8. บังเอิญ
ผ่านไปหนึ่งเดือน
“เจ้น้ำอิง วันนี้มีอะไรให้พวกเรากินบ้างเนี่ย คิดถึงอาหารอร่อยๆจะแย่อยู่แล้ว” น้ำเหนือเดินเข้ามาแล้ววางกระเป๋าลงที่ข้างโซฟา ก่อนจะนั่งลงอย่างเหนื่อยอ่อน
“ขอแบบเต็มโต๊ะเลยนะเจ้ เข้ากรมทีไร ผอมทุกที หยุดตั้งอาทิตย์กว่าขอผมกินให้อ้วนทีเถอะ” น้ำน่านเอ่ยพูดไปบ้าง ก่อนจะนั่งลงข้างๆพี่ชายฝาแฝด ก่อนจะนอนซบกันแบบเหนื่อยๆ จนอันทิกาที่อยู่ในห้องครัวถึงกับส่ายหน้ากับน้องชายทั้งสอง
“เจ้ซื้อมาเตรียมไว้ให้เราสองคนหมดแล้ว รีบมากินสิ” อันทิกาเอ่ยบอกไปก็เดินเอาอาหารไปวางบนโต๊ะ ก่อนจะกลับไปเอาน้ำและแก้วมาวางไว้ให้กับน้องชายทั้งสอง
“เจ้น้ำอิงนี่น่ารักที่สุดในโลกเลย จุ๊บ รู้ใจน้องจริงๆ” น้ำน่านเดินเข้ามากอดแล้วหอมแก้มพี่สาวอย่างขอบคุณ ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะอาหาร แล้วมองอาหารบนโต๊ะอย่างละลานตา
“ผมกินเลยนะเจ้ ไม่ไหวแล้ว” น้ำเหนือเดินเข้ามานั่งก็เอ่ยพูดบอกไปเมื่อเห็นอาหารบนโต๊ะ
“เต็มที่เลย เจ้จัดมาให้เราสองคนโดยเฉพาะเลย กินให้หมดล่ะ” อันทิกาเอ่ยบอกน้องชายเสร็จก็นั่งมองน้องชายทั้งสองทานอาหารอย่างมีความสุข เธอไม่คิดเลยว่าเด็กน้อยที่วิ่งตามเธอตอนเด็กๆจะโตเป็นหนุ่มกันขนาดนี้แล้ว
“ทำไมรอบนี้ดูคล้ำๆไปเนี่ย ฝึกหนักมากเลยเหรอ” อันทิกามองหน้าน้องชายทั้งสองคน เมื่อเห็นว่าทั้งสองผิวหมองคล้ำลงไปมาก
“โห่เจ้ เรียกว่านรกเลยแหละ ผู้พันคนใหม่ฝึกโคตรโหดเลยเจ้ นี่ถ้าใครได้ไปเป็นเมียนี่ชะตาขาดแน่ๆ ดุ เดือด โหด ขนาดนั้น” น้ำน่านพูดออกไปก็ตักข้าวเข้าปากแล้วทานอย่างเอร็ดอร่อย
“แกก็พูดเวอร์ไป ที่เขาฝึกเนี่ยก็เพราะอยากให้เรามีความอดทนเพื่อจะได้เป็นทหารดีๆรับใช้ชาติ อีกอย่างแกอย่าลืมสิว่าผู้พันเขาเคยช่วยอะไรพวกเราไว้ ใครได้เขาไปเป็นสามีสิวะ โชคดี” น้ำเหนือเอ่ยพูดบอกไป เพราะหลังจากที่ผู้พันเหมราชช่วยพวกเขาไว้ พวกเขาก็ได้ฝึกกับผู้พันเหมมาตลอด แถมบางครั้งผู้พันยังชวนพวกเขาให้ไปทานอาหารอร่อยๆที่บ้านพัก แล้วก็ยังสอนอะไรหลายๆอย่าง จนเขาอยากจะเรียนหลักสูตรท้าทายต่างๆของทหารกล้าให้เหมือนกับผู้พัน
“ดูเหมือนเราจะปลื้มผู้พันคนนี้นะน้ำเหนือ เราคงไม่ได้เป็นเกย์ใช่ไหมเนี่ย” อันทิกาพูดไปก็ยิ้ม ก่อนจะมองหน้าน้องชายที่พูดถึงนายทหารด้วยรอยยิ้มชื่นชอบ
“บ้าแล้วเจ้ ผมน่ะผู้ชายทั้งแท่ง ที่ผมชมผู้พันเขาก็เพราะว่าเขาน่ะเก่ง เจ้รู้ไหมผมนะอยากจะเป็นแบบผู้พันมากเลย เขาผ่านหลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจมหน่วยซีลอ่ะเจ้ แล้วก็เสือคาบดาบอีก แต่แค่นี้ยังไม่หมดนะ ยังมีหลักสูตรปฏิบัติการพิเศษอากาศโยธินอีกโคตรเก่งอ่ะเจ้” น้ำเหนือพูดไปด้วยความปลาบปลื้มผู้พันหนุ่ม เหมือนเขาเป็นไอดอลของเขาเลยก็ว่าได้
