บทที่ 5.1 ผักสดนั้นหายาก
7 ปีผันผ่านอย่างรวดเร็วราวสายน้ำไหล ทารกน้อยผู้เปรียบดั่งแก้วตาดวงใจของคนทั้งตระกูลได้เติบโตมาเป็นอย่างดี นางได้รับความรักจนล้นปรี่เพราะเป็นน้องสาว ลูกสาว และหลานสาวเพียงคนเดียวของตระกูลเว่ย
เว่ยซือหงเปรียบเสมือนศูนย์รวมความรักของคนในตระกูล ด้วยความน่ารักน่าเอ็นดูทั้งยังรู้ความ นอกจากได้รับความรักจากทุกคนอย่างเต็มที่แล้ว นางยังถูกตามใจค่อนข้างมาก กระนั้นเด็กน้อยแก้มกลมก็ไม่ได้กลายเป็นเด็กเกเรแต่อย่างใด
วันนี้เป็นวันที่สมาชิกทั้งเจ็ดของตระกูลเว่ยรวมตัวกันที่เรือนหลักเพื่อรับอาหารพร้อมกันอันประกอบไปด้วย
ท่านปู่เว่ยซือหลิว อายุ 57 ปี ท่านย่าหลินซือเหยา อายุ 52 ปี ท่านพ่อเว่ยซือซาน อายุ 35 ปี ท่านแม่หลิวลี่หง อายุ 33 ปี พี่ใหญ่เว่ยซือหลางอายุ 17 ปี พี่รองเว่ยซือเหลียง อายุ 14 ปี และก้อนแป้งน้อยเว่ยซือหง ที่พรุ่งนี้ก็มีอายุครบ 7 หนาวแล้ว
บรรยากาศที่ควรจะเต็มไปด้วยความชื่นมื่น กลับมีความเสียใจและรู้สึกผิดอยู่เจือจาง ยิ่งมองเด็กน้อยอันเป็นที่รักของพวกเขา ความรู้สึกผิดยิ่งพุ่งทะยาน
ตระกูลเว่ยเป็นตระกูลแม่ทัพที่มีประวัติยาวนานมานับร้อย ๆ ปี ทรัพย์สมบัติที่ตระกูลสะสมมาเนิ่นนานสืบทอดกันจากรุ่นสู่รุ่นนับว่ามากมายมหาศาล ถือเป็นตระกูลมั่งคั่งอันดับต้น ๆ ของแคว้นโจว เป็นรองเพียงราชวงศ์เท่านั้น แต่ถึงจะมีเงินทองมากมายเพียงไร ยามนี้กลับไม่มีค่า เพราะเพียงแค่ผักสด ๆ สักต้นยังซื้อหามาขึ้นโต๊ะไม่ได้
คนที่มีวัยวุฒิมากกว่าได้แต่ลอบถอนหายใจอย่างเศร้า ๆ พลางลอบมองสีหน้าเจ้าตัวน้อยคนสำคัญของตระกูลไปด้วย
เด็กน้อยเว่ยซือหงกวาดตามองอาหารที่จัดวางบนโต๊ะด้วยสีหน้าไม่สู้ดี นับตั้งแต่เกิดมาจวนจะอายุ 7 หนาวในวันพรุ่งนี้ นางได้กินผักสดนับครั้งได้เลย
นางเบื่อจานเนื้อพวกนี้ แม้มันจะอร่อยแต่นางก็เบื่อ มองจานผักดองที่มีอยู่น้อยนิดแล้วทอดถอนใจ รสชาติผักดองนางกินจนเอือมพอ ๆ กับเนื้อสัตว์เลยทีเดียว
นางอยากกินผักสด!
ทำอย่างไรถึงจะได้กินผักสด ๆ กันนะ?!
ใบหน้าขาวอวบแก้มกลมของเด็กน้อยเริ่มเหยเก ปากเล็กเบะออกอย่างขัดใจโดยมีสายตาเห็นใจสงสารจากสมาชิกในจวนมองมา พวกเขาต่างรู้สึกผิดที่ไม่สามารถหาผักสดมาให้เด็กน้อยกินได้ ผู้คนในจวนตระกูลเว่ยนี้มีใครไม่รู้บ้างว่าคุณหนูของจวนอันเป็นแก้วตาดวงใจของครอบครัวชอบกินผักสดขนาดไหน
แต่ต่อให้อยากมีผักสดให้เจ้าตัวเล็กกินเพียงไรมันก็หาไม่ง่ายเลย ต่อให้ทุ่มเงินไปนับพันนับหมื่นตำลึงก็ไม่มีผักสดให้เจ้าตัวน้อยกินแล้ว มีเพียงผักดองที่พอจะแย่งซื้อมาได้เท่านั้น ส่วนผักสดที่ก้อนแป้งน้อยจะได้กินก็ต่อเมื่อท่านพ่อหรือพี่ใหญ่ของนางเข้าป่าไปหามาให้นั่นแหละ
เว่ยซือหงเองรับรู้ความลำบากของครอบครัว นางจึงไม่เรื่องมากต่อการกินนัก แต่นางไม่ได้กินผักสดมานานแล้ว ยามนี้จึงควบคุมอารมณ์และรักษาสีหน้าตัวเองไม่ได้
อย่าลืมว่านางยังเด็ก!
