11
“เข้าไปทำในห้องฉันก็พอ” ชายหนุ่มสั่งก่อนจะผละไปเปิดตู้เย็นหยิบกระป๋องเบียร์ เย็นเจี๊ยบกลับมานั่งจิบบนโซฟาในท่าทางสบาย ๆ
ทิพย์วารีโล่งใจที่เขาไม่เข้ามาเกะกะด้วย หล่อนตั้งใจทำหน้าที่ของหล่อน แต่แล้วก็รู้สึกแปลก ๆ ที่เห็นข้าวของเครื่องใช้ของผู้หญิงวางอยู่หลายจุด ....ไม่รู้ว่าเพราะอะไรมือไวกว่าความคิดหล่อนเปิดตู้เสื้อผ้า ก็เห็นกับตาว่ามีเสื้อผ้าของผู้หญิงทั้งชุดชั้นนอกชั้นในเก็บไว้ตู้เดียวกันกับของเขา..คุณหนูอรแฟนของเขาคงจะมาพักที่นี่บ่อย ๆ ก็ไม่เห็นจะแปลก มันเป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับคู่รักสมัยนี้......ความรู้สึกหม่นวูบผ่านเข้ามาเกาะกุมหัวใจ......ทำไมต้องเจ็บ...ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน….
หญิงสาวพยายามสลัดความรู้สึกหม่นหมองออกไป หล่อนควรจะดีใจไม่ใช่หรือ ยิ่งเขาแต่งงานไปเร็ว ๆ ยิ่งดี จะได้ไม่ต้องมาอกสั่นขวัญผวาแบบทุกวันนี้
“อุ้ย....คุณปราบ” ทิพย์วารีตกใจ หล่อนจมอยู่กับความคิดของตัวเองจนไม่รู้ว่าคนตัวสูงใหญ่มายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่
“แอบสำรวจของของฉัน...ทำตัวอย่างกับเป็นเมียขี้หึงเลยนะ” ชายหนุ่มต่อว่า แต่นัยน์ตาแพรวพราว
“หนูเปล่า.....” คนถูกจับได้รู้สึกละอายจนไม่กล้าสบตา
“เปล่ายังไง....ก็เห็น ๆ กันอยู่ยังมีหน้ามาเถียงอีก”
“หนูขอโทษค่ะ”
“เธอได้รับโทษแน่” เรือนร่างอ้อนแอ้นปลิวหวือเข้าไปในวงแขนของคนตัวโตอย่างง่ายดาย เขาทำโทษด้วยการก้มลงมาจูบ ปล้นลมหายใจของหล่อนจนเกือบจะสิ้นสติตัวอ่อนระทวยแทบจะรูดลงไปกองแทบเท้าหากไม่โดนโอบรั้งเข้าอิงแอบแนบชิดเรือนร่างสูงใหญ่
“ปล่อยค่ะคุณปราบ” ทิพย์วารีพูดออกไปทันทีที่หายใจเอาอากาศเข้าปอดได้แล้ว
“แน่ใจหรือว่าให้ปล่อย” ปราบก้มลงถามคนในวงแขน
“คุณควรจะเกรงใจเจ้าของเครื่องใช้พวกนี้นะคะ...เธอคงไม่ชอบใจแน่ ๆ ถ้าคุณจะพาใครมาทับที่เธอ”
“ผู้หญิงคิดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ” แววตาที่เขามองยัยตัวเล็กเปลี่ยนไป มันดูแวววาวเต้นระริกคล้ายรื่นรมย์ระคนขบขัน
“จริงค่ะ” ทิพย์วารีพยักหน้าสนับสนุนกลัวเขาจะไม่เชื่อ
“นั่นสินะ ฉันปล่อยก็ได้” ปราบคลายวงแขนออกอย่างง่ายดาย สองมือล้วงกระเป๋าแต่ยังจับจ้องปฏิกิริยาของทิพย์วารีไม่วางตา เมื่อหล่อนเงยหน้าขึ้นมองเขา ในแววตาฉายความแปลกใจแฝงไว้ด้วยความผิดหวังแต่เพียงวูบเดียวเท่านั้น ที่ปราบมีโอกาสได้แลเห็นแต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะได้รู้ว่าหล่อนไม่ได้เกลียดเขา.......
