6
“อย่าเล่นบ้าๆ แบบนี้อีก” วรันยาบอกอย่างรู้สึกโกรธและใจหาย กลัวว่าอีกฝ่ายจะต่อสายหาบิดาจริงๆ
“งั้นโทร. เลยไหม หมั้นกันเอาไว้ก่อน น้องไวน์เรียนจบแล้วเราค่อยแต่งงานกัน” ภาคินบอกด้วยสีหน้าจริงจัง
“บ้า! ไวน์ไม่มีทางแต่งงานกับคนอย่างพี่คินหรอก”
“ทำไม! คนอย่างพี่มันทำไม?”
“จะให้พูดจริงๆ เหรอ?”
“พูดมาเลย”
“เลว นิสัยแย่ ชอบแกล้ง ทะลึ่ง มือไว ชอบฉวยโอกาส หน้ามึน หน้าด้าน หน้าหม้อ แล้วก็เจ้าชู้”
“โห...รู้จักพี่ดีขนาดนี้ แต่งงานกันเถอะ ไม่ต้องไปเรียนต่อมันแล้ว”
“ชิ! ต่อให้พี่คินเป็นผู้ชายคนสุดท้ายบนโลก ไวน์ก็ไม่...”
“พี่เป็นผู้ชายคนเดียวบนโลกที่ไวน์จะต้องแต่งงานด้วย”
“ไม่มีทาง”
“มีสิ! เยอะแยะไป ไม่เชื่อก็คอยดู” ภาคินเอ่ยยังไม่ขาดคำ เสียงเรียกเข้าในมือถือของแม่เสือสาวก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
วรันยามองดูชื่อที่โชว์หราบนหน้าจอก่อนจะกดรับสายพร้อมกับเปิด สปีกเกอร์โฟนให้จอมทะลึ่งได้ยินเสียงด้วย
[ถึงไหนแล้วน้องไวน์]
[เพิ่งจะออกจากรีสอร์ตมาได้ประมาณ 5 กิโลค่ะ] วรันยาพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ
[โอเค! ยายจะสั่งอาหารรอนะ บอกพี่คินรีบๆ ตามมาล่ะ]
[ค่ะ] วรันยาตอบก่อนจะกดวางสายแล้วหันมาถามคนขับที่ทำหน้าบูดเหมือนตูดลิง
“ได้ยินแล้วใช่ไหมคะ?”
ภาคินกลอกตาอย่างรู้สึกเซ็งๆ ที่ผู้เป็นยายโทร. มาขัดจังหวะ จึงติดไฟเลี้ยวขวา ขับรถกลับเข้าสู่เส้นทางหลัก ตรงไปยังโรงแรมด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวนิดๆ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา... โรงแรมซานเตียนโน่
“สวัสดีครับคุณภาคิน คุณไวน์ เชิญทางนี้ครับ” พนักงานรีบเปิดประตูต้อนรับว่าที่ผู้บริหารคนใหม่กับบุตรสาวของพ่อเลี้ยงสินชัยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ” ภาคินกับวรันยายกมือไหว้ตอบ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปด้านในห้องอาหาร
“คิน! น้องไวน์” กังศมาลุกขึ้นโบกมือให้
“ไอ้คินมันแกล้งน้องไวน์หรือเปล่าครับ” ภัคคินัยเอ่ยถามทันทีที่ทั้งสองเข้ามานั่งร่วมโต๊ะเสร็จ
“เอ่อ...ไม่ค่ะ” วรันยารีบฉีกยิ้มหวานกลบเกลื่อนอารมณ์ขุ่นมัว
“มีอะไรบอกยายได้นะลูก” กังศมาบอกพร้อมกับมองหน้าหลานชายตัวดีอย่างไม่ไว้ใจ
“ค่ะ ว่าแต่คุณมาร์สั่งอะไรมาทานคะเนี่ย เยอะเชียว” วรันยารีบเบี่ยงเบนความสนใจมาที่อาหารหลากหลายเมนูบนโต๊ะ
“ยายกับนัยกำลังเลือกเมนูที่จะเอาไปต้อนรับแขกที่จะมาในงานเลี้ยงจ้ะ น้องไวน์ช่วยชิมแล้วบอกหน่อยว่าชอบเมนูไหนบ้าง” กังศมาขอความเห็น
“ได้ค่ะ ว่าแต่น้าดากับคุณลุงลูคัสจะมาด้วยใช่ไหมคะ”
“ใช่จ้ะ น่าจะมาถึงในอีกวันสองวันนี้แหละ” กังศมาตอบพลางตักอาหารเมนูที่คิดว่าอร่อยให้เด็กสาวชิม
