสื้อคลุมมาคลุมตัวฉันไว้แล้วอุ้มฉันเดินออกจากห้องรับแขก พาฉันขึ้นมาชั้นบนที่เป็นห้องนอนของเรา
ฮอลล์เดินหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วออกมาพร้อมกับกะละมังและผ้าขนหนู แล้วเขาก็เดินตรงมาที่ฉัน
“ต่อไปจะใจเย็นมากกว่านี้” มือหนาเกลี่ยปอยผมที่บดบังใบหน้าแล้วเขาก็ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดทั่วใบหน้าของฉัน จากนั้นก็เริ่มเช็ดตามเรือนร่างทุกซอกทุกมุมทุกจุดซ่อนเร้น
เมื่อเช็ดตัวเสร็จเขาก็เดินไปหยิบชุดนอนมาสวมใส่ให้ฉัน ชุดนอนที่เป็นเสื้อยืดตัวใหญ่สวมใส่แบบสบายๆ ของเขานั่นแหละ
ฉันน่ะทำเหมือนคนไร้ความรู้สึก เป็นเหมือนตุ๊กตายางให้เขานั่งจัดแจงอยากจะทำอะไรก็ปล่อยเขาไป
หลังจากที่ใส่เสื้อให้ฉันแล้วเขาก็เอาแซมบัคมาทาที่ใบหน้าและลำคอของฉัน แต่รอยกัดรอยช้ำที่เขาทำไว้เขาไม่ได้ทา
บางทีฉันก็คิดนะว่าแซมบัคไม่ได้ช่วยอะไร แต่ฉันก็ไม่อยากจะพูดกับเขาไง
“ตบคืนไหม” ฮอลล์จับมือของฉันไปทาบที่แก้มสาก ฉันชักมือกลับแล้วพลิกตัวนอนตะแคงไปอีกทางหนึ่ง
“อย่าเงียบดิจิว ฮอลล์รู้ว่าที่ทำลงไปมันแรง... ขอโทษ” เขานอนลงข้างกายฉันแล้วกอดฉันไว้
คำขอโทษที่ฉันฟังจนเบื่อหน่าย มันไม่ได้มีความหมายอะไรด้วยซ้ำ ถ้าคนกระทำไม่คิดสำนึกผิดชอบชั่วดี
“สัญญาว่าต่อไปจะไม่เอาใครเข้าบ้าน” เขายังคงพล่ามเมื่อฉันไม่ปริปากพูด
“จิวอย่ารักใครนะ” และนี่คือคำขอหรือคำสั่งหรือคำขู่ก็ไม่รู้ เขามักจะพูดเป็นประจำเวลาที่เราทะเลาะกันจบ
“จิวเกลียดฮอลล์ได้ แต่อย่ารักชายอื่นก็พอ เพราะฮอลล์ไม่เอาไอ้คนที่จิวรักไว้แน่” เขากอดฉันไว้และบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ฟังดูจริงจัง
ซึ่งฉันรู้ว่าคนบ้าๆ แบบเขาน่ะทำจริง...
“มึงหนาวหรือแฟชั่นวะจิว” ดีม่อนร้องถามเมื่อเห็นการแต่งตัวที่มันแหวกผิดมนุษย์มนา ความจริงนักศึกษาหลายคนที่ฉันเดินผ่านอาจจะสงสัยหรือคิดว่าฉันบ้าไปแล้วด้วยซ้ำ
อากาศที่ร้อนอบอ้าว แต่อิจิวพันผ้าพันคอหนาเตอะ!
“แล้วหน้ามึง?” ดีม่อนถามต่อโดยไม่รีรอคำตอบแรกของฉัน
“วัยรุ่นมีเรื่องกัน กูเดินผ่านเลยโดนลูกหลง” ฉันพูดปดแก้ต่างบิดเบือนจากความจริงที่เป็น อย่างที่บอกนั่นแหละว่าเพื่อนฉันไม่ค่อยยุ่มย่ามเรื่องส่วนตัวของกัน
“มึงจะบอกว่ามึงโง่” ป้างเลิกคิ้วเอ่ยถาม โดยที่คนลงมือนั่งมองฉันนิ่งๆ พร้อมแสยะยิ้มมุมปาก
ฉันรู้ว่าเขากำลังขำกับการแถที่โคตรห่วยแตกของฉัน
“ประมาณนั้น แล้วแต่จะคิด” ฉันไหวไหล่ทำทีไม่ใส่ใจ
“อะ” ยูโรโยนถุงหูหิ้วของร้านสะดวกซื้อ24ชั่วโมงที่บรรจุอะไรสักอย่างมาตรงหน้าฉัน
“หืม?” ฉันทำหน้าสงสัยพร้อมกับหันมองหน้ายูโร
“ไอ้น้องนาวฝากอาหารเช้าไว้ให้ มันบอกโทรหาแล้วมึงไม่รับ” ยูโรเฉลยคำตอบและมันทำให้คนข้างกายของยูโรสีหน้าแปรเปลี่ยนในทันที
“อ้อ สงสัยปิดเสียง” ฉันบอกพร้อมกับนั่งแกะของในถุงมาดู มันคือแซนวิชปูอัดยี่ห้อหนึ่งที่มีขายในร้านสะดวกซื้อ และนมจืดไขมันต่ำ ซึ่งฉันชอบทาน2อย่างนี้ทุกเช้าก่อนมาเรียน
เรื่องอาหารเช้าฉันเล่าให้น้องนาวฟังไปงั้นๆ ฉันไม่ได้คิดว่าน้องมันจะจดจำ!
น้องมันจะรู้ไหมว่าเรื่องที่จำ กำลังทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย
และเมื่อฉันหยิบของออกมาวางตรงหน้า ไอ้คนบ้าอำนาจก็นั่งกดโทรศัพท์มือถือยิกๆ พร้อมกับใบหน้าที่เคร่งขรึม
ติ๊ง!
(ฮอลล์: ถึงกับให้เบอร์เลยเหรอจิว มากไปนะ)
ติ๊ง!
(ฮอลล์: แล้วเรื่องของโปรดคือ?)
ติ๊ง!
(ฮอลล์: สงสัยมันไม่อยากตายดี)
และนี่คือคำขู่ที่เขาพยายามเก็บอารมณ์ไม่อาละวาดต่อหน้าเพื่อนฝูง
(จิว: อย่ายุ่งกับน้องนาว)
(จิว: จิวไม่ได้คิดอะไรกับน้อง)
(ฮอลล์: ปกป้องมัน?)
(จิว: ขอร้องอย่าเถื่อนไปทั่ว แค่มั่วไม่เลือกก็เกินจะทน)
“ม่อน!ฝากกินทีนะพอดีกูกินมาละ” ฉันยื่นขนมและนมให้ดีม่อนหลังจากที่โต้วาทีกับสามีบ้าๆ ที่พร้อมจะฆ่าทุกคนที่ทำดีกับฉัน
“ลาภปาก” ดีม่อนฉีกยิ้มแล้วไหวไหล่จากนั้นเธอก็หยิบขนมและนมไปทานอย่างเอร็ดอร่อย
ซึ่งการที่ฉันไม่กินของที่ชายอื่นฝากมาให้ มันไม่ได้แปลว่าเขาจะอารมณ์คงที่หรือดีขึ้น ทุกอย่างจะดีได้ก็ต่อเมื่อเขามั่นใจว่าใครคนนั้นเลิกคิดไม่ซื่อกับฉัน!