ตอนที่ 5 ยั่วโมโห
“ผมจะไม่มีทางให้ใครมาแทนที่แม่แน่นอนครับ แม่เลี้ยงของไร่นี้เป็นของแม่คนเดียวเท่านั้น” กล่าวจบชายหนุ่มก็ก้มหน้าราวกับชีวิตไร้ที่พึ่งทางใจแล้ว ปล่อยให้น้ำตาไหลหยดลงสู่พื้นอยู่อย่างนั้น
เมื่อถูกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนปิดประตูใส่หน้าอย่างไม่ไยดี พ่อเลี้ยงภูเบศก็มานั่งหัวเสียในห้องนั่งเล่น โดยมีจันทร์แก้วคอยเป็นผู้คอยปลอบประโลมให้อารมณ์เย็นลง ส่วนทานตะวันก็ได้แต่นั่งมองผู้มีพระคุณทั้งสองอย่างเหนื่อยใจ กลับมาคราวนี้อาทิตย์เปลี่ยนไปเป็นคนละคน หากจะมีอะไรที่ทำให้เขากลับมาเป็นคนเดิมได้ เธอก็อยากจะทำเพื่อให้ผู้ใหญ่ทั้งสองได้ใช้ชีวิตคู่อย่างสบายใจ
“พ่อเลี้ยงจะทำอย่างนั้นจริงๆ เหรอคะ คุณอาทิตย์เธอเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ไปทำงานในไร่ดูท่าจะไม่ไหวนะคะ” เมื่อเห็นว่าสามีใจเย็นลงบ้างแล้วจันทร์แก้วจึงถามย้ำอีกครั้ง เผื่อว่าจะเปลี่ยนใจสามีได้
“ใจจริงฉันก็ไม่อยากจะทำหรอก แต่มันไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น เข้าไปสงบสติอารมณ์ในไร่ก็ดีเหมือนกัน เผื่อว่าจะคิดอะไรได้บ้าง อีกอย่างฉันก็อยากให้มันเข้าไปเรียนรู้งานด้วย เพราะในอนาคตไร่นี้ก็ต้องตกเป็นของมันอยู่ดี”
“ฉันว่าพ่อเลี้ยงลองไปพูดคุยปรับความเข้าใจกับคุณอาทิตย์อีกครั้งดีไหมคะ เผื่อว่าอารมณ์เย็นลงกันแล้วจะคุยรู้เรื่องกว่านี้”
“ฉันไม่อยากคุยกับมันอีกแล้ว อยู่ที่นั่นล่ะดีแล้วจะได้ไม่ต้องมีปากมีเสียงกัน”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้คนไปทำความสะอาดเรือนไม้ท้ายไร่ ก่อนที่คุณอาทิตย์จะย้ายเข้าก็แล้วกันนะคะ” เมื่อได้ฟังเหตุผลของสามีเธอก็เห็นด้วย แม้จะโดนดูถูกเหยียดหยามแต่เธอก็ไม่โกรธแม้แต่น้อย และจะพยายามทำดีต่อไป เพื่อหวังว่าในอนาคตอาทิตย์จะยอมรับเธอได้
“ถ้างั้นก็ฝากด้วยละกันนะ ฉันต้องขอโทษแทนอาทิตย์มันด้วย ขอเวลาให้มันปรับตัวอีกไม่นานคงจะดีขึ้นกว่านี้” ภูเบศกุมมือภรรยาไว้เพื่อให้กำลังใจ จ้องมองดวงหน้าสวยสมวัย ส่งยิ้มน้อยๆ ให้อย่างอ่อนโยน
เมื่อพูดคุยกับสามีแล้วจันทร์แก้วก็หันไปมองลูกสาวสุดที่รัก เห็นว่าเจ้าหล่อนกำลังนั่งเหม่อลอย ราวกับมีเรื่องต้องให้คิดในใจ จึงเอ่ยเรียกเพราะมีอะไรบางอย่างให้ทำ
“ตะวัน!
“...”