“หงเอ๋อร์ทนกินไปก่อนนะลูก เดี๋ยวเข้าป่าครั้งหน้าพ่อจะพยายามหาผักป่ามาให้เจ้านะ”
คิ้วของเจ้าตัวน้อยขมวดยุ่งเมื่อได้ยินคำพูดของท่านพ่อ ดวงตากลมโตเป็นประกายแวววาวเงยหน้ามองบิดาอย่างสงสัยพลางถาม “ผักสดที่อาหงได้กินท่านพ่อต้องเข้าไปหามาจากในป่าตลอดเลยหรือเจ้าคะ”
พลันนั้นบิดาอย่างเว่ยซือซานรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ยิ่งดวงตากลมโตใสแจ๋วที่มองมายังเขาอย่างต้องการคำตอบด้วยแล้ว แม่ทัพใหญ่เริ่มร้อนรนทำตัวไม่ถูก
ดวงตาของก้อนแป้งน้อยเว่ยซือหงหม่นแสง เห็นท่าทางของบิดาและคนอื่น ๆ ในครอบครัวนางก็คาดเดาคำตอบได้แล้ว ถึงนางจะเด็ก แต่นางเป็นเด็กที่ฉลาดมากนะบอกเลย
ทั่วใต้หล้านี้มีเด็กบ้านใดพูดจารู้เรื่องตั้งแต่อายุ 2 หนาวบ้าง มีเด็กบ้านใดมองเห็นสิ่งแปลก ๆ อย่างนางบ้าง?
สิ่งแปลก ๆ ที่ว่าก็อย่างเช่น เมื่อนางจับจ้องไปยังสิ่งใดสิ่งหนึ่ง รายละเอียดสิ่งนั้นจะปรากฏให้นางเห็นเสมอ ตัวอย่างก็แหวนทองบนนิ้วมือของท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ และท่านพี่ทั้งสองของนางอย่างไรเล่า
แหวนมิติระดับกลาง มีพื้นที่ 1 หมู่ สามารถกักเก็บสิ่งของได้จำกัด
ไม่เพียงเท่านั้นนะ นางยังสามารถมองเห็นแสงเเปลก ๆ บนร่างคนด้วย ใช่แล้ว แสงที่แผ่ออกมาจากร่างคน บ้างสีดำ บ้างสีขาว บ้างก็สีเทา นางไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้เรียกว่าอะไร นางรู้แค่นางไม่เหมือนเด็กคนอื่น
ตกกลางคืนที่บิดามารดาหลับแล้วมักมีผู้เฒ่าเคราขาวมาเล่นกับนางเสมอ ผู้เฒ่าคนนี้แปลกนัก ชอบมาตอนที่คนในจวนหลับแล้ว แต่ไม่เป็นไร นางชอบ เพราะผู้เฒ่ามาทีไรมักมีผลไม้แปลก ๆ มาให้นางกินอยู่เสมอ ซึ่งมารู้ในภายหลังที่เริ่มเรียนรู้อ่านเขียนว่า มันเป็นผลน้ำนม เมื่อทารกได้กินเข้าไปจะอิ่มนานและทำให้สุขภาพดี มิน่า ที่นางไม่เคยร้องกลางดึกที่แท้ไม่ใช่นางที่รู้ความเร็ว หากเป็นเพราะนางอิ่มจากผลน้ำนมนั่นต่างหาก!
เฮ้อ พูดไปแล้วก็คิดถึง ตั้งแต่นางเริ่มพูดได้ ผู้เฒ่าคนนั้นก็ไม่มาหานางอีกเลย บอกแต่ว่าให้นางใช้ชีวิตให้ดี
เอาละกลับมาที่ปัจจุบันก่อน เด็กน้อยเงยหน้าสบสายตากับบิดาอีกครั้งพลางพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคงถ้อยคำจริงจัง “อาหงไม่กินผักสดแล้วก็ได้เจ้าค่ะ ท่านพ่ออย่าเข้าป่าอีกเลยนะเจ้าคะ หลายวันก่อนอาหงแอบได้ยินพวกบ่าวรับใช้คุยกันว่า มีชาวบ้านเข้าไปหาของป่าแล้วเกิดได้รับอันตราย เป็นตายอย่างไรก็สุดรู้”