3. ฉันจะจับเขา
“โยขอโทษค่ะ โยจะไม่พูดแบบนี้อีก ต่อนะคะ” โยสิตาที่ยังไม่ถึงสวรรค์ร้องบอกไป เพราะเธอเคยพูดแบบนี้ แล้วเขาก็หมดอารมณ์กับเธอไป แต่ครั้งนี้เธอพลาดเองที่เผลอพูดแบบนั้นออกไป
“เฮ้อ พอแค่นี้แหละ กลับไปได้แล้ว ผมจะพัก” เหมราชเอ่ยบอกไปก็เดินเปลือยท่อนล่างเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง แล้วปล่อยให้นางแบบสาวยืนมองอย่างขัดใจ
“คิดว่าคนอย่างโยสิตาจะยอมแพ้ง่ายๆงั้นเหรอ ไม่มีทาง” โยสิตาพูดไปก็หยิบกล่องเก็บอสุจิที่เธอเตรียมมาใส่น้ำเชื้อของเขาออกมา แล้วเธอก็ไปหยิบถุงยางอนามัยของเขาที่เต็มไปด้วยน้ำเชื้อมาเก็บใส่ในหลอดที่หมอให้เธอมา จากนั้นก็เอามันไปเก็บไว้ในกล่องเพื่อรักษาอุณหภูมิของอสุจิที่เธอพึ่งได้มา ไม่ให้มันตายไปก่อนที่เธอจะได้ทำการผสมเทียม
“คุณพลาดแล้วล่ะ คุณเหมราช” โยสิตาพูดไปก็เก็บกล่องใส่กระเป๋า แล้วเธอก็แต่งตัวจนเรียบร้อย เธอก็กลับไปทันที เพราะเหมราชคงไม่ยอมให้เธอนอนค้างด้วยอยู่แล้ว
เช้าวันใหม่
อันทิกาต้องไปส่งน้องชายทั้งสองคนเข้ากรม เธอจึงแวะไปรับทิชากรที่บ้านเพื่อพากันไปตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งเธอจะต้องตรวจภายในเพื่อเช็คมะเร็งปากมดลูก จากนั้นก็ขับรถไปส่งน้องชายต่อ
“ตั้งใจนะน้ำเหนือ น้ำน่าน เดี๋ยวก็จะจบแล้ว” อันทิการเอ่ยบอกน้องชาย เมื่อเธอมาจอดที่หน้าโรงเรียนทหารอากาศแล้ว
“ครับเจ้ ผมสองคนสัญญาว่าเราจะเรียนให้จบหลักสูตร จะไม่ทำให้เจ้ผิดหวังแน่นอนครับ เจ้ฝ้าย ฝากดูแลเจ้ผมด้วยนะ อย่าพากันเที่ยวบ่อยๆล่ะ” น้ำเหนือเอ่ยบอกพี่สาวไปก็หันไปบอกเพื่อนของพี่สาวที่เขารู้จักมานาน
“เจ้าค่ะคุณน้ำเหนือ ดิฉันจะดูแลพี่สาวของคุณอย่างดีเลยค่ะ” ทิชากรเอ่ยพูดประชดออกไป เพราะสองแฝดหวงพี่สาวยิ่งกว่าอะไร แต่ก็ยังน้อยกว่านาบุญพี่ชายคนโตของทั้งสาม ที่หวงอันทิกาจนเพื่อนสาวของเธอแทบจะไม่ได้ออกไปเที่ยวเลยด้วยซ้ำ
“งั้นผมสองคนไปละเจ้ ดูแลตัวเองด้วยนะครับ สวัสดีครับ” น้ำน่านเอ่ยบอกพี่สาวไปก็ยิ้มให้ทั้งสอง ก่อนจะลงรถไปโดยมีน้ำเหนือลงตามไปด้วย
ส่วนอันทิกาก็มองน้องชายเดินเข้าไปในกรมทหารด้วยสายตาห่วงใย ก่อนจะขับรถออกไปเพื่อมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาล
ด้านโยสิตาก็มาโรงพยาบาลเพื่อมาหาหมอสูตินารีที่เป็นญาติกับเธอ เพื่อให้เขาช่วยเธอทำการผสมเทียมกับน้ำเชื้อของเหมราชที่เธอเก็บมาเมื่อคืนอย่างสดๆร้อนๆ
“นี่นายเขต แกต้องช่วยฉันนะ ไม่งั้นฉันจะบอกพ่อฉันว่าแกลืมบุญคุณที่ท่านส่งเสียแกจนเรียนจบได้ดิบได้ดีแบบนี้ ถ้าแกไม่ช่วยฉัน ฉันจะฟ้องพ่อฉันให้มาด่าแกถึงนี่เลย” โยสิตาขู่ญาติหนุ่มไป จนหมอหนุ่มทำหน้าเสีย และไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังมีหมอสาวที่เป็นรุ่นพี่ของเขากำลังมาหาเพื่อชวนไปทานข้าว กำลังแอบฟังอยู่หน้าห้อง
“แต่มันผิดจรรยาบรรณของแพทย์นะพี่โย ผมไม่อยากทำเลย เรื่องแบบนี้ผู้ชายเขาต้องพร้อมใจที่จะทำสิ ไม่ใช่พี่มาแอบทำแบบนี้” เขตแดนเอ่ยบอกลูกพี่ลูกน้องสาวอย่างไม่ต้องการที่จะทำเรื่องผิดศิลธรรมแบบนี้
“นั่นมันเรื่องของฉัน แกน่ะมีหน้าที่ทำให้ฉันท้องเพราะไอ้น้ำเชื้อหลอดนี้ก็พอ เข้าใจไหม ไม่ต้องมาพูดพ่ามอะไรทั้งนั้น แล้วถ้าแกไม่ทำ ฉันจะให้พ่อฉันไปทำโรงงานของแม่แกให้พังไปเลย” โยสิตาพูดบอกไป เพราะก่อนหน้านี้เธอก็มาปรึกษากับเขตแดนแล้วว่าต้องทำยังไงบ้าง เพื่อไม่ให้น้ำอสุจิตายก่อนที่จะมาถึงที่นี่ และเธอก็รักษามันอย่างดีด้วย
ม่านฟ้าแอบฟังทั้งสองคุยกันก็ตกใจ เพราะไม่คิดว่าพี่สาวของหมอเขตแดนจะมาข่มขู่ให้น้องชายทำอะไรแบบนี้ให้ และเธอก็ไม่ต้องการให้รุ่นน้องของเธอทำอะไรที่มันผิดจรรยาบรรณของแพทย์ด้วย ไม่สงสารเด็กที่จะเกิดมาหรือไงนะ ม่านฟ้าคิดไปอย่างสงสารเด็กที่จะเกิดมาจากผู้หญิงคนนี้ เธอไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการท้องกับสามีของเธอหรืออะไร แต่มันก็ไม่ควรทำโดยที่ฝ่ายชายไม่รับรู้ มันถือว่าผิดทั้งจรรยาบรรณแพทย์และผิดกฎหมายของไทย
“แล้วนี่เป็นน้ำเชื้อของใคร” เขตแดนเอ่ยถามออกไปอย่างอยากรู้ อย่างน้อยเขาก็ควรรู้ว่าผู้ชายคนไหนกำลังจะเป็นเป้าหมายของโยสิตา
“ของคุณเหมราช ที่เป็นทายาทของสายการบินน่ะ ฉันต้องการจะจับเขาทำผัว ทีนี้แกจะทำให้ฉันท้องกับเขาด้วยน้ำเชื้อนี่ได้รึยัง” โยสิตาพูดไปก็ชูกล่องที่เก็บหลอดอสุจิของเหมราชไว้
“น้ำเชื้อของเหมงั้นเหรอ ตายล่ะ” ม่านฟ้าอึ้งเป็นรอบที่สองเมื่อได้ยินชื่อของเพื่อนหนุ่มที่คบกันมาตั้งแต่เด็กๆ
เธอมั่นใจว่าคนที่หญิงสาวบอกนั้นจะต้องเป็นเพื่อนของเธอแน่นอน เพราะทายาทเจ้าของสายการบิน มันก็คือเหมราชชัดๆ ไม่ได้การล่ะ เธอจะต้องทำลายแผนการของผู้หญิงคนนี้ซะแล้ว ไม่งั้นเพื่อนของเธอคงได้เดือดร้อนแน่ๆที่ต้องกลายเป็นคุณพ่อน่ะ