ปราบพาทิพย์วารีกลับบ้านโดยไม่เกิดเรื่องน่าหวาดเสียวขึ้นอีก ทั้งคู่กลับมาถึงบ้านเกือบสามทุ่ม และนั่นทำให้คุณอาภาต้องแปลกใจ หล่อนเป็นห่วงหนูน้ำที่ติดต่อไม่ได้แต่ก็ยังใจชื้นว่าหญิงสาวไม่เคยเหลวไหล บางทีโทรศัพท์อาจจะแบตหมดเพราะเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาสองสามครั้งแล้ว ถึงกระนั้นก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ ส่วนเจ้าลูกชายหล่อนทำใจได้แล้วจะกลับหรือไม่กลับก็แล้วแต่ ปล่อยไปตามประสาหนุ่มโสด....แต่ที่น่าแปลกก็คือทำไมถึงกลับมาพร้อมกันได้
“ตาปราบ...ทำไมถึงกลับมากับหนูน้ำได้ล่ะลูก หรือว่าบังเอิญเจอกันที่ไหน” คุณอาภาถามลูกชายเสียงอ่อน
“ผมไปรับเขาที่มหาวิทยาลัยแล้วก็พาไปที่เพ็นท์เฮ้าส์ ให้ช่วยทำความสะอาดห้องให้ครับ”
“อะไรนะ....แม่บ้านที่โน่นไม่มีหรือไง” คุณอาภาเสียงเปลี่ยนทันที ไม่พอใจที่ลูกชายทำเหมือนทิพย์วารีเป็นเด็กรับใช้แค่ทำห้องนอนที่บ้านให้ก็มากพอแล้ว ไม่ชอบหน้ากันก็อยู่ห่าง ๆ กันน่ะดีแล้ว
“แม่บ้านกระดูกหักคงลาป่วยเป็นเดือน พรุ่งนี้ผมก็ว่าจะพายัยนี่ไปด้วย ช่วงนี้งานยุ่งน่ะครับอีกเป็นเดือนทุกอย่างถึงจะเข้าที่” ชายหนุ่มแค่แจ้งให้ทราบ ไม่ได้ขออนุญาต ดูทีซิว่ามารดาจะกล้าขัดไหม
“ตาปราบ ! น้องไม่ใช่คนใช้ แกจะทำอย่างนี้ไม่ได้” คุณอาภาเริ่มอยู่ไม่สุข ใจร้อนเป็นไฟ เพราะเรื่องที่ยกขึ้นมาอ้างมันไม่มีน้ำหนักเอาซะเลย
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ ที่นั่นก็อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยของยัยนี่ ใกล้ที่ทำงานของผมด้วย เรื่องแค่นี้ช่วยกันไม่ได้หรือไง” ชายหนุ่มหันมาถามคนข้างกายที่ยืนบีบเนื้อบีบตัวก้มหน้านิ่ง
“ฉันไม่ให้ไป ฉันเลี้ยงหนูน้ำเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง แกจะทำแบบนี้ไม่ได้” คุณอาภาขึ้นเสียงสรรพนามเปลี่ยนไปเพราะเริ่มโกรธ ไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างที่ตั้งข้อสงสัยกับแม่เอียด หรือว่าเจ้าลูกชายตัวดีกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่...แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน หนูน้ำไม่ควรต้องมารับผลจากการขัดแย้งของแม่ลูกที่ยากจะประสานรอยร้าวเข้ากันได้
“เอ่อ...คุณป้าขา หนูไม่เป็นไรค่ะ...หนูไปทำห้องให้คุณปราบก็ได้ค่ะ” ทิพย์วารีเห็นแม่ลูกทำท่าจะทะเลาะกันจนบานปลายใหญ่โตเพราะหล่อนเป็นต้นเหตุ จึงได้เอ่ยออกมาเสียเอง
“จะดีหรือหนูน้ำ....” คุณอาภามองหน้าลูกสาวเพื่อนสนิทแล้วให้รู้สึกสงสาร ถ้าหากลูกชายไม่มีแฟนอยู่แล้วหล่อนจะไม่ห้ามเลย อยากได้หนูน้ำเป็นลูกสะใภ้ใจจะขาด แต่นี่ดูท่าว่าหล่อนจะเป็นแค่เครื่องมือของตาปราบเท่านั้น
“ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะคุณป้า” ทิพย์วารีไม่อยากให้คุณอาภาต้องทุกข์ใจ หล่อนรู้ว่าท่านห่วงในหลายเรื่องแต่ถ้าจะพูดกันตามจริงมันก็คือไม่ทันแล้ว และอีกอย่าง เขาก็คงจะไม่ทำอะไรหรอก ไม่อย่างนั้นวันนี้เขาคงไม่ปล่อยให้หล่อนรอดมือมาได้......หญิงสาวคิดตามประสาซื่อ.....
“ก็แค่นั้น พรุ่งนี้ก็รีบเก็บเสื้อผ้าข้าวของเร็ว ๆ ด้วยล่ะ” ปราบสั่งแล้วก็เดินขึ้นห้องไป ไม่สนใจผู้เป็นแม่อีก
12
“หนูน้ำลูก...เปลี่ยนใจยังทันนะ...หนูเป็นผู้หญิงมีแต่เสียหาย ป้าไม่สบายใจเลยลูก” อาภากุมมือหญิงสาวไว้มองด้วยสายตาห่วงใยและเปี่ยมไปด้วยความเมตตา
“คุณป้าไม่ต้องกังวลไปหรอกนะคะ...ยังไงซะคุณปราบก็คงจะไม่ฆ่าไม่แกงหนูหรอกค่ะ” นอกจากปลอบผู้สูงวัย หล่อนยังปลอบใจตัวเองด้วย
“แต่ว่า.....”อาภาถอนหายใจ
“อย่างน้อย ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็ดีกว่าตอนก่อนที่คุณป้าจะรับหนูมาอยู่ด้วย มากมายนัก ไม่อย่างนั้นป่านนี้ หนูก็ไม่รู้ว่าจะตกลงไปอยู่ในนรกขุมไหน...” หญิงสาวนึกถึงเหตุการณ์ปีที่แล้ว ตอนที่มารดาพาพ่อเลี้ยงหนุ่มเข้าบ้าน หล่อนถูกจ้องตาเป็นมันแทบจะเอาตัวเองไม่รอด ถ้าคุณอาภาไม่ยื่นมือเข้าช่วยหล่อนคงจะมีสามีคนเดียวกับแม่บังเกิดเกล้าไปแล้ว
