บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 01 (2)

คำพูดของเขาทำเอาใบหน้าของฉันเห่อร้อนขึ้นมาทันที แกล้งเหลือบมองเขานิดหนึ่งก่อนจะหันกลับมาเพราะเขินจะแย่ไม่กล้าสบตาเลย ท่าทางแบบนี้คงมีแต่สาวมาติดเป็นพรวน อันตรายน่าดู

“ถามเหมือนมีอะไร”

“…” เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะเอื้อมมือม้วนปอยผมของฉันเล่น

วินาทีแรกฉันตกใจ แต่วินาทีต่อมาก็ต้องใจสั่นกับพฤติกรรมนั้นของเขา พี่ไมเนอร์เป็นคนแบบไหนกันนะ

“เห็นแวบแรกพี่ก็สะดุดตาแล้ว” คำพูดเรียบง่ายแต่ซ่อนความหวานอยู่ภายในของเขาชวนให้ฉันหวั่นไหวเหลือเกิน แต่พนายามนิ่งไว้ไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันกำลังทรมานใจกับคำพูดแบบนั้นขนาดไหน

“แกล้งชมหรือเปล่าคะ”

เขาเก่งนะที่ทำให้บทสนทนาของคนที่ไม่เคยรู้จักกันมันฟังดูเหมือนเรารู้จักกันมาระยะหนึ่งแล้วภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็อยากต่อเวลาเพื่อทำความรู้จักเขาอีกสักหน่อย

“ไม่ได้แกล้ง พูดจริงๆ” มือของเขาที่ม้วนผมฉันเล่นอยู่นั้นผละออกไป เมื่อมีสายโทรเข้าของใครบางคน “เออ ว่าไง”

ดูเหมือนคนปลายสายจะเป็นผู้ชายแถมยังบ่นอะไรมากมายแต่ฉันฟังไม่รู้เรื่อง ที่พอเดาออกว่าเป็นเพศไหนก็เพราะในนี้มันเงียบมากๆ

“ก็มึงนัดกูห้าโมง พวกไอ้ฟิวส์ก็ยังไม่ไปจะมาเร่งเพื่อ!” น้ำเสียงของเขาหงุดหงิดแต่ไม่จริงจังนักคงเป็นเพื่อนแน่ๆ “เออ อีกสักพักกูเข้าไป”

พูดจบเขาก็กดตัดสายก่อนจะเลื่อนมือถือพิมพ์อะไรสักอย่างลงไปถึงใครบางคน ฉันไม่ได้แอบมองกลัวจะเสียมารยาทแต่เพราะหางตามันพอมองเห็นว่าทำอะไรอยู่

“มีไลน์ไหม” เขาเอ่ยพร้อมกับยื่นมือถือราคาแพงรุ่นล่าสุดนั้นมาให้

“คะ” ฉันรับมันมาแบบมึนงง แต่ก็ยอมกดไอดีตัวเองลงไปอย่างไร้เหตุผล

“ไว้พี่จะทักไปหานะ หาคนกินข้าวด้วย” เขาพูดแล้วก็ยิ้มหวานส่งมาให้ ก่อนที่จะเก็บเครื่องมือสื่อสารของตัวเองลงกระเป๋ากางเกง

 

“ระรินมาเร็วจังลูก”

“เจ๊บ๊วย” ฉันรีบหันไปทางด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูจากรุ่นพี่ บวกกับความตกใจเพราะไม่คิดว่าจะมีคนมาตอนนี้

“อีเนอร์มาจีบน้องกูเหรอ หยุดเลยมึง”

“น้องเขาจีบกู”

“อย่ามาพูดค่ะ เว้นน้องกูสักคนเถอะกูกราบมึงละ”

แล้วพี่ไมเนอร์ก็หัวเราะลั่นกับพี่บ๊วยที่ยกมือไหว้ย่ออย่างสวยงาม เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วหันมายิ้มให้ฉันที่นั่งอยู่ก่อนจะบอกลาและเดินออกไป

“อย่าไปยุ่งกับมัน พี่ขอเตือน”

“ไม่ได้มีอะไรเลยค่ะพี่บ๊วย พี่ไมเนอร์เขาบังเอิญเจอระรินพอดี” ฉันรีบโบกมือไปมาเพื่ออธิบาย กลัวจะถูกเข้าใจผิด

“ยังไงก็ช่าง แต่เพื่อนพี่มันร้ายค่ะหนู ใสๆ แบบระรินไม่ควรเข้าใกล้”

“โอเคค่ะ” ฉันรับปากไปเพราะคิดว่าพี่บ๊วยก็คงหวังดี พี่ไมเนอร์ก็น่าจะร้ายจริงๆ เขาดูเจ้าชู้ไม่เบาเลย

“อย่าไปหลงเสน่ห์มันเด็ดขาด”

ฉันยิ้มแล้วพยักหน้าให้พี่บ๊วย แล้วพวกพี่ๆ ก็เริ่มเข้ามากันในหอประชุม ฉันกับกายจึงเริ่มซ้อมเดินและซ้อมการแสดงคู่กันเหมือนทุกๆ วัน

ครืด~

Minor : ส่งสติกเกอร์

 

หลังจากซ้อมเสร็จเวลาทุ่มครึ่งฉันก็ต้องขับรถกลับบ้าน ระยะทางจากมหาวิทยาลัยถึงบ้านค่อนข้างไกลพอสมควรแต่เพราะพ่อกับแม่อยากให้กลับบ้านทุกวันจึงซื้อรถให้ใช้

ใจจริงอยากพักอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเหมือนกับเพื่อนเพราะมันเหนื่อยที่ต้องฝ่ารถติดทุกๆ วัน แต่ตอนนี้ยังไม่กล้าขอ พ่อเพิ่งจะซื้อรถให้ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เองขืนบอกว่าอยากย้ายไปอยู่คอนโดคงด่นบ่นแน่

“วันนี้กลับเร็วจัง ไม่มีซ้อมเหรอลูก”

“วันนี้เลิกเร็วค่ะ” ฉันตอบผู้เป็นแม่แล้วยิ้มให้ท่าน ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะอาหาร

แม่รีบหยิบจานสลัดผักกับผลไม้มาให้ เพราะรู้ว่าช่วงนี้ฉันต้องเข้าประกวด มื้อเย็นจึงเป็นของที่ควบคุมน้ำหนักทุกวัน และฉันจะไม่บอกใครว่าแอบทานของอร่อยมาแล้วจากตลาดหลังมหาวิทยาลัย เพราะถ้ารู้ถึงหูแม่คือแย่แน่

แม่เป็นคนที่เข้มงวดกับเรื่องนี้มาก ท่านชอบที่ฉันได้ขึ้นเวทีประกวดมาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้จะไม่ได้บังคับแต่ก็แสดงเจตนาว่าท่านชอบและอยากให้ทำสิ่งนั้น

“วันประกวดแม่จะชวนพ่อเขาไปดูด้วย”

“พ่อจะว่างเหรอคะ ไม่เห็นพ่อมีเวลาว่างให้เราเลย” ฉันจิ้มผลไม้เข้าปาก รู้สึกอิ่มจนจุกแต่ต้องแกล้งทานเพราะกลัวว่าแม่จะสงสัย

“แม่บอกพ่อแล้ว ต้องว่างสิ”

พ่อของฉันเป็นแพทย์ที่รักษาโรคทางจิตเวช อยู่ในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องการรักษาโรคทางนี้มาก ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ท่านยังได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลอีกด้วยเลยทำให้เวลาสำหรับครอบครัวน้อยลงไปทุกที

“กำลังใจล้รขนาดนี้ จะทำให้ดีที่สุดค่ะ”

 

หลังจากทานเสร็จฉันก็ขอตัวขึ้นห้องพักผ่อน อาบน้ำแต่งตัวเข้านอน เพิ่งเห็นว่ามีข้อความจากใครบางคนที่ส่งเข้ามาตอนหกโมงเย็นแต่ฉันไม่ได้สนใจดู เพิ่งรู้ว่าพี่ไมเนอร์ทักมาหากัน แต่มีเพียงสติ๊กเกอร์ตัวเดียวที่ยืนโบกมือให้

ระริน ไม่ใช่ ละลิน : ส่งสติกเกอร์

ฉันยิ้มกับมือถือแล้วส่งสติกเกอร์คล้ายกันนั้นกลับไป ไม่ถึงนาทีเขาก็เปิดอ่านมันก่อนจะส่งข้อความกลับมา

Minor : กินข้าวหรือยัง

ระริน ไม่ใช่ ละลิน : คุมน้ำหนักอยู่ค่ะ

Minor : กลัวพี่ชวนทานข้าวเหรอถึงตอบแบบนี้

ระริน ไม่ใช่ ละลิน : ไม่ใช่

ฉันรีบตอบข้อความนั้นไปเพราะกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด ลืมสิ้นคำเตือนของพี่บ๊วยที่บอกว่าอย่าหลงเสน่ห์ของพี่ไมเนอร์ เพราะตอนนี้ฉันนั่งยิ้มกับโทรศัพท์อย่างกับคนบ้า

ระริน ไม่ใช่ ละลิน : ทานแล้วค่ะ วันนี้

Minor : งั้นวันหลังก็ได้เนอะ ก่อนจะทานข้าวอย่าลืมคิดถึงหน้าพี่นะ

ฉันยิ้มกว้างมองข้อความนั้นของพี่ไมเนอร์โดยไม่รู้ตัว รู้ว่าเขาหยอดคำหวานตามประสาของผู้ชายเจ้าชู้แต่ก็ห้ามตัวเองยิ้มออกมาไม่ได้ เป็นใครจะไม่ยิ้มบ้างล่ะเจอแบบนี้

ระริน ไม่ใช่ ละลิน : คิดถึงแล้วอิ่มเหรอคะ จะได้ไม่อ้วน

Minor : เปล่า จะได้ไม่ลืมชวนพี่ทานด้วยกันไง

พี่ไมเนอร์หยอดคำหวานอยู่เรื่อยๆ เราคุยกันยาวจนเกือบชั่วโมงก็บอกลากันก่อนเข้านอน ความรู้สึกเหมือนตอนที่กำลังแอบชอบใครตอนมัธยมเลย มันมีความกระตือรือร้นแบบนั้น แต่ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้เพราะได้ยินพวกรุ่นพี่คุยกันมาเรื่องพี่ไมเนอร์มาเหมือนกัน

เขาคุยและเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ถ้าตกหลุมรักผู้ชายแบบเขา ก็เท่ากับเอาหัวใจไปทิ้งลงกลางทะเล คุยเพื่อความสนุกไม่เหงาคงไม่เป็นอะไรหรอก

 

------------------

จีบลูกสาวแล้วค่า แต่ถามว่าจริงจังไหม...

 

อย่าลืมกดติดตามไรท์ กดหัวใจ และกดเข้าชั้นกันด้วยนะคะ ❤️

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel