บท
ตั้งค่า

บทที่1 คนงานใหม่ (1)

ร่างบางสูงโปร่งในชุดนอนลายลูกไม้สีฟ้าอ่อนสวมทับด้วยเสื้อคลุมซึ่งนั่งสัปหงกอยู่บนโซฟาตัวนุ่มในอิริยาบถกึ่งนั่งกึ่งนอนสะดุ้งตัวเมื่อเสียงฝีเท้าดังขึ้นหน้าระเบียง สัญชาตญาณกอปรกับความระแวดระวังตัวเองตลอดเวลาทำให้สุชีราคว้าอาวุธปืนคู่กายขึ้นมา

“ใคร?!”

“เฮ้ยใจเย็นอาขม นี่เตี่ยเอง” ผู้อยู่ในความมืดสลัวผงะ ทำตัวลีบติดระเบียงบ้านรีบส่งเสียงโวยวายพร้อมยกมือขึ้นในท่ายอมแพ้ทันทีที่บุตรสาวคนโตหันปากกระบอกปืนมาจ่อ

พอตั้งสติได้พรทวีจึงเอื้อมมือไปกดสวิตช์ไฟ แสงสว่างเข้ามาทำหน้าที่ พร้อม ๆ กับการลดปืนกระบอกเล็กลงแล้วเป่าลมออกจากปาก

“นี่กะจะยิงไส้แตกเลยเหรออาผักขม”

“ช่วยไม่ได้ เตี่ยอยากย่องมาเงียบ ๆ ไม่ให้สุ้มให้เสียงเอง”

เจ้าของร่างบางบอกเสียงเรียบ กระนั้นใบหน้าหวานจัดที่ขัดกับอุปนิสัยยังอยู่ในอารมณ์หงุดหงิดเมื่อจัดการเรื่องงานไม่ลงตัว

“แล้วทำไมไม่เข้านอนล่ะ นั่งตากลมเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก พรุ่งนี้มีประชุมคนงานแต่เช้าไม่ใช่เหรอ?” พรทวีถามด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ ขณะถอดหมวกออกจากศีรษะแล้วนำไปแขวนไว้ที่ตะขอเกี่ยวซึ่งติดกับฝาผนัง

“หนูรอพูดธุระสำคัญกับเตี่ยก่อนน่ะ” หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่มีความงัวเงียหลงเหลืออยู่บนวงหน้าหวาน ก่อนช่วยรับกระเป๋าของผู้เป็นพ่อมาวางไว้บนโซฟาสีชาแล้วหันไปรินน้ำเย็นใส่แก้วมาส่งให้

พอรับแก้วน้ำจากมือบุตรสาวมาดื่มชายสูงวัยจึงพาร่างท้วมมาทิ้งตัวนั่งบนโซฟาสีชาที่บุตรสาวเพิ่งลุกขึ้น

“ใช่เรื่องคนงานชุดใหม่ที่เสี่ยสิญจน์ส่งมาให้เราหรือเปล่า?”

เจ้าของวงหน้าหวานจัดพยักหน้ารับพลางเม้มปาก

“ว่าแล้ว... เมื่อหัวค่ำอาชื่นก็บอกเตี่ยว่าหนูไม่พอใจเรื่องคนงานใหม่” พรทวีบอกด้วยน้ำเสียงเนิบ ๆ ตามประสาคนใจเย็น

“ค่ะ ขมต้องคุยกับเตี่ยให้รู้เรื่องอย่างจริงจังสักที” หญิงสาวบอกอย่างหงุดหงิด “ขมเคยบอกเตี่ยแล้วนี่คะ ว่าไม่ให้รับคนงานต่างด้าวและพวกขี้คุกขี้ตะรางเข้ามาทำงานกับเรา”

“เอาน่าแก้ขัดไปก่อน ตอนนี้งานของเรากำลังเร่งไม่ใช่เหรอ?”

ได้ยินถ้อยคำไม่ไยดีจากพรทวี สุชีราจึงนวดขมับตนเองเพื่อผ่อนคลายความเครียด “ใช่ค่ะ งานของเรากำลังรีบ แต่เตี่ยช่วยคัดคนให้หน่อยไม่ได้เหรอ ขมไม่อยากมีเรื่องกับพวกขี้คุกขี้ตะราง และก็พวกขี้ยานั่นอีก”

พอบุตรสาวแจงเหตุผลพรทวีจึงเงียบไป

“เตี่ยดูสิคะ ขนาดในบ้านของเราเองแท้ ๆ ทั้งขม ทั้งยัยหวาน ยังต้องพกมีดพกปืนติดตัวตลอดเวลาเพื่อป้องกันตัวจากคนงานพวกนั้น มันต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่คะ?” หญิงสาวระบายความอัดอั้นออกมาเป็นชุดทันทีเมื่อได้โอกาส

ครอบครัวเธอยึดอาชีพรับจ้างต่อเรือประมงมากว่ายี่สิบปีภายใต้การบุกเบิกดูแลของนายช่างพรทวี บรรณสาร หรือที่ลูกน้องในอู่ต่อเรือแห่งนี้ต่างเรียกติดปากว่า ‘เถ้าแก่’ หรือ ‘ช่างทวี’ นั่นล่ะ ทว่าระยะหลัง ๆ มานี่สุขภาพของบิดาเธอไม่ดี

พอเธอเรียนจบหลักสูตรการบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐบาล เธอจึงเดินหน้าเข้ามาช่วยบริหารจัดการดูแลงานในอู่ต่อเรือด้วยตนเองทั้งหมด

ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีไม่ว่าจะเป็นด้านการตลาด ด้านจัดการลูกค้า และการให้บริการ แต่ต้องมาสะดุดและมีปัญหาตรงที่การดูแลปกครองลูกน้องนี่ล่ะ

ช่วงระยะแรก ๆ สุชีราปวดหัวกับปัญหาเรื่องนี้มาก เพราะความที่เธอเป็นผู้หญิง คนงานชายของพ่อจึงไม่ให้ความเคารพยำเกรงเท่าไหร่นัก ซ้ำยังเห็นเธอเป็นตัวตลก ถูกแซวเล่น หยอกล้อไปวัน ๆ ดังนั้นเธอจึงต้องวางตัวปั้นหน้านิ่งอยู่ตลอดเวลารวมทั้งทำตัวให้เข้มแข็ง

จนกระทั่งเธอได้พิสูจน์ตัวเองและทำให้คนงานจอมวายร้ายของพ่อยอมรับความสามารถตรงนี้ได้ ระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาสุชีราจึงทุ่มทั้งแรงกายแรงใจให้กับการทำงาน จนกระทั่งเธอได้รับความไว้วางใจจากพรทวี

แต่นั่นล่ะ ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่น สุชีรายังปวดหัวกับเรื่องความไร้ระเบียบของคนงานตลอดเวลา เธอมักมีปัญหากับลูกน้องอยู่บ่อย ๆ ซึ่งกว่าจะจัดระเบียบและปราบพยศของพวกอวดดีได้ เธอต้องใช้พลังกายพลังใจและสติปัญญามหาศาลเลยทีเดียว

ล่าสุดนี่ก็อีกเหมือนกัน ที่คนงานพ่อเมาและบุกเข้ามาทำรุ่มร่ามกับสุปราณีน้องสาวของเธอ รวมทั้งทำลายข้าวของถึงในบ้าน แม้จะไม่มีอะไรเสียหายมาก แต่การกระทำอุกอาจเช่นนั้นก็มีผลต่อสภาพจิตใจของทุกคนในบ้านไม่น้อย โดยเฉพาะน้องสาวของเธอ

“ระแวงมากไปหรือเปล่าอาขม เตี่ยเห็นอาหวานเฉย ๆ นะ”

“เตี่ยรู้ได้ไงว่ายัยหวานเฉย ๆ น้องยังมาบ่นให้ขมฟังอยู่เลยว่าไม่อยากอยู่บ้าน อยากกลับไปอยู่หอพักที่มหาลัยตามเดิม”

คำของบุตรสาวทำให้พรทวีเงียบไปพักใหญ่

“คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ ลูกบิดก็ใส่ให้แล้ว อีกอย่างคราวก่อนเราก็เล่นงานเจ้านั้นซะขวัญหนีดีฝ่อไปแล้วไม่ใช่เหรอ อย่างน้อย ๆ คนงานที่อยู่กับเราก็รู้ว่าเราทำจริง ยังจะวิตกกังวลอะไรอีกล่ะอาขม”

คำของบิดาทำเอาสุชีราหายใจเข้าออกแรงกว่าเดิม

“เตี่ย! พูดอย่างนี้เหมือนไม่รักไม่ห่วงความปลอดภัยของลูกสาวเลยนะ” หญิงสาวต่อว่าอย่างน้อยใจ ดวงตาคมเฉี่ยวดุดันเริ่มไหวระริก “ขมปกครองดูแลคนพวกนั้น ขมเหนื่อยนะคะ”

“ถ้าเหนื่อยนัก ก็วางมือแล้วโอนงานให้อาชื่นเป็นผู้ดูแลเหมือนเดิมไปสิ”

ได้ยินคำนั้นสุชีราถึงกับควันออกหู กว่าจะทำให้ลูกน้องจอมร้ายกาจของน้องพ่อยอมรับได้เลือดตาแทบกระเด็น แล้วถ้าปล่อยมือโอนถ่ายอำนาจง่าย ๆ เธอมิกลายเป็นตัวตลกให้คนงานพวกนั้นหัวเราะเล่นสนุกสนานไปเลยรึ

“ไม่ค่ะ หนูไม่มีวันยอมเด็ดขาด ถึงนายชื่นจะเป็นคนงานเก่าแก่ของเราและเป็นหัวหน้าคนงานที่ดี แต่นายชื่นยังขาดคุณสมบัติอีกหลายข้อ”

“เตี่ยไม่เห็นว่ามันจะเป็นปัญหาอะไรเลยนี่นา ตอนที่พวกหนูยังเล็กอาชื่นก็ช่วยเตี่ยทำงาน”

“นั่นมันแต่ก่อน อีกอย่างเตี่ยลงคุมคนงานด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วนะคะ นายชื่นถึงจะคุมคนงานได้ แจกจ่ายงานเป็น แต่นั่นน่ะตัวดี ชอบชวนลูกน้องกินเหล้าแล้วก็พากันเสียการเสียงาน”

“ธรรมดาน่าอาขม คนมันเหนื่อยก็ต้องมีบ้าง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel