1
รถยนต์คันใหญ่เบรกกะทันหันเมื่อเห็นว่าข้างทางมีคนโดนฉุด
“ลงไปช่วยเร็วทิว ผู้หญิงกำลังโดนฉุด” ธารเอ่ยบอกหลานชาย ทิวเขากับลูกน้องลงไปช่วยจัดการกับกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนที่กำลังรุมฉุดสองแม่ลูกอยู่
“กรี๊ด!!! ช่วยด้วย” มะลิกรีดร้องเมื่อกำลังจะโดนลากเข้าป่า ส่วนบุตรสาววัยสิบสองนามว่าหนึ่งธิดาก็โดนลากไปอีกทาง
หลังจากสามีเสียชีวิต เธอก็ตกงานไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท จึงระเหเร่ร่อนหางานทำไปทั่ว เคราะห์ร้ายมาเจอกับทรชนเข้า พวกมันเห็นว่าสองแม่ลูกหน้าตาดีเลยคิดจะฉุดคร่าไปข่มขืนกระทำชำเรา
ทิวเขาจัดการเตะมันจนสลบเหมือด ก่อนจะเข้าไปช่วยเด็กน้อยเอาไว้
“กลัวแล้วอย่าทำหนู หนูกลัวแล้ว” หนึ่งธิดากรีดร้องออกมาเมื่อมีมือของใครคนหนึ่งจับตัวของเธอเอาไว้ เธอได้แต่หลับตาหนีเพราะหวาดกลัวจับใจ
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ฉันมาช่วยเธอแล้ว”
ธารโทร. แจ้งตำรวจ ไม่นานตำรวจก็มาจัดการรวบตัวทรชนพวกนั้นไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ เธอกับลูกปลอดภัยแล้วล่ะ” ธารเอ่ยบอกสองแม่ลูก โล่งใจที่ทั้งสองไม่เป็นอะไรมาก
“ดิฉันกับลูกกราบขอบพระคุณคุณมากๆ นะคะที่ช่วยดิฉันกับลูกเอาไว้ พวกคุณคือผู้มีพระคุณของเราสองคนแม่ลูก”
“ไม่เป็นไรหรอก แล้วเธอกับลูกจะไปไหนล่ะนี่ ทำไมถึงโดนทำร้ายเอาระหว่างทางได้”
“พวกเราสองคนไม่มีที่ไปค่ะ สามีของดิฉันเพิ่งเสียชีวิต แล้วดิฉันก็ตกงานอีก”
“น่าสงสารจัง ทำอะไรเป็นบ้างล่ะ ไปทำงานกับฉันไหมล่ะ”
“ดิฉันทำอาหารและงานบ้านได้ทุกอย่างค่ะ เมื่อก่อนเคยช่วยเขาทำงานในห้องครัวของร้านอาหารน่ะค่ะ”
“ดีเลย ที่บ้านกำลังขาดคน อยากได้แม่ครัวมาช่วยทำอาหารอยู่พอดี เธอกับลูกชื่ออะไรล่ะ”
“ดิฉันชื่อมะลิค่ะ ส่วนนี่ลูกสาวของดิฉันชื่อหนึ่งธิดาค่ะ”
“ถ้าไม่มีที่ไปก็ไปอยู่ด้วยกันนะ” ธารเอ่ยบอกสองแม่ลูกด้วยความเมตตามาปรานี ด้วยรู้สึกถูกชะตายิ่งนัก แล้วท่านก็มองคนไม่ผิดจริง ๆ เพราะมะลิทำงานบ้านได้เป็นอย่างดี แถมยังทำอาหารอร่อยอีกด้วย ส่วนหนึ่งธิดานั้นช่วยงานบ้านทุกอย่างอย่างไม่เกี่ยงงอน
“คุณท่านกับคุณทิวมีบุญคุณกับเรามาก ไม่ว่าหนทางไหนที่จะตอบแทนบุญคุณได้ เราต้องทำในทันทีเลยนะลูก” มะลิสอนบุตรสาว
“จ้ะแม่ หนูจะตอบแทนบุญคุณคุณท่านกับคุณทิวทุกอย่างเลยจ้ะ ไม่ว่าจะไปบุกน้ำลุยไฟที่ไหน หนูก็จะทำค่ะ เพราะพวกเขาช่วยเหลือเราเอาไว้ ถ้าไม่มีพวกเขา พวกเราคงแย่”
“ใช่จ้ะ เราสองแม่ลูกคงจะตายไปแล้ว” มะลิลูบศีรษะบุตรสาวไปมา พลางเอ่ยสอนให้ลูกเป็นคนกตัญญูรู้คุณคน
