บทที่ 8.2 มิติพฤกษาสวรรค์
“นี่บ้านของอาหงที่ท่านตาบอกเหรอ?” แม้สงสัยหากแววตากลับเป็นประกายชอบใจ
“งดงามมาก!”
“เอ๊ะ! เมื่อครู่อาหงหายตัวได้เหรอ? หมายความว่าถ้าอาหงอยู่ในมิติอาหงจะหายตัวไปที่ไหนก็ได้ใช่ไหม?” คิดแล้วพลันทดลองดูนางก็ได้คำตอบ นางสามารถหายตัวไปโผล่ยังสถานที่ที่นางต้องการภายในมิติได้จริง
สะดวกสบายมาก!
ขาน้อย ๆ ของอาหงไม่ต้องทำงานหนักแล้ว!
ทดลองความคิดของตนเองจนพอใจเว่ยซือหงตัวน้อยกลับมาสนใจทิวทัศน์หรือบ้านของนางอีกครั้ง
เบื้องหน้าของนางไม่ต่างอันใดจากเกาะระดับย่อม เพราะกลางทะเลสาบขนาดใหญ่ มีจุดที่เป็นพื้นดินไม่มากนัก และพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกครอบครองโดยต้นไม้ใหญ่ยักษ์ต้นนั้น ที่ยืนต้นโดดเด่นเป็นสง่าเพียงต้นเดียว
ใช่แล้วมิติพฤกษาสวรรค์แห่งนี้แบ่งพื้นที่เป็นผืนดินกับผืนน้ำ โดยมีทะเลสาบขนาดใหญ่ข้างหน้าเป็นตัวกลางกั้น พิศดูแล้วเว่ยซือหงคิดว่า จุดที่ต้นไม้ใหญ่ยักษ์ตั้งอยู่ จะต้องมีไอปราณหนาแน่นที่สุด ทิวทัศน์งดงามที่สุดเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีการสร้างบ้านต้นไม้ขึ้นมาบริเวณนั้นแน่นอน แม้นางจะเด็กแต่อย่าได้ดูเบาการวิเคราะห์ของนางเชียว
ตอนนี้หากนางต้องการไปยังกึ่งกลางทะเลสาบ เพื่อเข้าไปยังบ้านต้นไม้ นางสามารถไปได้สองรูปแบบ หนึ่งคือกำหนดจุดหมายและหายตัวไป สองคือเดินข้ามสะพานไม้สีขาวที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นทางเชื่อมระหว่างส่วนที่เป็นพื้นดินและส่วนที่เป็นพื้นน้ำใจกลางเกาะที่บ้านต้นไม้ตั้งอยู่
ถึงจะสามารถเดินทางได้อย่างรวดเร็ว แต่เว่ยซือหงชอบซึมซับบรรยากาศและมองรายละเอียดอย่างช้า ๆ มากกว่า ดวงตากลมไล่มองไปทีละตำแหน่งราวกับต้องการจดจำ
“โอ้... ต้นไม้บรรพกาล ไม่แปลกเลยที่จะใหญ่ยักษ์ขนาดนี้” อุทานออกมาเมื่อเนตรสวรรค์ฉายรายละเอียดให้ยลอีกครั้ง ไม่รู้ว่าก่อนจะถูกดัดแปลงให้เป็นบ้านต้นไม้ รูปลักษณ์เดิมของต้นไม้นี้ใหญ่โตเท่าใด เว่ยซือหงไม่อยากคิด
บ้านต้นไม้บรรพกาลตรงหน้าถูกดัดแปลงเป็นพื้นที่บ้านและจัดสรรปันส่วนเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ได้อย่างลงตัว แบ่งออกเป็นสี่ชั้นด้วยกัน
เริ่มจากชั้นล่างสุดถือเป็นชั้นแรก เนินดินขนาดใหญ่ถูกครอบครองโดยรากของต้นไม้ยักษ์ มีแผ่นหินเรียงรายเป็นทางเดินเล็ก ๆ มวลผกาต่างสีสันปลูกประดับไว้สองข้างทางอย่างลงตัว แอ่งวงกลมตรงกลางมีไว้สำหรับรองรับมวลน้ำที่ไหลลงมาจากชั้นสองราวกับม่านน้ำต้น ในส่วนที่เป็นชั้นนี้ ลำต้นบางส่วนของต้นไม้บรรพกาลถูกตัดแต่งคล้ายกับหินงอกหินย้อย พื้นที่ด้านขวามือมีบันไดไม้เชื่อมต่อเป็นทางขึ้นสู่ชั้นสอง