“อืม ผมจะยอมช่วยพี่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ แต่ผมขอเอาน้ำเชื้อนี่ไปตรวจก่อนนะ สักสองชั่วโมงพี่รอได้ไหมล่ะ” เขตแดนตัดสินใจเอ่ยบอกไปอย่างปลงๆ เพราะเขาไม่มีทางปฎิเสธโยสิตาได้
“อืม เดี๋ยวฉันจะออกไปทานข้าวก่อน ถ้าแกพร้อมทำให้ฉันเมื่อไหร่ก็โทรมาเรียกละกัน ฉันจะเข้ามา” โยสิตาเอ่ยบอกไปก็ลุกขึ้น ก่อนจะเดินเชิดออกไป
จนม่านฟ้าที่แอบฟังอยู่ด้านนอกรีบหลบแทบไม่ทัน พอเห็นหญิงสาวเดินออกไปจนสุดสายตา เธอก็จะเดินเข้าไปหาเขตแดนในห้อง แต่เขาก็เดินออกมาพร้อมกับกล่องเก็บอุณหภูมิเล็กๆซะก่อน
"อ่าว หมอเขต พี่จะมาชวนไปทานข้าวพอดี ไปทานข้าวเช้าด้วยกันไหม” ม่านฟ้าพูดไปอย่างเก็บอาการ ก่อนจะยิ้มหวานออกไปอย่างเนียนๆ
“อ่อ ผมต้องไปทำธุระนิดหน่อยอ่ะพี่ม่านฟ้า ไว้วันหลังนะครับ ขอตัวก่อนนะครับ” เขตแดนบอกไปก็รีบเดินตัวเกร็งออกไปทันที
ก่อนจะรีบเดินมุ่งตรงไปที่ห้องแล็บที่ตรวจสอบอสุจิ แล้วเขาก็ขอให้เพื่อนที่ทำงานในนั้นช่วยลัดคิวตรวจให้เขาก่อน จากนั้นเขาก็กลับมาทำงานต่อและรอเวลาให้เพื่อนโทรมาเรียกไปเอาน้ำอสุจิมา
“ไม่ได้การล่ะ ต้องบอกให้เหมรู้” ม่านฟ้าพูดไปก็รีบโทรหาเหมราชทันที แต่กลับติดต่อเพื่อนหนุ่มไม่ได้ ม่านฟ้าจึงคิดว่าเพื่อนหนุ่มคงจะประชุมหรือไม่ก็เข้ากรมทำหน้าที่ผู้พันสุดโหดอยู่แน่ๆ เธอจึงกลับไปคิดหาทางเพื่อเอาอสุจิของเพื่อนหนุ่มมาจากเขตแดนให้ได้
“ฮัลโหล ไตร ฉันมีเรื่องจะปรึกษาแกอ่ะ” พอมาถึงห้องทำงานของตัวเอง ม่านฟ้าก็รีบโทรหาเพื่อนหนุ่มอีกคนทันที เพราะเธอโตมาด้วยกันสามคน ยังไงไตรเทพก็ต้องให้คำปรึกษาดีๆได้
“อะไรวะม่านฟ้า โทรมาแต่เช้าเลยนะ ไม่คิดจะให้ฉันได้พักผ่อนบ้างหรือไงวะ” ไตรเทพเอ่ยบ่นเพื่อนสาวไป เพราะเมื่อคืนเขาเมาหนัก และยังไม่ได้ลุกออกไปจากที่นอนเลยด้วยซ้ำ แต่เพื่อนสาวตัวดีกลับโทรมาหาแต่เช้า
“เช้าบ้าอะไร นี่มันจะเก้าโมงแล้วนะไอ้ไตร ตอนนี้แกลุกขึ้นมาช่วยฉันคิดก่อน ว่าจะทำยังไงไม่ให้สเปิร์มของเหมไปอยู่ในท้องของผู้หญิงที่คิดจะจับเหมน่ะ” ม่านฟ้าพูดบอกไปอย่างคิดหนัก ต่างจากไตรเทพที่ลุกงัวเงียขึ้นอย่างงงๆ
“อะไรนะ ฉันงงนะม่านฟ้า เอาใหม่ดิ อธิบายช้าๆ ดีๆ” ไตรเทพพูดไปก็ตั้งใจรอฟังกับสิ่งที่เพื่อนสาวจะบอกเขาต่อจากนี้
“มีผู้หญิงเอาน้ำเชื้อหรือสเปิร์มของเหม มาให้รุ่นน้องของฉันทำการผสมเข้ากับรังไข่เพื่อให้หล่อนท้องกับเหม เขาจะท้องเพื่อจะจับเหม ฉันจะทำไงดีอ่ะไตร โทรหาเหมไม่ติดด้วย” ม่านฟ้าพูดไปอย่างรนๆ เพราะเธอไม่อยากให้เพื่อนหนุ่มโดนผู้หญิงคนนั้นทำแบบนี้
“ใจเย็นๆม่านฟ้า เดี๋ยวฉันจะไปหาเธอที่โรงพยาบาล ส่วนไอ้เหมมันเข้ากรมไปแล้วโทรไปมันก็ไม่รับหรอก ตอนนี้เธอทำยังไงก็ได้นะ ให้เอาน้ำเชื้อของไอ้เหมมาให้ได้ก่อน แล้วเดี๋ยวฉันจะรีบไปหา” ไตรเทพเอ่ยบอกไปก็กดวางสายไป ก่อนจะรีบลุกออกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำทันที
“โอ๊ย ไอ้ไตรบ้า ฉันบอกให้ช่วยคิด ยังจะมาให้ฉันหาวิธีเอาเองอีก ไอ้เพื่อนเวร” ม่านฟ้าพูดไปอย่างเครียดๆ
จากนั้นก็เดินกลับไปที่ห้องแล็บอีกครั้ง และเธอก็เข้าไปหาคนรู้จักที่ทำงานในนั้น ก่อนจะชวนเขาพูดคุย แล้วสายตาของเธอก็มองสอดส่องอย่างสังเกต แต่เธอดันไม่รู้ว่าอันไหนคือสเปิร์มของเหมราช เพราะมันมีหลอดเสียบรวมกันเป็นร้อยๆอัน เธอจึงเดินกลับออกมาตั้งหลักรอที่ด้านนอก แล้วให้พยาบาลที่เธอสนิทตามดูเขตแดนว่าเขามาที่ห้องแล็บเมื่อไหร่ให้พยาบาลโทรมาหาเธอด่วน
ด้านอันทิกาและทิชากรก็มาตรวจสุภาพทุกๆอย่างจนเสร็จ เหลือก็แต่ตรวจภายในที่ต้องมาตรวจแยกเพราะที่โรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลใหญ่ จึงแบ่งโซนออกอย่างชัดเจน พอทั้งสองเดินเข้ามาในตึกสูตินารีแพทย์ ก็เจอเด็กเล็กอยู่ในห้องของเล่นที่ทางโรงพยาบาลจัดให้
“โอ๊ยแก เด็กๆน่ารักจังเลยอ่ะ ฉันเห็นแล้วล่ะอยากจะมีลูกเลยอ่ะ ดูน้องคนนั้นสิแก ขาวมากเลยอ่ะ” ทิชากรพูดไปก็มองเด็กๆที่อยู่ในห้องอย่างชื่นชอบ
“ไม่เห็นอยากมีเลย แกดูสิ เดี๋ยวก็ร้องเดี๋ยวก็ยิ้ม แล้วกว่าจะเลี้ยงให้โตนะ นานมาก” อันทิกาพูดไปก็ทำเสียงลากยาวออกไป เพราะเธอเองก็ไม่ได้ชอบเด็กขนาดนั้น
“แกนี่มันไร้ความเป็นแม่จริงๆเลยยัยน้ำอิง ฉันล่ะไม่อยากจะคิดตอนแกมีลูกเลย มันจะเป็นยังไงกัน เฮ้อ” ทิชากรพูดไปก็ส่ายหัวใส่เพื่อนสาวอย่างปลงๆ
“จ้า อิคนมีความเป็นแม่สูง รีบๆเดินได้แล้ว เราต้องไปต่อคิวตรวจอีก” อันทิกาเอ่ยบอกเพื่อนสาวไป เพราะถึงที่นี่จะเป็นโรงพยาบาลเอกชน แต่ก็มีคนมาตรวจเยอะ และพวกเธอก็ต้องไปเข้าคิวตรวจนั่นนู้นนี่อีกเยอะกว่าจะได้พบหมอ