หนึ่งธิดาเฝ้ามองทิวเขาด้วยความชื่นชมมาตลอดหลายปี ยิ่งเจริญวัยขึ้น เธอก็ยิ่งตกหลุมรักเขา ทิวเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเหลือเธอกับแม่เอาไว้ ถ้าไม่มีเขากับธาร ป่านนี้เธอกับแม่คงตายไปแล้ว บุญคุณใหญ่หลวงนี้เธอไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน
เธอมักเรียนทำอาหารแปลกๆ ใหม่ๆ จากโซเชียล แล้วนำไปให้ธารและทิวเขาลองชิมอยู่เสมอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก... เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้คนด้านในเอ่ยอนุญาต
“อ้าว... หนึ่ง มีอะไรเหรอ”
“วันนี้หนึ่งทำอาหารอร่อยๆ มาให้คุณทิวค่ะ มีของว่างยามบ่ายด้วยนะคะ”
“ใครมาคะทิว” เพียงฟ้าเดินออกมาจากห้องด้านใน ทำให้หนึ่งธิดาชะงัก เธอพอรู้ข่าวว่าเขาคบหากับเพียงฟ้าอยู่
“หนึ่งเอาของกินมาส่งตอนกลางวันน่ะครับ เขาทำอาหารอร่อยมากนะ แม่เขาก็ทำอาหารอร่อย” ทิวเขาเอ่ยชม
“ขอบใจนะ หนึ่งที่เป็นลูกคนใช้ในบ้านทิวใช่ไหมคะ” คนพูดโน้มตัวเข้าไปกอดคอหนาด้วยท่าทีสนิทสนม
“ใช่ครับ”
“เอากับข้าวมาส่งแล้วก็กลับไปได้แล้วจ้ะ ทางนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง” หนึ่งธิดารู้ว่าโดนไล่ทางอ้อมเธอจึงขอตัวจากมา
การคบหาของทิวเขากับเพียงฟ้าเป็นที่รับรู้ของคนรอบข้าง ทิวเขาทุ่มเททุกอย่างให้เพียงฟ้า ในขณะที่เพียงฟ้ามีแต่เป็นฝ่ายรับ และวันที่ฟ้าถล่มก็มาถึง เมื่อเพียงฟ้าสลัดทิวเขาทิ้งอย่างไม่ไยดี โผไปหาชื่อเสียงเงินทองและคู่ควงคนใหม่
หนึ่งธิดาได้แต่เฝ้ามองความเสียใจของเจ้านายหนุ่ม เธอเองก็ไม่รู้จะทำเช่นไรเหมือนกัน
ธารทอดสายตามองหลานชายก่อนจะถอนใจอย่างหนักหน่วง ทิวเขาทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง เมื่ออกหักจากเพียงฟ้า ดาราสาวชื่อดังที่คบหากันมานาน
แค่ดูแว็บเดียวก็รู้ว่าเพียงฟ้าไม่มีทางทิ้งอาชีพดารานางแบบที่กำลังรุ่งมาอยู่ในสวนในไร่เช่นนี้แน่ ๆ แต่ทิวเขาก็ยังมั่นใจว่าเพียงฟ้ารักตนจริง เลยต้องเสียใจขนาดนี้
หลังจากหลานชายทำงานจนเหน็ดเหนื่อย ก็มีเหล้าเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อน ข้าวปลาแทบไม่แตะ ทิวเขาหันมาดื่มเหล้าทุกวันจนนางรู้สึกเป็นกังวลอย่างที่สุด
“คุณท่านคะ” เสียงเรียกของมะลิ ทำให้ธารหลุดจากภวังค์ความคิดอันแสนวุ่นวายใจของตัวเอง
“มะลิมีอะไรหรือจ๊ะ”
“จะถามว่าอาหารเย็นนี้จะเพิ่มเติมอะไรอีกไหมคะ” มะลิเอ่ยถามอย่างอ่อนน้อม นางเป็นหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาที่มีชีวิตลำบากยากเข็ญ เมื่อมีที่พึ่งพิงที่ดีก็อยากที่จะตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณให้ดีที่สุด