“อื้ม...อร่อยจังเลยค่ะคุณมาร์” วรันยาตักทานไปสองคำก็ถึงกับติดใจในรสชาติของอาหาร ‘เชฟที่นี่สุดยอดจริงๆ’
“อย่าเพิ่งทานเยอะล่ะ มีอีกสิบกว่าเมนูที่พนักงานยังไม่ได้ยกมานะน้องไวน์” ภัคคินัยรีบเตือนเมื่อเห็นสาวเจ้ากำลังจะตักเมนูเดิมเพิ่ม
“แหม...ถ้าพี่นัยไม่บอกนี่ไวน์กะจะทานจนอิ่มเลยนะคะ” วรันยาส่งยิ้มเจื่อนๆ ไปให้คนรู้ทัน
“หึๆ ทานเถอะจ้ะลูก” กังศมาบอกอย่างเอ็นดู
ภาคินจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ราวกับว่ากำลังมีความสุขก็อดยิ้มตามไม่ได้
เสาวณี กำลังจะเดินผ่านโต๊ะวีไอพี แต่ก็ดันเหลือบไปเห็นหนุ่มหล่อที่เธอเคยแอบหลงรักสมัยเรียน จึงรีบเดินเข้าไปทักทายอย่างดีใจ
“คิน!”
เสียงเรียกที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ภาคินที่กำลังจะตักอาหาร หันกลับไปมองแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เอ่อ...ผมภัคคินัยครับ”
“หึๆ” คนที่ถูกเอาชื่อไปอ้างหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ทุกครั้งที่มีสาวๆ เข้ามาทักทายแล้วแฝดผู้พี่ไม่อยากจะคุยด้วย อีกฝ่ายก็มักจะใช้มุกนี้เป็นประจำ
“ไม่จริง! ณีจำคุณได้ค่ะ” เสาวณีบอกอย่างมั่นใจ
“เอ่อ...ว่าไงครับณี” ภาคินส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้คนความจำดีอย่างไม่รู้จะทำยังไง
“สวัสดีคุณกังศมา สวัสดีค่ะนัย” เสาวณีรีบยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่กำลังมองมาอย่างเขินอาย ก่อนจะเลยไปส่งยิ้มหวานให้กับภัคคินัยที่กำลังหันมามอง
“สวัสดีจ้ะ เป็นเพื่อนของภาคินใช่ไหม” กังศมารับไหว้ตามมารยาท พลางจ้องมองสำรวจหญิงสาวที่แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดจนเธอรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
“ใช่ค่ะ” เสาวณีตอบก่อนจะสะดุดตาเข้ากับเด็กสาวที่กำลังเงยหน้าขึ้นมองเธอ “เอ่อ...คนนี้ใครเหรอคะ?”
“น้องไวน์ ลูกสาวของพ่อเลี้ยงสินชัย เจ้าของรีสอร์ตพรรณนาราจ้ะ” กังศมายกยิ้มมุมปากขึ้นนิดๆ เมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวซีดลงไปถนัดตา
“ยะ...ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณไวน์” เสาวณีเอ่ยทักทาย ขณะที่หัวใจกระตุกวูบอย่างบอกไม่ถูก ‘นังเด็กนี่หน้าสวยชะมัดเลย หวังว่าคินคงไม่คิดจะกินเด็กหรอกนะ’
“เช่นกันค่ะ” วรันยายิ้มตอบสั้นๆ แล้วหันไปชิมอาหารต่ออย่างไม่สนใจ
“คุณมาทำอะไรที่นี่เหรอณี” ภาคินกัดฟันถาม พลางเหลือบมองใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างสังเกตอาการ
“อ๋อ! ณีมาหาลุงน่ะค่ะ ยังไงก็ขอตัวก่อนนะคะ” เสาวณีฉีกยิ้มหวานพร้อมกับยกมือไหว้กังศมาอีกครั้ง จากนั้นก็รีบเดินตรงไปที่โต๊ะด้านใน
