ตอนที่ 03 Sex addiction (2)
“แกเก่งที่สุดแล้วเพื่อนรัก”
การแข่งขันจบลงไปแล้ว สุดท้ายฉันก็ยังได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งมาครอง ไม่ได้เสียใจอะไรที่ฉันไม่ได้ตำแหน่งเพราะเท่านี้ก็ถือว่าเกินคาดมากๆ แล้ว
“ไม่คิดว่าจะได้ที่สองกับเขา มีแต่คนสวยเก่งทั้งนั้น”
ตอนลงจากเวทีประกวดช่วงพัก ก็มีรุ่นพี่ถามมาบ้างว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่กำลังแสดงอยู่ ฉันคิดคำตอบไว้แล้วว่าเป็นเพราะความตื่นเต้น ขอโทษพวกพี่ๆ ไปเพราะไม่อยากทำให้พวกเขาผิดหวัง โชคดีที่มีแต่คนเข้าใจ
“แกสวยสุดแล้วนะ ถ้าไม่สะดุดที่การแสดงอาจจะไปเป็น” น้ำค้างเอ่ยแล้วพูดต่อ “แต่ดีแล้วที่ไม่ได้ตำแหน่ง เพราะถ้าแกดังแล้วจะไม่ได้มาบ้าผู้ชายกับยัยจิน เดี๋ยวก็ได้ไปทำนั่นทำนี่”
พวกมันหัวเราะชอบใจใหญ่ ก็ถูกอย่างที่พวกมันว่าเพราะถ้าได้เป็นดาวมหาลัยงานกิจกรรมก็จะเพิ่มขึ้น เวลาเรียนก็จะถูกเบียดไปด้วย ฉันไม่เคยคิดอยากได้ตำแหน่งพวกนี้เลยเพราะมันจะทำให้ชีวิตที่เคยสุขสบายหายไปกับตา ไม่ได้เหมือนกับตอนเด็กที่ประกวดเสร็จรับรางวัลบนเวทีแล้วกลับบ้าน
“ระริน มาหาคุณแม่หน่อยค่า”
“ค่ะ”
ฉันรีบลุกไปตามเสียงเรียกของรุ่นพี่สาวสองที่รู้จักกันตั้งแต่ตอนซ้อม เธอเป็นทั้งคนสอนและพาฉันไปแต่งหน้าประทินโฉมวันนี้อีก
“เดี๋ยวทีมงานจะให้ไปถ่ายรูปกับป้ายสปอนเซอร์ แล้วมีพวกพี่ๆ ที่ทาบทามหนูไว้จะคุยด้วยอีก” รุ่นพี่ปีสี่บอกแล้วพาฉันไปทำกิจกรรมที่ว่านั้น
ขนาดว่าไม่ได้รับตำแหน่งยังมีงานให้ทำเยอะขนาดนี้ ระรินคนนี้จะทำยังไงดี ไม่ได้เตรียมใจเกิดมาเป็นคนดังเลยนะ อยากเป็นลูกคุณหมอที่ใช้ชีวิตธรรมดา กิน เที่ยว และเรียนกับเพื่อนไปวันๆ เท่านั้นเอง
“ค่ะพี่”
“ทุกทีคลินิกนี้เขาจะเรื่องแต่ที่หนึ่งนะ ปีนี้สงสัยเราเข้าตาเขามากกว่า เลยแอบกระซิบพี่มา”
ฉันทำตาโตเพราะไม่อยากจะเชื่อ คิดไปเองว่าต้องคนที่ได้ตำแหน่งเท่านั้นถึงจะได้รับงานพวกนี้ไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความพอใจเจ้าของแบรนด์ด้วย
“แบบนี้ที่หนึ่งเขาจะโกรธไหมคะ”
“ไม่หรอก เขาก็ได้ตำแหน่งไปแล้วไง เดี๋ยวงานก็เข้ารัวๆ เราก็ด้วยที่สองบางทีงานก็เยอะกว่านะ อยู่ที่เราว่าเขาถูกใจไหม” รุ่นพี่สาวสองอธิบาย ฉันเองก็พยักหน้ารับรู้และเข้าใจ
