2
Chapter 2
วิชญ์มองตามไปด้วยสายตาอ่อนโยน สะโพกหนั่นแน่นที่ส่ายไปมาขณะเดินทำให้เขาลอบกลืนน้ำลายลงคอ สะบัดศีรษะไปมา
..สงสัยเขาจะฟุ้งซ่านใหญ่แล้ว
“ฮะแฮม” เสียงกระแอมกระไอของกีรติทำให้วิชญ์ได้สติ หันกลับมาสนทนากับเพื่อนต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“หนูวิอยากอาบน้ำก่อนไหมคะ” จิรดาเอ่ยถามเมื่อพาน้องน้อยขึ้นมาถึงห้องพัก
“ดีค่ะพี่จิ๊ หนูวิร้อนมากๆ เลยค่ะ” เด็กน้อยตอบอย่างกระตือรือร้น กอดกระเป๋าเป้และตุ๊กตาหมีตัวโตเอาไว้แน่นอย่างหวงแหน
“แล้วง่วงหรือเปล่า นั่งรถมาไกลขนาดนี้” จิรดาถามอย่างเอ็นดู ลูบศีรษะเด็กน้อยบางเบาอย่างแสนรักใคร่
“หนูวิหลับตลอดทางเลยค่ะ คิกๆ น้าโรจน์สิคะ ท่าจะเหนื่อย” เด็กน้อยพูดแล้วหัวเราะน่ารัก จิรดาพยักหน้าเข้าใจ เพราะคุ้นเคยกับการที่วิชญ์เดินทางเข้ากรุงเทพฯ บ่อยๆ นัยน์ว่าเขามีธุรกิจอยู่หลายจังหวัด หลายครั้งที่ได้ยินบิดามารดาเล่าว่าเขาจะแวะพักโรงแรมของตัวเองไปเรื่อยๆ ก่อนจะมาถึงกรุงเทพฯ แต่เพื่อนรักของบิดามารดาคนอื่นๆ มักจะโดยสารเครื่องบิน ไม่ว่าจะเป็นเพลิงตะวัน ภัทรศักดิ์หรือกรวิก ที่เข้ากรุงเทพฯ บ่อยๆ ไม่แพ้วิชญ์เช่นเดียวกัน
“งั้นอาบน้ำแล้ว พี่จิ๊จะทำอาหารอร่อยๆ ให้หนูวิกินดีไหมคะ”
“ดีค่าพี่จิ๊ หนูวิอยากกินอาหารฝีมือพี่จิ๊ที่สุดเลยค่ะ” วิชุตาตาวาวร้องวี้ดว้ายอย่างดีใจ โผเข้ากอดพี่สาวผู้ใจดีอย่างรักใคร่
“ขนมด้วยดีไหม อยากกินขนมอะไรคะ”
“ได้ทุกอย่างเลยใช่ไหมคะ” เด็กหญิงตัวน้อยตาวาวอีกรอบ กอดแขนประจบประแจง
“ทุกอย่างเลยค่ะ”
“หนูวิอยากกินขนมไทยค่ะ พี่จิ๊เคยทำให้กินอร่อยม๊ากมากเลย”
“งั้นถ้าอยากกินขนมก็รีบอาบน้ำเลยค่ะ อาบน้ำหอมๆ แล้วไปกินขนมกัน” เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นเมื่อจิรดาอุ้มร่างเล็กขึ้นสู่อ้อมแขนแล้วพาไปยังห้องน้ำกว้าง ทั้งสองลงแช่ในอ่างพร้อมๆ กัน ขัดถูอาบน้ำให้กันเหมือนแม่ลูกที่รักกันแน่นแฟ้น เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะเป็นระยะของสองสาวต่างวัยทำให้คนทั้งบ้านยิ้มตาม วิชุตาจะเกาะติดจิรดาไม่ห่าง ไปไหนก็ตามไปด้วยเหมือนเงาตามตัว ถึงแม้ว่าสาวน้อยจิรดาจะไม่เคยมีลูกมาก่อน แต่กลับดูแลเด็กน้อยเหมือนลูกในไส้
จิรดาเอ็นดูเด็กน้อย ทั้งรักทั้งห่วงใย โดยไร้ความรำคาญที่โดนเกาะติดแจ กิจกรรมที่จิรดาจัดโปรแกรมเอาไว้สำหรับวิชุตานั้นมากมาย ทั้งดูหนัง ฟังเพลง ไม่ก็ร้องเพลงแข่งกันอย่างสนุกสนาน ครอบครัวของกีรติและนิดาเป็นครอบครัวที่เน้นความเฮฮาและบันเทิงคลายเครียดอยู่แล้ว เด็กน้อยที่ขาดแม่ตั้งแต่เด็กจึงติดหนึบ แทบไม่อยากกลับบ้านที่ปักษ์ใต้กับบิดาเลยก็ว่าได้
วิชญ์เองไม่ได้ทิ้งงาน แต่ทำงานอยู่ตลอด เพราะเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีทันสมัย ทำให้เขาสามารถจัดการกับงานได้ง่ายดายเพียงมีคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือแบรนด์ดังที่ทำได้แทบจะทุกอย่าง ตารางงานของเขาในแต่ละวันจึงลงตัวและไร้ปัญหา รวมถึงเลขาคู่ใจอย่างมนภัทรและปฏิรพ
“แกน่าจะหาแม่ให้หนูวิสักคนนะ” กีรติพูดขึ้นเมื่อเห็นวิชุตาติดจิรดาแจ คงอยากมีเพศเดียวกันที่เข้าอกเข้าใจทุกอย่าง แม้หยาดทิพย์จะเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก แต่นางเข้มงวดเพราะเป็นผู้ใหญ่แล้ว หลายอย่างก็ห้ามปราม เรื่องนี้กีรติรู้ดีเพราะสนิทกับครอบครัวของวิชญ์ตั้งแต่เด็ก
“ก็หาๆ อยู่ แต่ยังไม่เจอคนที่ถูกใจ คนที่จะมาเป็นแม่ของยัยหนูวิต้องรักแกด้วย ฉันกลัวมีปัญหาตามมาทีหลัง” วิชญ์ตอบเพื่อน สายตามองสาวน้อยจิรดาแวบหนึ่งก่อนจะหันมาสนใจกับเครื่องดื่มตรงหน้า แต่ไม่ได้เล็ดรอดสายตาช่างสังเกตของกีรติไปได้
กีรติรู้ดีว่าเพื่อนรักเก็บอารมณ์เก่ง ดังนั้นจึงไม่เผยพิรุธอันใด แต่คนผ่านร้อนผ่านหนาวมามากอย่างเขาและนิดา ดูปราดเดียวก็รู้ ยิ่งสนิทกันตั้งแต่เด็ก เห็นไปถึงลำไส้ว่ามีกี่ขดๆ ในสายตาของเขาและภรรยา วิชญ์เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง แม้รอบกายจะมีผู้หญิงอยู่บ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชาย หล่อรวย ฐานะดีและเป็นหม้าย
วิชญ์เป็นคนมีความรับผิดชอบ ขยันขันแข็งในการทำงาน อ่อนโยนและเห็นอกเห็นใจคนอื่น ในขณะเดียวกันก็เฉียบขาดเป็นผู้นำ และมีอีกหลายข้อที่เขานึกชมเพื่อนคนนี้ วิชญ์เป็นคนดีเช่นนี้จึงคบกับเขาและนิดามานาน ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางหรือทะเลาะกันรุนแรงเพราะเพื่อนในก๊วนเขาจะใช้เหตุผลหันหน้าคุยกันมากกว่าใช้อารมณ์หรือกำลัง
เสียงหัวเราะและเสียงเฮฮาของจิรดาและเด็กน้อยดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีนิดาหัวเราะตามเพราะเข้ากันได้ดีทั้งสามคน วิชญ์เองไม่ใช่ไม่รู้ว่าวิชุตามีความสุขแค่ไหนที่ได้มาที่บ้านหลังนี้ บ้านที่แสนอบอุ่นของกีรติและครอบครัว
“แกมีผู้หญิงให้เลือกเยอะแยะเลยนี่หว่า ไม่ลองคบหาดูใจสักคน” กีรติแหย่
“ไม่ไหวว่ะ” วิชญ์ตอบก่อนจะหันไปจัดการหยิบบาร์บีคิวที่สุกได้ที่แล้วใส่จานใบใหญ่
สองหนุ่มนิสัยคล้ายๆ กันคือไม่เกี่ยงงอนเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่ผู้ชายที่เอาแต่ใช้แรงงานผู้หญิง รอนั่งกินเหมือนพระราชา เพราะคิดว่าไม่ใช่หน้าที่ หรือกดขี่ข่มเหงถืออำนาจบาตรใหญ่ เขาจะแสดงความเป็นสุภาพบุรุษทุกครั้งกับสตรีเพศที่อ่อนแอกว่า เป็นผู้ชายอบอุ่นและอ่อนโยนกับคนที่พวกเขารัก