“แกลืมอีกอันเปล่าวะ ฉันเห็นบนไหล่ผู้พันเขามีทหารเสือราชินีอีกอันนะโว๊ย” น้ำน่านเอ่ยบอกไปแล้วยิ้มๆ เพราะเขาเองก็ไม่ต่างจากน้ำเหนือเท่าไหร่
“เออว่ะ ลืมไปเลย แต่ผู้พันเขาเก่งจริงๆนะเจ้ ผมนี่ยกเป็นไอดอลของผมเลย รอผมสองคนติดยศเมื่อไหร่ ผมจะไปเรียนหลักสูตรโหดๆพวกนี้ให้มีติดไว้บนบ่าแบบผู้พันให้ได้เลย คอยดูนะเจ้” น้ำเหนือพูดย้ำต่อไปอีก จนพี่สาวส่ายหัวแล้วยิ้มให้กับสองหนุ่ม
“จ้า แล้วเจ้จะรอดูวันนั้นของเราสองคนนะ เอาให้เก่งเหมือนผู้พันที่เราสองคนปลื้มเลยก็แล้วกัน” อันทิกาเอ่ยบอกไปก็ยิ้มให้น้องชาย
“เจ้ไม่สนบ้างเหรอ ผู้พันเขาหล่อนะ แถมยังโสดด้วย” อยู่ๆน้ำเหนือก็พูดออกมา เพราะเท่าที่เขารู้จักผู้พันมาร่วมเดือน เขาคิดว่าผู้พันเป็นคนที่ใช้ได้คนหนึ่งเลย
“แค่กๆ ไม่ดีมั้งไอ้เหนือ ผู้พันเจ้าชู้นะมึง อย่าแม้แต่จะคิด นี่เจ้เรานะ แกจะเอาไปประเคนให้ผู้พันแบบไอ้เจมส์กับไอ้คิงไม่ได้” น้ำน่านถึงกับสำลักข้าว เมื่อได้ยินพี่ชายฝาแฝดพูดออกมาแบบนั้น เขาจึงรีบเอ่ยพูดบอกไปทันที เพราะเคยฟังจากคำบอกเล่าของหมดกล้ากับจ่าย้อยแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างผู้พันจะเจ้าชู้ได้ลงคอ
“มึงก็เวอร์ไป ไอ้สองคนนั้นเอาพี่สาวมันมาวุ่นวายต่างหากเล่า อีกอย่างเจ้เราก็ยังโสด กูก็แค่ลองถามดูเล่นๆ กูไม่โง่เอาพี่สาวไปทำอะไรบ้าๆบอๆแบบนั้นหรอก แล้วกูเชื่อเลยว่าอิเจ้ไม่มีวันทำแบบนั้นแน่” น้ำเหนือเอ่ยพูดไปก็ยิ้มขำๆ เขาก็แค่ลองพูดหยั่งเชิงดูเฉยๆ
“ก็นึกว่าแกจะเอาเจ้ไปประเคนให้ผู้พันซะอีก” น้ำน่านพูดไปอย่างโล่งใจ ก่อนจะมองพี่ชายฝาแฝดอย่างจับผิด เพราะดูเหมือนน้ำเหนือจะอยากได้ผู้พันเป็นพี่เขยแบบไอ้สองคนนั้นแล้วจริงๆ
“ประเคนเหรอ หมายความว่าไง อย่าบอกนะว่าผู้พันเขามีอะไรกับพี่สาวของคิงกับเจมส์น่ะ” อันทิกาทำเสียงสูงอย่างสงสัยว่าใช่แบบที่เธอคิดหรือเปล่า
“ยังหรอกเจ้ ไอ้คิงกับไอ้เจมส์มันก็ปลื้มผู้พันเหมือนกับพวกผมนี่แหละ พวกมันเลยอยากได้ผู้พันไปเป็นพี่เขย ก็เลยไปบอกให้พี่สาวของพวกมันไปจีบผู้พันน่ะสิ พอพี่สาวพวกมันเห็นผู้พันนะเจ้ ไม่อยากจะพูดเลย ผมเป็นผู้ชายผมยังกลัวโดนรุกแบบนั้นเลย” น้ำเหนือพูดอธิบายไปก็นึกถึงตอนเช้าที่พวกพี่สาวของไอ้สองคนนั้นมารับ เพื่อจะมาดูตัวของผู้พัน แต่ดันชอบเลยจัดการแข่งกันจีบ และยื้อแย่งผู้พันจนหนีแทบไม่ทัน
“ฮ่าๆ เจ้ต้องเห็นอ่ะ โคตรฮาเลยเมื่อเช้า แต่เรื่องผู้พันเอาไว้ก่อน เจ้ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวผมกับไอ้เหนือกินเสร็จจะไปหลับต่อสักหน่อย” น้ำน่านพูดไปก็ยักคิ้วใส่พี่สาว ก่อนจะทานอาหารต่อ
ส่วนน้ำเหนือก็ทานอาหารต่อเช่นกัน เธอจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ห้อง เพื่ออาบน้ำแต่งตัวและไปประชุมในตอนบ่าย
พอบ่ายๆอันทิกาก็ต้องมาประชุมที่สายการบินไทยเอสเทริ์นแอร์ไลน์พร้อมกับภูชิตเจ้านายของเธอ โดยมีทิชากรมาด้วยเพราะเธอเป็นทั้งเพื่อนและพาร์ทเนอร์ที่ดีที่สุดของเธอ
“ฉันว่ามันแปลกๆนะแกที่อยู่ๆเขาก็มาเสนอเที่ยวบินให้พวกเรา ทั้งที่เขาให้เราแค่ไม่กี่ที่เองอ่ะ แปลกจริงๆนะแก แปลกมากด้วย” ทิชากรพูดวิเคราะห์ไป เมื่อทางสายการบินเสนอเที่ยวบินให้กับทางบริษัทของเธอมากขึ้น
“เดี๋ยวเราก็รอดูว่าเขาจะเสนออะไรมา ถ้าเราเสียเปรียบล่ะก็ แกคิดว่าคนอย่างฉันจะยอมเหรอ” อันทิกาพูดไปก็ยิ้มมุมปากอย่างรู้กัน เพราะเธอไม่มีทางยอมให้บริษัทของเธอเสียเปรียบแน่
“ยังไงก็คิดดีๆนะคุณน้ำอิง ผมจะคอยซัพพอร์ตคุณเองครับ ไม่ต้องกังวลนะครับ” ภูชิตเอ่ยพูดบอกไปก็ยิ้มให้กับอันทิกา หญิงสาวที่เขาหมายปองมานาน แต่เธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะชอบเขาเลยสักนิด จนเขาเริ่มจะใจอ่อนยอมแพ้ลงไปทุกที
“อุ้ย ลืมแฟ้มงานไว้ที่รถอ่ะ เดี๋ยวน้ำอิงลงไปเอาแปปนะคะ คุณภูชิตกับฝ้ายเข้าไปก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวน้ำอิงตามไป” อันทิกาเอ่ยพูดไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมแฟ้มเอกสารอีกอันไว้หลังรถ เธอจึงต้องรีบกลับไปเอา
“โอเคๆ งั้นรีบๆมานะแก อีกสามสิบนาที” ทิชากรมองนาฬิกาแล้วก็เอ่ยบอกเพื่อนสาวไป เมื่อยังพอมีเวลาอยู่เพราะยังไม่ถึงเวลานัดเนื่องจากพวกเธอมาก่อนเวลา
“โอเค ฝากด้วยนะฝ้าย” อันทิกาพูดจบก็รีบเดินกลับไปที่ลิฟท์ ก่อนจะลงไปชั้งล่างสุดแล้วไปเอาเอกสารที่รถ แล้วจากนั้นเธอก็รีบเดินกลับมาเพื่อจะขึ้นลิฟต์อีกครั้ง
“รอด้วยค่ะ รอด้วยค่ะ” อันทิการีบวิ่งเข้ามาในลิฟต์ที่กำลังเปิดอีกครั้งตามคำขอของเธอ ก่อนจะรีบเข้ามาแล้วก็ต้องอึ้ง เมื่อเจอกับหนุ่มหล่อในชุดทหารสีน้ำเงินแบบเดียวกับน้องชายของเธอแบบเท่ห์ๆ แล้วตอนนี้เธอยังชิดกับเขาแบบใกล้สุดๆ เพราะในลิฟต์มีคนเกือบเต็ม
ด้านเหมราชก็อึ้งไม่ต่างกันที่ได้เจอผู้หญิงที่เข้ามาช่วยเขาตอนที่เขาปลอมตัวที่สนามบินเมื่อเดือนก่อน เขายังจำใบหน้าสวยนี้ได้แม่น เพราะเธอดูแตกต่างจากผู้หญิงที่เขาเจอส่วนใหญ่ และวันนี้เขาก็คิดไว้แล้วว่าต้องได้พบเธอตามที่เขาสั่งจักรพงศ์ไปครั้งก่อน ว่าการประชุมนี้จะต้องมีผู้หญิงคนนี้เข้าประชุมด้วย แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะได้เจอเธอเร็วขนาดนี้
“อุ้ย ขอโทษค่ะ” อันทิกาพูดไปก็กลืนน้ำลายลงคออย่างเกร็งๆ เมื่อคนในลิฟต์ชนเธอจนเซไปหาอกแกร่งของเขา ให้ตายเถอะเกิดมาจนอายุยี่สิบเจ็ดปี เธอเคยแต่หักอกผู้ชายทิ้ง ไม่คิดเลยว่าตอนนี้เธอกำลังใจเต้นรัวเพราะนายทหารหล่อคนนี้ อันทิกาคิดในใจไปก็เงยหน้ามองเขาก่อนจะเห็นใบหน้าหล่ออย่างชัดเจน
“ไม่เป็นไรครับ” เหมราชพูดบอกไปก็ก้มหน้ามายิ้มให้หญิงสาว ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นให้เป็นปกติ แล้วปล่อยให้หญิงสาวสำรวจใบหน้าของเขาอย่างชอบใจ พอคนในลิฟต์เริ่มทยอยออกไป ก็เหลือแต่เขาและเธอสองคน เพราะต้องไปชั้นบนสุดของตึกนี้
อันทิกาก็ทำตัวปกติและพยายามเกร็งตัวไว้ ก่อนจะสะดุ้งตัวอย่างตกใจเมื่อมีโทรศัพท์โทรเข้ามาหาเธอ
“กริ้งๆ กริ้งๆ” อันทิการีบหยิบขึ้นมา หน้าจอก็โชว์ว่าที่รักหนึ่ง อันทิการีบกดรับทันทีเพราะมันคือพี่ชายของเธอ
“ค่ะเฮีย น้ำอิงว่าจะโทรหาเฮียพอดีเลย ทำไมเงียบไปล่ะค่ะช่วงนี้ ติดงานหรือว่าสาวๆกันแน่คะ” อันทิกากดรับสายก็ทำเสียงอ้อนใส่โทรศัพท์ทันที เพราะเธอไม่อยากให้หนุ่มคนนี้คิดว่าเธอสนใจเขา ทั้งที่จริงก็นิดนึง
“หึ” เหมราชแสยะยิ้มมุมปากอย่างพลาดท่า ที่หลงคิดว่าเธอน่าจะยังโสด แต่เท่าที่ดูชื่อหน้าจอโทรศัพท์ของเธอที่โทรเข้ามาแล้ว มันก็ทำให้เขาคิดได้อย่างเดียว ว่าเธอน่ะมีแฟนแล้ว ยิ่งเธอพูดว่าเฮียอีก มันก็ยิ่งทำให้เขาคิดว่าเธออาจจะเป็นเด็กเสี่ยก็ได้ สวยๆแบบนี้ไม่น่าเลย เหมราชคิดในใจอย่างเสียดาย
“วันนี้น้ำอิงมีประชุมน่ะค่ะ ไว้เย็นนี้น้ำอิงโทรหานะคะ จะได้คุยกับสองแสบด้วย พึ่งกลับมาจากโรงเรียนพอดี ไม่รู้ป่านนี้จะซนหรือเปล่า” อันทิกาเอ่ยพูดถึงน้องชายทั้งสอง แต่มันกลับทำให้เหมราชยักคิ้วสงสัย เมื่อเธอพูดราวกับว่ามีลูกๆรออยู่ที่บ้าน เหมราชก็ฟังอย่างตั้งใจ
“มีลูกแล้วเหรอวะ เฮ้อ เสียดายชิบ” เหมราชคิดในใจอย่างเสียดาย ก่อนจะทำได้แต่มองเธอจากด้านหลัง
“ค่ะ เฮียไม่ต้องห่วงหรอก น้ำอิงดูแลตัวเองแล้วก็สองแสบดีอยู่แล้ว เฮียรีบๆกลับมาก็พอค่ะ น้ำอิงกับสองแสบคิดถึงเฮียมากๆเลย” น้ำอิงเอ่ยพูดต่อไป จนกระทั่งลิฟต์เปิดออกเธอก็เดินออกไปแต่อยู่ๆส้นเท้าของเธอมันดันหลุดลงไปในช่องขอบลิฟต์ จนเธอเดินต่อไม่ได้