รำคาญ
มินตรา...
"พี่เปล่าแก้ตัวพี่แค่จะอธิบาย"
"ไม่อยากฟังจบนะ" พูดจบเขาก็ทำหน้าตึงเดินล้วงกระเป๋าหันหลังกลับออกไป ฉันทำได้แค่ถอนหายใจตามหลังก่อนจะปิดประตูห้องตัวเองแล้วเดินตามมาวินไป
ตอนนี้ฉันกับมาวินนั่งอยู่บนรถตู้เพื่อไปโรงเรียนของเขาโชคดีที่วันนี้ช่วงเช้าฉันไม่ค่อยมีเรียน ฉันคิดว่าการประชุมผู้ปกครองคงใช้เวลาไม่นานครึ่งวันคงเสร็จแต่เปล่าเลยฉันถูกอาจารย์ประจำชั้นของมาวินเรียกไปคุยเป็นการส่วนตัว จากที่ดูใบเกรดเทอมนี้ของมาวินฉันรู้ได้ทันทีว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่เพราะสีหน้าของอาจารย์ดูเอือมระอามากๆตอนมองมาที่มาวินที่นั่งเล่นเกมส์ไม่สนโลกไม่สนใจอะไรเลย ฉันเดินตามอาจารย์เข้ามาในห้องพักครูส่วนมาวินไม่ได้เข้ามาเพราะเขาต้องไปเข้าห้องเรียน
"ครูขอพูดแบบไม่อ้อมค้อมเลยนะ" อาจารย์ประจำชั้นวัยห้าสิบกว่าขยับแว่นสายตามองใบเกรดนักเรียนในมือตัวเองแล้วถอนหายใจ
"ค่ะ"
"เธอคงเห็นแล้วนะว่าผลการเรียนของน้องชายเธอเทอมนี้มันแย่มากแค่ไหน เห้อ อันที่จริงมันก็ไม่ได้แย่อะไรเท่าไหร่หรอกนะถ้าเทียบกับเด็กนักเรียนคนอื่นๆแต่มาวินไม่เคยเรียนแล้วได้ผลการเรียนแบบนี้มาก่อนต่ำสุดที่มาวินทำได้ก็คือ3.95 แต่มาเทอมนี้เขาได้เกรดแบบเส้นยาแดงผ่าแปดซึ่งครูก็แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง" อยากจะบอกว่ามาวินเป็นเด็กที่เรียนเก่งมากเก่งมาแต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยสอบตกหรือได้เกรดเฉลี่ยต่ำกว่า3.00เลย แต่มาเทอมนี้เขาได้เกรดเฉลี่ยแค่2.5 ซึ่งฉันเองยังตกใจตกเลยค่ะ ไม่รู้ว่าถ้าพ่อกับแม่เห็นจะว่ายังไงบ้าง
"ครูอยากให้เธอช่วยดูน้องชายเธอหน่อยนะดูอย่างใกล้ชิดเลยลองสังเกตเค้าซิว่าเค้ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ไม่ใช่อะไรหรอกนะครูเป็นห่วงน่ะมาวินการเรียนเค้าดีมาตลอดตั้งแต่มอต้นแต่ไม่รู้ทำไมเทอมนี้ถึงมีผลการเรียนแย่ลงอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้"
"ค่ะยังไงมุ่ยจะลองคุยกับมาวินดูนะคะ"
"อื้มมดีๆ ว่าแต่เธอล่ะเข้ามหาลัยแล้วเป็นยังไงบ้างเรียนหนักมั้ย" พอจบเรื่องมาวินอาจารย์ก็ถามฉัน คือฉันก็เคยเรียนโรงเรียนนี้มาก่อนก่อนจะไปสอบเข้ามหาลัย
"ก็หนักอยู่ค่ะ"
"เธอเก่งอยู่แล้วยังไงก็สู้ๆนะอย่าให้เสียชื่อศิษย์เก่าโรงเรียน"
"ค่ะ"
หลังจากนั้นฉันก็ลาอาจารย์ออกมาเพื่อที่จะไปเรียน ฉันดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือตอนนี้จะบ่ายโมงแล้วฉันรีบเดินไปยังลานจอดรถเพราะคุณลุงคนขับรถรออยู่ แต่พอฉันเปิดประตูรถขึ้นมาก็เจอมาวินนอนหลับอยู่เบาะหลังโดยเอาหูฟังใส่หู นี่เขาไม่ได้ไปเรียนเหรอเนี้ย ฉันจะปลุกเขาดีไหมนะ
"คุณลุงคะวินเค้าขึ้นรถมานานหรือยังคะ"
"ตั้งแต่เที่ยงแล้วครับ เหมือนคุณมาวินจะไม่ค่อยสบายเห็นบ่นปวดหัว" เขาปวดหัวงั้นเหรอหรือเขาไม่สบายแต่เมื่อเช้าเขาก็ยังดีๆอยู่นี่นาไม่รอช้าฉันรีบเดินขึ้นรถไปนั่งตรงเบาะข้างๆก่อนจะเอามือแตะหน้าผากเบาๆ เหมือนเขาจะตัวรุมๆเหมือนมีไข้ต่ำๆ เอาไงดีพาเขาไปหาหมอดีไหม
"วิน วิน" ฉันเรียกชื่อเขาเบาๆ
"อือออออ อะไร" เสียงตอบกลับราวกับรำคาญที่โดนปลุก
"วินมีไข้ไปหาหมอมั้ยพี่พาไป"
"ไม่ไป!!!"
"แต่.."
"จะกลับบ้าน จบนะ" เขาตอบกลับมาโดยที่ยังไม่ลืมตา ฉันไม่รู้ต้องทำยังไงต่ในเมื่อเขาไม่ยอมไปฉันก็ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับก็เลยให้คุณลุงคนขับรถพากลับบ้าน
สุดท้ายฉันก็ไม่ได้ไปเรียน ฉันโทรบอกนุ๊กเพื่อนสนิทให้จดงานให้ด้วยเพราะวันนี้ฉันคงไม่ได้เข้ามหาลัยโดยให้เหตุผลไปตามความจริงว่าน้องชายไม่สบาย
"ขอบใจนะจ๊ะนุ๊ก"
"อื้มมไม่เป็นไรเธอดูแลน้องชายเธอเถอะเดี๋ยวฉันจะส่งงานให้ตอนเย็นนะ" หลังจากวางสายฉันก็หันไปดูมาวินปรากกว่าเขาตื่นแล้วกำลังเล่นเกมส์อยู่
"ไม่สบายยังจะเล่นเกมส์อีก"
"ยุ่ง"
"ก็ไม่ได้อยากยุ่งหรอก พี่แค่เป็นห่วง"
"ไปห่วงน้องชายสุดที่รักเธอเถอะไอ้ติณณ์น่ะ"
"ทำไมเรียกติณณ์แบบนั้นล่ะเค้าอายุมากกว่าวินตั้งหลายปี"
"พอใจจะเรียกทำไม" ฉันขี้เกียจเถียงกับมาวินก็เลยเลิกสนใจเขาก่อนจะเอาไอแพดออกมาจากกระเป๋าเพื่อทำรายงานที่ยังไม่เสร็จ แต่ยังไม่ทันได้เปิดเครื่องมือถือฉันก็ดัง ปรากฏว่าคนที่โทรเข้ามาคือน้องติณณ์ ฉันลอบมองหน้ามาวินแว๊บหนึ่งโดยไม่รู้ตัวก่อนจะกดรับ
"ว่าไงครับน้องติณณ์"
"พี่มุ่ยเย็นนี้พี่มุ่ยอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยผมจะแวะซื้อเข้าไป"
"ไม่ต้องหรอกน้องติณณ์ขอบคุณมาก"
"เอาเป็นว่าก่อนเข้าไปผมจะแวะซื้อบังลอยไข่หวานละกันของโปรดพี่นี่"
"งั้นก็ขอบใจง่วงหน้านะจ๊ะ" ฉันรู้ว่าถึงฉันจะปฏิเสธยังไงน้องติณณ์ก็จะต้องซื้อมาอยู่ดี หลังจากวางสายฉันก็มีความรู้สึกรับรู้ได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่กำลังมองมาทางฉัน ไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้นะคะว่าใคร
"มันจะมาอีกแล้วเหรอน้องชายสุดที่รักของเธออ่ะ"
"อื้มมม"
"มาแม่งได้ทุกวันน่ารำคาญ"
"ถ้าวินรำคาญที่พี่ให้น้องติณณ์มาติวที่บ้าน....งั้นพี่ไปติวให้น้องติณณ์ที่บ้านอาเตก็ได้นะ" ฉันคิดว่าจะตัดปัญหาโดยการที่ฉันจะไปติวให้น้องติณณ์ที่บ้านอาเตอาอลิซคงจะดี
"ไม่ได้!!!"