4 แม่ม่ายทรงเครื่อง
ทั้งที่ความจริงเขาควรจะเป็นผู้จ่ายทั้งหมด แต่น้ำผึ้งไม่ยอม ด้วยเหตุผลที่ว่า เธอซื้อเองก็ต้องจ่ายเอง ซึ่งก็ทำให้เขาโล่งที่ไม่ต้องรูดเครดิตการ์ด แล้วทยอยใช้หนี้ตอนสิ้นเดือน
“คุณน้ำผึ้งชอปปิงทุกเดือนเลยหรือครับ”
เขาถามหลังจากเห็นเธอจะเข้าไปในร้านรองเท้ายี่ห้อดัง แต่ละคู่ราคาไม่ต่ำกว่าหลักหมื่น ถ้าไม่รวยจริงคงซื้อไม่ได้
“ไม่หรอกค่ะ แล้วแต่ว่าอยากได้อะไร ถ้าหากว่าของที่มีอยู่ตกเทรนด์หรือว่าใส่บ่อยจนเกินไป ฉันก็จะโล๊ะแล้วซื้อใหม่”
“โล๊ะ! คุณทิ้งหรือครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันขายต่อในเว็บ บางทีก็มีแม่ค้าขอจอง ของบางชิ้นได้ราคานะคะ โดยเฉพาะกระเป๋า ยิ่งนานราคาแพงกว่าของใหม่ป้ายแดงอีก”
หญิงสาวตอบพร้อมกับก้าวเข้าไปในร้านรองเท้า โดยภาคยังคงเดินตามต้อยๆ ราวกับทาสผู้ซื่อสัตย์ แม้จะเบื่อต่อการทำตัวเป็นผู้รับใช้ แต่ก็เพลิดเพลินกับบั้นท้ายกลมกลึงที่ซ่อนอยู่ภายใต้กระโปรงสั้นเลยเข่า
แม้ว่าน้ำผึ้งผ่านการแต่งงาน และมีลูกมาแล้ว แต่รักษารูปร่างได้อย่างดี ทั้งสวยและเซ็กซี่ทุกสัดส่วน ไม่ว่ามองตรงไหนก็เรียกความกำหนัดให้เกิดขึ้น
เขายอมรับว่าขณะมีความสัมพันธ์กับอังคณา แต่ก็มโนไปว่ากำลังมีอะไรกับน้ำผึ้งซึ่งก็ทำให้ถึงเป้าหมายอย่างสุดสุข
“คุณนั่งรอฉันตรงนี้ก่อน ฉันจะดูรองเท้า”
เธอผายมือไปยังเก้าอี้ยาวซึ่งมีผู้ชายทั้งหนุ่มและแก่ที่ติดตามคุณผู้หญิงของตัวเองนั่งรอด้วยใบหน้าไร้ความสุข
ผู้ชายเหล่านี้มีความรู้สึกเหมือนเขา คือ ทั้งเบื่อ เซ็ง และไม่ชอบต่อการทำตัวเป็นผู้ติดตามผู้หญิงมาชอปปิง
“ขอโทษครับ ผมนั่งด้วยนะครับ”
ภาคทำตัวนอบน้อมที่สุด พร้อมกับนั่งใกล้ๆ กับชายวัยเฉียด 60 ที่มีอาการห่อเหี่ยวพอๆ กับรอยย่นยับที่ประทับอยู่บนใบหน้า
“เชิญครับ ตามสบาย”
ชายผู้มีใบหน้าไร้ความสุขกล่าวด้วยเสียงเบา และยิ้มให้ผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน ภาคยิ้มเจื่อนๆ แล้วพิงหลังกับผนังห้อง และมองบรรดาคุณผู้หญิงที่วุ่นอยู่กับการลองรองเท้า โดยเฉพาะรุ่นลดราคา
“ผู้หญิงเขามีความสุขกับของพวกนี้นะ สำหรับผมไม่ได้มองผู้หญิงที่รองเท้าหรอกครับ”
ภาคพูดพลางส่งสายตาไปที่สาวหมวยหน้าตาดี ผิวขาว และหน้าอกล้นเสื้อยืดคอวีที่ทั้งรัดและกว้าง
ชายที่นั่งข้างๆ มองตามเช่นกัน และจ้องจนตาไม่กะพริบ
“จริงครับ และสิ่งนี้ทำให้เราสองคนอยู่ในร้านรองเท้าได้นาน”
“ใช่ อยู่ได้นานโดยไม่เบื่อ”
ภาคพูดต่อ และเผลอสูดปากเมื่อสาวหมวยก้มลงสวมรองเท้า หัวใจเขาแทบวายกับความอล่างฉ่างที่คำนวณด้วยสายตา และคิดว่าชายผู้เหี่ยวเฉาคงรู้สึกเช่นเดียวกัน
กระเป๋าเป้กระแทกลงกับเก้าอี้เสียงดังปัง อังคณาซึ่งนั่งใกล้ๆ กับเคาน์เตอร์บาร์ในบ้านหลังกะทัดรัด ซึ่งตกแต่งต่างหรูหราบ่งบอกรสนิยมของเจ้าของว่าชอบความเลิศหรู เธอถึงกับสะดุ้งแล้วหันไปมองชายหนุ่มรูปร่างสูง ผิวเข้ม ใบหน้าค่อนไปทางอาหรับ ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร ภาคนั่นเอง
“เป็นยังไงคะภาค อารมณ์เสียมาจากไหนถึงกระแทกกระเป๋าดังขนาดนั้น”
“เซ็งยายน้ำผึ้งมาก คิดว่าตัวเองสำคัญขนาดไหนเชียว เรารึอุตส่าห์ตามรับตามส่งขนาดนั้น ยังไม่เห็นใจอีก”
“เล่นตัวอีกตามเคย ไหนคุณบอกว่าแม่ม่ายง่ายจะตายไป”
“คนอื่นอาจใช่ แต่แม่นี่ไม่ใช่ สาวๆ ตามที่เที่ยว แค่เราดีดนิ้วก็เดินตามต้อยๆ แล้ว”
“รวมทั้งอังด้วยใช่ไหมล่ะ แหมก็คุณหล่อ หุ่นดีขนาดนี้ สาวๆ ก็ต้องติดสิคะ ถ้าผอมแห้ง พุงป่อง ก้นปอด ใครจะสนใจละคะ”
“พูดจนเห็นภาพพจน์เลย แล้วอย่าหึงนะ เวลาที่เห็นผมอยู่กับผู้หญิงอื่น”
ภาคพูดจบยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ทำท่าจะหอมแก้ม แต่หญิงสาวขยับถอยห่าง ยกมือขึ้นปัดป้อง ได้อย่างน่ารัก ทั้งที่ความจริงมีความต้องการที่จะให้เขาทำอย่างนี้บ่อยๆ
“ไม่เอาค่ะ เขิน”
“ทำไมต้องเขินด้วยล่ะครับ ในเมื่อเราสองคนก็เห็นกันมากกว่านี้แล้ว”
ชายหนุ่มทำเสียงสั่น หน้าหื่น มือควานลงไปที่แผ่นหลังนวลเนียนของเธอ บัดนี้ปราศจากปราการป้องกันเพราะไร้เสื้อชั้นใน สวมใส่แค่เพียงเสื้อยืดคอวีแขนสั้นสีขาวเพียงตัวเดียวเท่านั้น อังคณาชอบทำตัวตามสบายเมื่ออยู่บ้าน