“หรือแกมีใครที่ชอบอยู่แล้ววะ ตั้งแต่นุชตายไม่เห็นแกสนใจใคร จริงๆ แกเองก็ไม่น่าจะฝังใจกับนุชจนถึงขนาดไม่ยอมแต่งงาน” กีรติเอ่ยถามเพื่อนตรงๆ เพราะวิชญ์แต่งงานกับนุชนินเพราะเห็นว่าหญิงสาวเป็นคนดี แต่นุชนินอายุสั้นมาด่วนจากไปเสียก่อน ทั้งๆ ที่ลูกน้อยเพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่เท่าไหร่
“ถ้าฉันเจอแล้วจะบอกนาย โอเคไหมวะเพื่อน” วิชญ์ตบบ่าเพื่อน กีรติมองตามหลังเพื่อนไปแล้วส่ายหน้า ปากแข็งตามเคย แล้วไอ้ที่มองลูกสาวเขาเหมือนจะกลืนกินคืออะไร แบบนี้เขากับภรรยาน่าจะแกล้งเสียให้เข็ด แม้วิชญ์จะเป็นคนเก็บอารมณ์และความรู้สึกเก่ง แต่เขาเองก็เป็นคนช่างสังเกต ช่วงนี้วิชญ์มีความสุขผิดปกติ ถ้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองเกินไป วิชญ์จะมีความสุขมากเป็นพิเศษเมื่อมาบ้านของเขา และไอ้ความสุขผิดปกติคงหมายถึง ‘การไปฝึกงานของจิรดา’ กีรติพนันกับตัวเองในใจ
..ถ้าถูกเขาจะให้รางวัลตัวเองให้สาสม ถ้าผิดก็ชิลๆ ไม่คิดอะไรมาก
กีรติคิดไปถึงตอนที่เพื่อนแต่งงาน ตอนนั้นทุกคนถึงกับช็อกเพราะกะทันหันมากจนแทบตั้งตัวไม่ทัน แต่เพื่อนพูดสั้นๆ แค่ว่านุชนินเป็นคนดีและคงถึงเวลาสละโสดมีครอบครัวแล้ว จึงไม่มีใครเซ้าซี้หรือซักถามอะไรมากมาย
“หนูวิปากเลอะแล้วนะคะ” เสียงของจิรดาคอยบอกเด็กน้อยที่นั่งอยู่บนตัก ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดปากให้อย่างอ่อนโยน
วิชุตาเป็นเด็กตัวเล็ก ที่เด็กกว่าอายุจริง หน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวขาวจัด แก้มแดงเรื่อ ผมสลวยหยักศกเป็นสีน้ำตาลอ่อนโดยธรรมชาติ คิ้วนั้นเรียวสวย ทุกคนลงความเห็นว่าโตขึ้นจะต้องเป็นสาวสวยอย่างแน่นอนและวิชญ์คงต้องคอยจับตาดูผู้ชายที่มาพัวพันกับบุตรสาวอย่างใกล้ชิด
“ขอบคุณค่ะพี่จิ๊ นั่นคุณพ่อมาแล้ว บาร์บีคิวหอมๆ ร้อนๆ น่ากินจัง” วิชญ์นำจานบาร์บีคิวมาเพิ่มให้สาวๆ บนโต๊ะมีอาหารอีกหลายอย่างเรียกว่าสังสรรค์เล็กๆ เพราะวันนี้เพื่อนรักคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย ทุกคนมั่วยุ่งกับงานและครอบครัว ไม่เหมือนตอนยังโสดที่สังสรรค์กันบ่อยมากกว่าปัจจุบัน
“มาค่ะ พี่จิ๊ป้อนให้”
“อ้ำๆๆ ค่ะ อร่อยๆ พี่จิ๊ก็กินด้วยสิคะ” สองสาวต่างวัยเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในเวลาพักผ่อนเช่นนี้ วิชญ์กับกีรติก็ยังชวนกันคุยเรื่องงาน แต่ไม่ใช่งานที่เคร่งเครียด ส่วนใหญ่เป็นเรื่องทั่วๆ ไป เกี่ยวกับการลงทุนและเศรษฐกิจของประเทศโดยมีนิดาเสริมบ้างในบางครั้ง