มะลินึกย้อนไปถึงอดีตเมื่อหลายปีก่อน ในตอนนั้นหนึ่งธิดาลูกสาวคนเดียวของเธออายุได้เพียงสิบสองขวบเท่านั้น ถ้าโดนข่มขืนขึ้นมา เธอไม่อยากคิดเลยว่าลูกจะมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ได้อย่างไรกัน
ธารกับทิวเขาช่วยเหลือเธอกับลูกเอาไว้ เห็นว่าไม่มีที่ไปจึงรับมาอยู่ด้วยกันที่ไร่ โดยให้ทำงานในบ้าน เธอมีที่อยู่ ที่กิน มีงานทำ มีเงินส่งเสียหนึ่งธิดาให้ได้เรียนก็เพราะบุญคุณของธาร จนตอนนี้หนึ่งธิดาอายุยี่สิบปีบริบูรณ์ เรียนจบปวส. ในสายวิชาชีพ กำลังจะเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เพื่อเรียนให้จบปริญญาตรี
“กินไม่ลง” ธารโบกไม้โบกมือไปมา ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาว พลางกุมขมับ
“คุณท่านเป็นอะไรคะ”
“ก็หลานชายของฉันน่ะสิมะลิ” ธารระบายความอัดอั้นตันใจออกมาให้สาวใช้คนสนิทได้รับรู้
"มีอะไรที่พอจะให้มะลิกับลูกช่วยก็บอกได้เลยนะคะ พูดถึงก็มาพอดีเลย วันนี้หนึ่งธิดาเรียนจบแล้วนะคะ เข้ามากราบขอบพระคุณคุณท่านเสียสิลูก” หนึ่งธิดาที่อยู่ในชุดของนักศึกษาวิทยาลัยคลานเข่าเข้ามากราบแทบเท้าของธาร
“ปีนี้หนูอายุยี่สิบแล้วเหรอ เร็วเหลือเกินนะ ตอนนั้นยังเป็นแค่เด็กตัวกระเปี๊ยกอยู่เลย” ธารเชยคางสาวให้แหงนขึ้นมาพิศมอง ดวงหน้าผุดผ่องงดงามนั้นทำให้ท่านยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู
“โตขึ้น สวยน่ารัก เป็นเด็กดี เรียบร้อย แถมยังขยันเรียนอีกด้วย เธอโชคดีมากนะมะลิที่มีลูกสาวดีแบบนี้” ธารมองแล้วมองอีกก็ให้รู้สึกชอบใจหนึ่งธิดายิ่งนัก
“เพราะคุณท่านเมตตามะลิกับลูก พระคุณของคุณท่านทดแทนยังไงก็ไม่หมดค่ะ ทั้งช่วยชีวิตเอาไว้ ทั้งยังให้ที่อยู่ที่กิน ให้งานทำ ส่งเสียให้หนึ่งธิดาเรียนอีก มีอะไรที่เราสองคนแม่ลูกจะทำให้คุณท่านได้ ขอให้คุณท่านสั่งมาได้เลยนะคะ มะลิกับลูกยินดีที่จะทำทุกอย่างเลยค่ะ”
“จริง ๆ เหรอ” ธารเอ่ยถาม ในหัวแว็บบางอย่างขึ้นมาอย่างไม่เคยคิดมาก่อน พลางพิศมองหนึ่งธิดาอีกครั้งอย่างพึงพอใจ
“จริงสิคะ ส่วนเรื่องคุณทิว คุณท่านอย่ากังวลไปเลยค่ะ มะลิว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนอกหัก สักพักก็คงจะหายค่ะ ถ้าคุณทิวได้เจอผู้หญิงดี ๆ ก็คงจะมีรักครั้งใหม่ที่ดีค่ะ”
“เธอคิดแบบนั้นเหรอมะลิ” ธารหยั่งเชิงถาม
“จริง ๆ ค่ะ”
“ฉันอยากมีทายาทเอาไว้สืบสกุล ถ้าทิวเขาไม่แต่งงานมีเมีย ทรัพย์สมบัติของฉันจะยกให้ใครล่ะ เธอว่าจริงไหมมะลิ” ธารเอ่ยถามสาวใช้คนสนิท มะลิได้ฟังก็คิดในใจว่านี่คงเป็นความทุกข์ของคนรวยสินะ