เข้าสู่ชั้นที่สอง พื้นที่ของต้นไม้ถูกดัดแปลงให้เป็นร่องน้ำขนาดเล็กโดยเอาหินก้อนเล็กก้อนใหญ่กั้นขอบด้านนอกเอาไว้ กระทั่งถึงตรงกลางพื้นที่ร่องน้ำจึงราบเรียบ เมื่อไม่มีอะไรขวางกั้นน้ำทั้งหมดจึงตกกระทบลงสู่ชั้นแรก กลายเป็นม่านน้ำตกขนาดย่อม ๆ พื้นที่ด้านซ้ายมือเต็มไปด้วยไม้ประดับ ส่วนพื้นที่ด้านขวามีบ่อน้ำเล็ก ๆ สองบ่อ พร้อมโต๊ะเก้าอี้สำหรับพักผ่อนอีกหนึ่งตัว พื้นที่ตรงกลางเหนือธารน้ำถูกจัดให้เป็นทางเดินไต่ระดับเป็นบันไดไม้ขึ้นสู่ชั้นสาม
ทันทีที่เข้าสู่ชั้นสามสิ่งแรกที่ต้องเจอคือเรือนไม้ขนาดกลาง ชานด้านนอกโล่งเตียน แต่มีกลิ่นสมุนไพรจาง ๆ กำจายออกมา เว่ยซือหงทนความอยากรู้ไม่ไหวจึงเข้าไปสำรวจ ด้านในมีแต่สมุนไพรเต็มไปหมด ทั้งสดและแห้ง รวมทั้งมีขวดโอสถถูกวางบนชั้นจำแนกเป็นประเภทต่าง ๆ ไว้ด้วย ทั้งนี้ด้านในยังมีห้องย่อยอีกห้อง เข้าไปดูพลันพบกับหม้อโอสถสำหรับปรุงยาตั้งอยู่
“อืม... มีหม้อโอสถ มีโอสถและสมุนไพร งั้นอาหงจะเรียกเรือนนี้ว่าเรือนโอสถก็แล้วกันนะ”
แล้วเสร็จจากเรือนโอสถเหลือบไปดูพื้นที่ด้านซ้ายมือของเรือนพบเห็นบ่อน้ำเล็ก ๆ หลายบ่อและมวลดอกไม้เช่นเคย เว่ยซือหงละความสนใจหันไปมองด้านขวามือบ้าง พบว่าในชั้นสามนี้มีเรือนตั้งอยู่ริมสุดของพื้นที่ด้านขวาอยู่หนึ่งหลัง หลังเข้าไปสำรวจพบว่าเป็นเรือนสำหรับพักผ่อนเฉย ๆ นอกจากนี้ก็ไม่พบเจอสิ่งใดอีก
“ดูเหมือนว่าชั้นที่สามจะมีเพียงเรือนโอสถกับเรือนพักผ่อนเท่านั้น พื้นที่ด้านซ้ายก็เป็นบ่อน้ำเล็ก ๆ หลายบ่อ ด้านขวานอกจากเรือนพักผ่อนแล้วก็ไม่มีอะไรอีก เป็นเพียงลานสีเขียวโล่ง ๆ แต่กลับสบายตายิ่ง เอาละ ไปสำรวจชั้นบนสุดกัน”
เท้าเล็ก ๆ ก้าวขึ้นบันไดไม้สู่ชั้นที่สี่หรือชั้นบนสุดช้า ๆ ทว่าขึ้นมาได้ไม่เท่าไรนางก็ชะงัก เหลียวกลับไปมองด้านหลังพบว่าเดินขึ้นมาได้แค่นิดเดียวกลับพบเรือนไม้อีกหลังอยู่เยื้องด้านขวามือติดกับบันไดไม้ขึ้นลงพอดี
“เรือนอันใด เหตุใดจะอยู่ชั้นสามก็ไม่อยู่จะอยู่ชั้นสี่ก็ไม่ใช่ ดันอยู่เยื้องของชั้นสามเท่านั้น”
พูดเสร็จก็เร่งเข้าไปสำรวจ ทันทีที่ประตูเปิดออกกลิ่นอายบัณฑิตภูมิความรู้เก่าแก่ต่าง ๆ กระจายออกมา ด้านในเต็มไปด้วยชั้นตำรามากมาย ดูไม่ธรรมดายิ่ง ตอนแรกเว่ยซือหงจะหยิบมาอ่านแต่ใจไม่สงบเอาแต่คิดถึงเรือนชั้นบนสุดอยู่เรื่อย นางจึงตัดใจจาก ‘เรือนปัญญา’ มา เรียกเช่นนี้เพราะมีตำรามากมายเกินไปทั้งยังเป็นเรือนใหญ่ไม่อาจหักใจเรียกเรือนตำราได้
เจ้าตัวน้อยวิ่งขึ้นบันไดไม้เข้าสู่ชั้นสี่อย่างกระตือรือร้น เมื่อมาถึงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้าง เรือนขนาดใหญ่มีชานเรือนกว้างขวาง และมีโต๊ะเก้าอี้จัดเข้ามุมไว้อย่างเหมาะสม นางสามารถยืนหรือนั่งดูทิวทัศน์และจิบชาชื่นชมธรรมชาติตรงนี้ได้ รับรองว่าไม่ร้อนแน่นอน เพราะยอดต้นไม้ยักษ์บรรพกาลต้นนี้แผ่กิ่งก้านสาขาใบดกปกคลุมแทบจะทั่วพื้นที่เลยทีเดียว ทว่าไม่อึดอัดแม้แต่น้อยเพราะปลายยอดสูงขึ้นไปทำให้ดูโล่งกว้างมากยิ่งขึ้น
ไหน ๆ ก็ขึ้นมาชั้นบนสุดแล้วขอชื่นชมความงามเสียหน่อยเถอะ