“แบรนด์นี้รุ่นเราก็เคยได้นะ แต่เดี๋ยวนี้มันหยิ่งไม่ทำแล้ว หรือมัวแต่ควงสาวก็ไม่รู้”
“อีไมเนอร์อะนะ รายนั้นรุ่นพี่แทบจะกราบตีนมันให้ลงประกวดด้วยซ้ำ”
เนื้อตัวของฉันชาวาบเมื่อได้ยินชื่อของใครบางคน เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าพี่ไมเนอร์เป็นอดีตเดือนมหาวิทยาลัยในปีนั้น เป็นปีที่แข่งขันกันดุเดือดมากๆ แต่พี่ไมเนอร์ก็ได้ตำแหน่งไปเพราะรุ่นพี่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าได้ตำแหน่งเพราะรอยยิ้มที่ทำเอาทุกคนแทบล้มทั้งยืน
เรื่องความหล่อสูสีกันหมด แต่พอเจอพี่ไมเนอร์ยิ้มเท่านั้นแหละ เสียงกรี้ดดังทั้งหอประชุม ขนาดว่าฉันไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นยังนึกภาพออก เพราะฉันเองยังเคยหลงใหลรอยยิ้มนั้นของเขา ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่ใช่คนดีแต่ก็ยังตัดใจชอบไม่ได้ ทว่าให้คบเป็นแฟนก็คงไม่ไหวอีกเช่นกัน
หลายวันต่อมา
“พ่อคะ รินสัญญาเลยว่าจะตั้งใจเรียน นะคะ”
“แล้วทุกวันนี้ลูกไม่ตั้งใจเรียนหรือยังไง” หนุ่มวัยห้าสิบกว่าชุดเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดกอดอกมองฉัน บนหน้ามีเครื่องหมายคำถามติดอยู่เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันเพิ่งพูดออกไป
“ตั้งใจค่ะ แต่ถ้าพ่อให้รินย้ายมาอยู่คอนโดจะตั้งใจมากกว่านี้ แบบเอทุกวิชาไปเลย” ฉันกะพริบตาปริบๆ มองผู้เป็นพ่อ
ผู้ชายที่ใจดีกับฉันที่สุด ตามใจที่สุด แต่ก็ไม่ค่อยมีเวลาว่างให้กันเท่าไหร่ เพราะพ่อเป็นหมอโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง รักในอาชีพและทุ่มเทชีวิตให้กับงานที่หนึ่ง ทุกครั้งที่ฉันอยากได้อะไรมักจะมาขอพ่อบ่อยกว่าแม่เสมอ
“เดี๋ยวพ่อขอลองคิดก่อนนะ”
“อย่าคิดนานนะคะ คนรอใจจะขาดแล้ว” ฉันซบหน้าลงกับไหล่กว้างของผู้เป็นพ่อ เอาหน้าถูไปมาอย่างอ้อนๆ
“ไปเรียนได้แล้ว เดี๋ยวพ่อมีตรวจ” ท่านเอ่ยแล้วเอื้อมมือไปหยิบเอากระดาษที่เย็บติดกันสองถึงสามแผ่นออกมาจากแฟ้ม
แล้วสายตาอันว่องไวของฉันมันก็เหลือบไปเห็นชื่อหนึ่งที่ถูกพิมพ์อยู่บนหน้ากระดาษ ชื่อที่เคยเห็นผ่านตาและเคยทำให้หัวใจสั่น จนถึงตอนนี้มันยังชวนให้ใจฉันเต้นไม่เป็นปกติ เกิดความสงสัยความสนใจที่พุ่งออกมาจากอก
“ขอดูหน่อยได้ไหมคะ”
“ระริน...” พ่อทำเสียงดุ
แต่ไหนแต่ไรท่านเองไม่ชอบให้ฉันมายุ่งกับเอกสารของคนไข้ ฉันรู้ดีว่าการล่วงรู้ความลับของคนอื่นมันไม่ใช่เรื่องที่ควร แต่ตอนนี้ฉันอยากรู้มากจริงๆ ว่าทำไมเขาคนนั้นถึงมีชื่ออยู่ในใบตรวจของพ่อ ซึ่งเป็นหมอทางจิตเวช
“ขอดูนิดเดียว รินไม่รู้จักเขาสักหน่อย อยากรู้ว่าคุณพ่อเจอโรคอะไรอีก”
ฉันถือวิสาสะเลื่อนกระดาษแผ่นนั้นออกมาแล้วหยิบมันขึ้นมาดู แล้วหัวใจมันก็พลันเต้นแรงขึ้นเรื่อยจนน่ากลัว ข้อความบนนั้นไม่ได้ทำให้ฉันเข้าใจทั้งหมดแต่มันก็พอจะเดาออกว่าเขาคนนั้นป่วยเป็นโรคแบบไหน
“ระริน ไปเรียนเดี๋ยวนี้”
เสียงของพ่อดังเรียกสติของฉันที่มันเตลิดไปไกล ฉันรีบวางกระดาษแผ่นนั้นลง ความรู้สึกที่ไม่มีชื่อเรียกวนเวียนอยู่รอบๆ ตัวจนทำอะไรไม่ค่อยถูก มันทั้งเหลือเชื่อ ทั้งสงสารและรู้สึกกลัวปะปนกันไปหมด
“รินไปแล้วนะคะ” ฉันบอกผู้เป็นพ่อแล้วโน้มตัวลงไปจุ๊บที่แก้มสากเหมือนที่ชอบทำตั้งแต่เด็ก
แต่อยู่ๆ ใครบางคนก็โผล่เข้ามาจนฉันต้องรีบหันไปมองด้วยความตกใจ ก่อนที่แข้งขาแทบจะทรุดลงตรงนั้นเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่และมองมานิ่งๆ นั้นเป็นพี่ไมเนอร์!
ฉันเชื่อในเรื่องบังเอิญ แต่มันไม่จำเป็นต้องบังเอิญขนาดนี้ก็ได้
“กลับไปได้แล้ว”
“...ค่ะ”
ฉันหันไปตอบผู้เป็นพ่อแล้วรีบก้าวออกมาจากห้อง สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยไม่ต่างจากช่วงหลังๆ ที่เคยมองกัน ทำเหมือนว่าฉันทำอะไรผิดบาปต่อเขาทั้งที่ตัวเขาเองต่างหากที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่ดี
ฉันเดินออกมาได้ไกลจากตรงนั้นมากพอจึงหยุดฝีเท้าลง ยกฝ่ามือขึ้นมาทาบบนอกตัวเองที่ตอนนี้มันเหมือนกระโดดออกมาเต้นอยู่ด้านนอก ภาพตัวอักษรที่เขียนอยู่หน้ากระดาษใบนั้นด้วยลายมือของพ่อยังคงชัดเจน ถึงแม้ไม่ได้เดินสายวิชาชีพนั้นแต่ก็พอจะเดาออกว่ามันคืออาการแบบใด
‘Sex addiction’
โรคเสพติดเซ็กส์อย่างนั้นหรือ เขาใกล้เคียงกับคำว่าโรคจิตหรือยัง ที่เขาทำวันนั้นมันคือสิ่งที่เขากำลังเป็นอยู่ตอนนี้ใช่ไหมนะ มิน่าล่ะพวกรุ่นพี่ถึงบอกให้ฉันระวังตัวมากๆ ที่แท้เขาเป็นแบบนี้นี่เอง