14. คู่ซี้ เม้าส์มอย

เมื่อการพรีเซ้นท์งานจบลง ซาร์กา ก็รีบเดินไปส่งวริศรา อย่างกระตือรือร้น แต่เขาเห็นวริศรา เดินคุยกับหนุ่มมัณฑนากรหนุ่มที่ชื่อพศิน อย่างสนิทสนม ท่าทางของคนทั้งคู่ทำให้ซาร์กา ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าสองคนนี้เป็นเพียงเพื่อนร่วมงานหรือว่ามีความรู้สึกที่พิเศษต่อกันมากกว่าความเป็นเพื่อนหรือไม่

“คืนนี้เราคงได้พบกันที่งานเลี้ยงนะครับ”

ซาร์กา กล่าวกับมัณฑนากรหญิงสาวมาดเท่อย่างคาดหวัง แต่ก็หันไปมองสบตาพศิน ด้วยเช่นกัน

“ค่ะ..แล้วพบกันค่ะมิสเตอร์ซาร์กา”

วริศรา กล่าวลาเขาด้วยรอยยิ้มตามมารยาท

วริศรา กับ พศิน เป็นมัณฑนากรน้องใหม่ของบริษัทประมวลอินเตอร์กรุ๊ป ที่เดินทางมาประเทศดามัสเซีย เป็นครั้งแรก

พศิน และวริศรา อายุยี่สิบหกปีเท่ากัน เป็นเพื่อนซี้กันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยในคณะเดียวกัน คือ สถาปัตยกรรม สาขาการตกแต่งภายใน เมื่อเรียนจบปริญญาตรีที่เมืองไทยก็ชวนกันไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา กระทั่งจบออกมาก็ยังได้มาทำงานบริษัทเดียวกันอีกด้วย

“ฉันว่าท่าทางมิสเตอร์ซาร์กานั่น จะสนใจแกเป็นพิเศษว่ะ แต่จะว่าไปพวกหนุ่ม ๆ ที่นั่งในห้องประชุมวันนี้ ฉันเห็นนั่งจ้องแก ตาเยิ้มไม่สนใจฟังที่แกพูดเลยสักคน..แกพูดอะไรก็พร้อมใจกันพยักหน้าหงึก ๆ ยังกะถูกมนต์สะกด ตรงข้ามกับฉันเป๊ะ..พูดอะไรไป พวกนั้นก็แย้งสวนกลับมาตลอด”

พศิน พูดแซวเพื่อนสาวคนสนิท หลังจากที่ทั้งคู่เดินมาขึ้นรถของบริษัทเพื่อกลับไปที่พักในโรงแรมรอยัลตุรเกีย

“ก็ฉันเป็นเดือนในหมู่ดาวนี่หว่า..ฉันสวยที่สุดในห้องประชุม” วริศรา ยืดคอทำท่าภูมิใจ

“ก็แหงสิ..มีแกเป็นผู้หญิงคนเดียวไม่มีคู่แข่ง ลองมีพิงก์กี้ นางแบบสาวเซ็กซี่มายืนคู่แกดูสิ ฉันว่าไม่มีใครมองแกสักคนหรอกว่ะ”

พศิน ตอบเสียงกลั้วหัวเราะ

“หนอย..เอาฉันไปเปรียบเทียบกับพิงก์กี้ เชียวหรือยะ..ฉันกับพิงก์กี้ สวยคนละสไตล์โว้ย”

“แต่เผอิญฉันไม่ชอบผู้หญิงห้าวดุอย่างแกน่ะสิ..ฉันชอบสาวเซ็กซี่อย่างพิงก์กี้ มากกว่า”

พศิน พูดแบบไม่ถนอมน้ำใจเพื่อน

“ถ้าชอบนัก..คืนนี้นายก็จีบพิงก์กี้ให้ได้ก็แล้วกัน ได้ข่าวว่างานเลี้ยงที่โรงแรมคืนนี้ พิงก์กี้ มาโชว์ร้องเพลงด้วยนี่”

“ร้องเพลงนั่นมันเป็นฉากบังหน้าเท่านั้นแหละ” พศิน บอกยิ้ม ๆ

“แล้วฉากหลังมันคืออะไรล่ะ”

วริศรา แกล้งถามทั้งที่เธอพอจะรู้อะไรมาบ้างแล้ว

“ใคร ๆ ที่บริษัทต่างก็รู้กันหมดแหละครับคุณวิว..”

พศิน ทำเสียงหยอกล้อกับเพื่อน

“แต่ที่พิงก์กี้ มาที่รัฐตุรเกีย คือมาโชว์ตัวร้องเพลงในงานเลี้ยงคืนนี้ไม่ใช่หรือ”

วริศรา ยังไม่อยากจะปรักปรำใครโดยที่ไม่รู้จริง

“ร้องเพลงโชว์ตัวแค่สองชั่วโมงได้เงินเป็นล้าน เธอเชื่อหรือไง เรื่องโชว์ตัวนั่น เป็นงานบังหน้าโว้ย”

พศิน ยืนยันมั่นใจ

“แล้วนายรู้ได้ไงว่าพิงก์กี้ได้เงินเป็นล้าน อย่าบอกนะว่าที่บริษัทเขาลือกันมา..ฉันก็ได้ยิน แต่ไม่อยากจะเชื่อ”

“ถ้าฉันบอกว่ารู้มาจากคุณอดุลย์ล่ะ พอจะเชื่อถือได้หรือเปล่า” พศิน ย้อนถามเพื่อน

วริศรา คงต้องเชื่อเกินครึ่ง หากเรื่องนี้ยืนยันมาจากอดุลย์ เพราะเธอรู้ดีว่าอดุลย์ คือคนสนิทของประมวล ที่มีหน้าที่ในการติดต่อผู้หญิงไทยให้มาที่รัฐตุรเกีย และอดุลย์ ยังมีหน้าที่ประสานงานดูแลพนักงานของบริษัทที่ทำงานอยู่ในตุรเกียด้วย

เขาเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก แถมยังพูดภาษาอาหรับได้คล่องแคล่วอีกด้วย อดุลย์ จึงเป็นคนสนิทที่คุณประมวลไว้วางใจคนหนึ่ง

“ไม่อยากจะเชื่อเล้ยว่าพิงก์กี้จะเดินทางมาทำแบบนี้” วริศรา พูดขึ้น

“นั่นสิ..ทำไมฉันไม่เกิดมาเป็นผู้ชายในตระกูลซาเอด อัลมาร์ซี บ้างนะ..จะได้ซื้อตัวพิงก์กี้ เป็นคู่ควงสักปีสองปี”

“ขนาดนายไม่ได้เกิดในตระกูลนี้ นายก็ยังมีคู่ควงเป็นสิบ ไม่ต้องไปอิจฉาเขาหรอก”

วริศรา แซว แต่พศิน เดินจ้ำอ้าวนำหน้าวริศราโดยไม่โต้ตอบ เขาเดินนำไปที่หน้าตึกเพื่อเตรียมขึ้นรถของบริษัทไปยังโรงแรมที่พัก

“แปลกนะ บริษัทนี้เห็นมีแต่ผู้ชาย แม้แต่พนักงานประชาสัมพันธ์ก็ยังเป็นผู้ชาย เห็นแล้วไม่สดชื่นเล้ย ทำไมเขาไม่ให้ผู้หญิงทำงานออฟฟิศเหมือนประเทศอื่น ๆ ก็ไม่รู้”

วริศรา ชวนวศินคุยระหว่างที่รอรถมารับที่หน้าบริษัท

“มันเป็นข้อห้ามธรรมเนียมปฏิบัติของประเทศนี้มาช้านานแล้ว แต่ยังดีนะที่เดี๋ยวนี้ยังเห็นผู้หญิงได้รับอนุญาตให้ทำงานในโรงพยาบาลกับโรงเรียนได้แล้ว”

พศิน บอกอย่างคนที่ศึกษาก่อนที่จะมาประเทศดามัสเซีย

“แต่เขาก็อนุญาตให้ผู้หญิงต่างชาติทำงานในประเทศนี้ได้โดยไม่จำกัดอาชีพไม่ใช่หรือ” วริศรา ถามให้มั่นใจ

“ใช่..ไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่ได้มาพรีเซ้นท์งานที่นี่หรอก”

“ฉันอยากมาประเทศนี้เพราะอยากจะไปเที่ยวตะลุยทะเลทรายมากกว่า ถ้าคุณประมวลอนุญาตให้พักได้หกเจ็ดวันก็คงจะดี ฉันจะได้พานายไปเช่ารถขับตะลุยเที่ยวทะเลทรายของเมืองตุรเกีย ให้ทั่วเลย”

วริศรา บอกแผนในใจด้วยแววตามีความสุข

“ฉันไม่ได้พิศวาสการเที่ยวแบบที่แกโปรดปรานนั่นหรอก” พศิน รีบบอก

“ที่แกไม่อยากไปเพราะไม่มีสาว ๆ ไปด้วยมากกว่า ถ้าฉันชวนพิงก์กี้ไปด้วย นายอยากจะไปด้วยไหมล่ะ”

“ไปสิวะ..ถามได้..”

พศิน รีบตอบรับหน้าตาสดชื่นขึ้นมาทันที

“แหม..อาการหื่นเก็บไม่อยู่เลยนะแก”

วริศรา ต่อว่าด้วยความหมั่นไส้

“เฮ้ย..แกดูออกขนาดนั้นเลยหรือวะ”

พศิน ทำหน้าตาเหมือนทึ่งเพื่อน

“ก็เออสิ..แววตาแกมันส่อเห็น ๆ”

“พูดเรื่องสาว ๆ ขึ้นมา ค่อยกระชุ่มกระชวยหน่อย คืนนี้สาวสวยในงานเลี้ยงเพียบเลยล่ะ”

พศิน มีท่าทางคึกคักขึ้นมา

“แต่นายไม่ได้แอ้มหรอกย่ะ..คุณประมวลพามาบรรณาการพวกผู้ชายของตระกูลซาเอดอัลมาร์ซี ไม่ใช่หรือ”

“แต่อย่างน้อยฉันก็ได้มองให้จิตใจสดชื่นบ้างก็ยังดีวะ” พศิน ทำหน้าตาทะเล้น

วริศรา ค้อนเพื่อน เมื่อเช้านี้เธอแอบเห็นพศิน กระดี๊กระด๊า ที่ได้พูดคุยกับสาวสวยนับสิบคนที่คุณประมวลพามาพักที่โรงแรม เพื่อจะได้เทคแคร์ บรรดาผู้บริหารของบริษัท อัลมาร์ซีกรุ๊ปในงานเลี้ยงคืนนี้ โดยเฉพาะนางแบบสาวชื่อพิงก์กี้ ที่เดินทางมาด้วยนั้น

แม้จะบอกว่าเดินทางมาเพื่อโชว์ตัวร้องเพลงในงานเลี้ยงที่โรงแรมคืนนี้ แต่วริศรา ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีงานอื่นของพิงก์กี้ แอบแฝงอยู่ด้วยหรือไม่ เพราะข่าวซุบซิบในบริษัทนั้นแว่วมาว่า คุณประมวลพาพิงก์กี้ มาเสนอตัวให้กับผู้บริหารระดับสูงของคนในตระกูลซาเอด อัลมาร์ซี เป็นกรณีพิเศษเสียด้วย แต่จะพิเศษแบบไหนนั้นวริศราไม่อยากจะคิด

ถึงแม้ว่าวริศรา จะเข้ามาทำงานที่บริษัทประมวลอินเตอร์กรุ๊ปได้ไม่ถึงปี แต่เธอก็ได้รับฟังเรื่องราวของบริษัทจากเพื่อนรุ่นพี่มาพอสมควร

วริศรา ทราบว่าคุณประมวล นั้นมักจะเสาะหาสาวงามจากเมืองไทยมาเสนอให้กับผู้ชายในตระกูลซาเอด อัลมาร์ซี อยู่เสมอ นัยว่าเป็นการตอบแทนที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ในตุรเกีย นั่นเอง

และข่าวที่ซุบซิบกันมา จนเป็นตำนานเรื่องเล่าของบริษัทคือ เรื่องที่คุณประมวล ยกเลขาส่วนตัวที่ชื่อคุณนวลปรางค์ ให้เป็นอนุภรรยาของชีคซายิด เพื่อแลกกับโครงการก่อสร้างถมทะเลของรัฐตุรเกีย เมื่อเกือบสามปีก่อน

วริศรา เคยเห็นภาพถ่ายของคุณนวลปรางค์ อดีตเลขาส่วนตัวของคุณประมวลจากภาพเก่า ๆ ที่มีในบริษัท เธอยอมรับว่าผู้หญิงคนนั้นดูอ่อนหวานงามสง่า

แต่เธอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า เหตุใดคุณนวลปรางค์ ถึงได้ตัดสินใจไปเป็นอนุภรรยาของชีคซายิด มาใช้ชีวิตอยู่ในตุรเกีย เพราะเท่าที่ได้ยินมา ชีคซายิด มีภรรยาแต่งสี่คนแล้ว แต่ก็ยังมีผู้หญิงอีกมากมาย

วริศรา ได้ยินคนที่บริษัทพูดคุยกันเสมอว่า คุณประมวลให้คุณอดุลย์ คนสนิทของเขา คอยจัดหาสาวสวยจากเมืองไทยไปปรนเปรอท่านชีคซายิด กับ บรรดาผู้ชายในตระกูลของท่านชีค ที่ตุรเกีย อยู่เสมอ วริศรา จึงรู้สึกไม่ค่อยดีนักต่อผู้ชายในตระกูลซาเอด อัลมาร์ซี เธอเห็นว่าผู้ชายในตระกูลนี้ ช่างขยันหาผู้หญิงมาปรนเปรอเหลือเกิน เห็นผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศหรืออย่างไรกัน

แต่บางครั้งวริศรา ก็รู้สึกหดหู่ใจเช่นกันที่ได้ทราบว่าผู้หญิงหลายคน ที่คุณอดุลย์ ติดต่อให้เดินทางมาตุรเกีย เพื่อปรนนิบัติมหาเศรษฐีอาหรับ ต่างก็ยินดีปรีดากันแทบทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่นางแบบสาวเซ็กซี่คนล่าสุดอย่างพิงก์กี้ ที่ได้ยินมาว่า ค่าตัวของพิงก์กี้ในการเดินทางมาตุรเกีย ครั้งนี้เป็นเงินหลักล้านเลยทีเดียว