“ตะวัน! นั่งเหม่ออะไรอยู่ลูก”
“มะ...มีอะไรคะแม่”
ทานตะวันสะดุ้งเล็กน้อย หันขวับมองไปยังต้นเสียงทันที
“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ทำไมถึงได้ดูเหม่อลอยอย่างนั้น”
“ไม่มีอะไรค่ะแม่ หนูก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อย แม่มีอะไรให้หนูทำรึเปล่าคะ”
“แม่วานไปช่วยคุณอาทิตย์เก็บของหน่อยสิ”
“ห๊ะ! แม่ว่าอะไรนะ” ทานตะวันทวนถามอีกครั้ง เมื่อครู่มารดาก็เห็นว่าอีกฝ่ายร้ายกาจมากแค่ไหน ยังจะให้เธอไปช่วยเขาอีกงั้นเหรอ
“ไม่ต้องไปช่วยหรอกปล่อยให้มันทำเอง แค่นั้นทำไม่ได้ก็ไม่รู้จะไปทำมาหากินอะไรแล้ว อีกอย่างฉันกลัวว่ามันจะทำร้ายหนูตะวันน่ะสิ” ภูเบศไม่เห็นด้วยกับความคิดภรรยา
“แต่ตะวันคือคนที่สนิทกับคุณอาทิตย์ที่สุดนะคะ เขาคงไม่ทำอย่างนั้นหรอกน่า ตอนนี้คงจะมีแค่ตะวันที่พอจะคุยกับคุณอาทิตย์ได้” จันทร์แก้วพยายามคิดในแง่ดีเอาไว้ก่อน เพราะรู้ดีว่าทั้งสองเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก สนิทสนมราวกับพี่น้องก็ไม่ปาน
“แต่...” ภูเบศพยายามจะแย้ง แต่ทานตะวันกลับตัดสินใจปุบปับ ยอมทำตามคำร้องขอของมารดา เพราะไม่อยากให้ท่านทั้งสองไม่สบายใจไปมากกว่านี้
“ตะวันจะไปค่ะ พ่อเลี้ยงไม่ต้องห่วงนะคะ พี่อาทิตย์ไม่ทำร้ายตะวันแน่นอนค่ะ”
“ถ้างั้นฉันฝากมันด้วยนะหนูตะวัน มีแต่หนูนี่ละที่พอจะคุยกับมันได้ แต่ถ้ามันทำพฤติกรรมไม่ดีใส่รีบมาบอกฉันทันทีเลยนะ จะไปจัดการมันให้เอง”
“ค่ะพ่อเลี้ยง งั้นตะวันขอตัวก่อนนะคะ”
ตะวันส่งยิ้มให้คนทั้งสองเป็นการทิ้งท้าย จากนั้นก็ลุกขึ้นจากโซฟาเดินขึ้นไปชั้นสองอีกครั้ง แม้ว่าในใจยังคงรู้สึกหวาดกลัวเขาคนนั้นไม่น้อย แต่ทว่าเธอต้องอดทนเข้าไว้ เพื่อให้เขาเห็นว่าเธอเข้มแข็งมากแค่ไหน
เดินมาถึงหน้าประตูห้องแล้วเจ้าหล่อนก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอจะพยายามเข้มแข็งเอาไว้ไม่ว่าจะโดนอะไรอีกก็ตาม เพื่อให้มารดาและพ่อเลี้ยงภูเบศสบายใจ นั่นคือสิ่งที่พอจะทำเพื่อตอบแทนบุญคุณท่านได้
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ทานตะวันเคาะประตูห้องแล้วยืนรออยู่อย่างนั้นพักใหญ่ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมส่งเสียงหรือเปิดประตูให้ จึงถือวิสาสะเปิดประตูแล้วชะโงกหน้าเข้าไปดู ทว่ากลับไม่เจอเจ้าของห้อง จึงเดินเข้าไปอย่างไม่ทันระวังตัว
ปัง!
เมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้นเจ้าหล่อนจึงหันกลับไปมอง ก็เห็นอาทิตย์ยืนยิ้มมุมปาก ทำสีหน้ากวนๆ อย่างน่าหมั่นไส้ แต่ทว่าเมื่อเห็นดวงตาเขาแดงก่ำราวกับผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ก็ทำให้เธอรู้สึกเห็นใจขึ้นมาทันที
“เข้ามาทำไมหรือว่าติดใจพี่เข้าให้แล้ว” คนพูดยืนเท้าสะเอวมองหน้าราวกับนักเลงกำลังหาเรื่อง
“หยุดพูดถึงเรื่องนั้นซะที หนูจะถือว่าทำทานให้หมูให้หมาไปละกัน” เธอพยายามข่มอารมณ์ขุ่นมัวเอาไว้ เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำให้ต้องเปลืองน้ำลาย
“ทำทานให้หมูให้หมางั้นเหรอ” เมื่อโดนด่ากลายๆ อาทิตย์ก็เดินย่างสามขุมเข้ามาหา คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนเรียว ออกแรงบีบตั้งใจให้อีกฝ่ายได้รับความเจ็บปวด
“ใช่! ก็มีแค่สัตว์เท่านั้นที่เอาไม่เลือก พี่มันก็ไม่ต่างจากสัตว์พวกนั้นเลยสักนิด” ทานตะวันจ้องหน้าอย่างไม่ลดละ เธอพร้อมจะต่อปากต่อคำ หากอีกฝ่ายยังไม่ยอมหยุดพูดจาถูกหมิ่นดูแคลน
“พูดอย่างนี้ต้องการยั่วให้พี่โมโหแล้วทำอย่างเมื่อคืนอีกล่ะสิท่า” กล่าวจบชายหนุ่มก็แสยะยิ้ม เหลือบตามองใบหน้าสวยอย่างมีเลศนัย
“แค่ครั้งเดียวมันก็เกินพอแล้ว คนอย่างพี่มันหน้าตัวเมีย รังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้ ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลยสักนิดเดียว ถ้าแม่ไม่สั่งให้มาช่วยเก็บของ ตะวันจะไม่มีวันเข้ามาเหยียบในห้องนี้อีกแน่”
“โถๆ ๆ ถึงขนาดส่งลูกสาวมาบรรณาการให้ถึงที่เลยเหรอ แม่เธอนี่ก็เก่งเนอะเรื่องวางแผนจับผู้ชายเนี่ย”
เมื่อทนฟังไม่ได้เจ้าหล่อนก็ง้างมือเรียวฟาดที่ใบหน้าหล่ออย่างเต็มแรง
เพี๊ยะ!