“แม่นี่เคยสนิทกับคินงั้นเหรอ?” กังศมาถามอย่างสังหรณ์ใจว่าความสัมพันธ์ของผู้หญิงเมื่อครู่กับหลานชายต้องไม่ธรรมดา
“ก็คนนี้ไงครับยายที่วิ่งมากอดผม เพราะคิดว่าผมเป็นไอ้คิน” ภัคคินัยเอ่ยเท้าความ
“ตายจริง!” กังศมายกมือขึ้นทาบที่หน้าอกเบาๆ เมื่อนึกไปถึงเรื่องที่ภัคคินัยเล่าให้ฟังเมื่อหลายปีก่อน ว่ามีสาวคนหนึ่งวิ่งมากอดจากด้านหลังแล้วบอกว่า... เมื่อคืนณีมีความสุขที่สุดเลยค่ะคิน
“เรื่องมันนานมาแล้ว จะพูดทำไมวะ” ภาคินหน้าเสียเมื่อถูกหยิบยกเรื่องในอดีตขึ้นมาพูดต่อหน้าสาวที่ตนตั้งใจว่าจะร่วมอนาคตด้วย
“ที่พูดเพราะมันเกี่ยวกับปัจจุบันไง ใช่ไหมครับน้องไวน์” ภัคคินัยหันไปยิ้มให้สาวที่ก้มหน้าก้มตากินอาหารอยู่เงียบๆ
“อืม...ไวน์ว่าคุณณีก็ดูเหมาะสมกับพี่คินดีนะคะ” วรันยาบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย ประหนึ่งไม่ได้รู้สึกอะไรกับเหตุการณ์เมื่อครู่ แต่ในใจกลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
“หึๆ พี่เห็นด้วยครับ” ภัคคินัยสมทบตาม
“ไอ้นัย!” ภาคินหน้าตึงขึ้นมาทันทีทันใดที่ถูกล้อ
“อะไร! ก็แค่ออกความเห็น” ภัคคินัยยกไหล่ขึ้นนิดๆ อย่างไม่แคร์
“น้องไวน์ลองทานจานนี้ดูสิลูก” กังศมารีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“ค่ะ” วรันยายิ้มก่อนจะลองตักทานและยกนิ้วให้อย่างถูกใจ “อื้ม! อร่อยมากๆ เลยค่ะ คุณมาร์”
“งั้นเอาเมนูนี้ด้วยจ้ะ” กังศมาหันไปบอกพนักงานที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“ค่ะท่าน” พนักงานพยักหน้ารับ ก่อนจะเพิ่มลงในรายการอาหารที่นำเสิร์ฟในงานเลี้ยงที่ไร่ไปรยาเวศ
ชั่วโมงต่อมา...หลังจากที่นั่งทานอาหารเมนูต่างๆ และได้ข้อสรุปที่ลงตัว ทุกคนก็เตรียมตัวเดินทางกลับ
“เดี๋ยวยายกับนัยจะแวะไปทำธุระต่อ น้องไวน์กลับกับพี่คินก่อนนะ” กังศมาบอกเมื่อเดินออกมาถึงด้านหน้าของโรงแรม
“ได้ค่ะ” วรันยารับคำอย่างว่าง่าย ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าจะขอกลับกับกังศมาและภัคคินัย
“จะทำอะไรก็นึกถึงหัวหินกับภูเก็ตเอาไว้เยอะๆ นะ” ภัคคินัยหันไปกระซิบเตือนสติแฝดผู้พี่
“ไอ้บ้า” ภาคินต่อว่าด้วยสีหน้าตึงๆ
“น้องไวน์ถึงรีสอร์ตแล้วรีบโทรบอกยายด้วยนะลูก” กังศมาบอกก่อนจะปรายตามองหลานชายตัวดี
“ค่ะคุณมาร์ ตอนเย็นเจอกันค่ะ” วรันยาฝืนส่งยิ้มให้ผู้ใหญ่
“จ้ะ! เราไปกันเถอะนัย” กังศมายิ้มก่อนจะหันไปเอ่ยชวนหลานชาย
“ครับยาย” ภัคคินัยขานรับก่อนจะเปิดประตูรถให้ผู้เป็นยาย จากนั้นก็เดินอ้อมไปประจำที่คนขับ แล้วมุ่งตรงไปยังจุดหมายปลายทาง
“อยากไปเที่ยวหรือไปซื้อของที่ไหนต่อไหม?” ภาคินเอ่ยถามเมื่อเห็นสาวเจ้าเอาแต่มองตามรถที่แล่นออกไป
“พี่คินว่างเหรอคะ” วรันยาหันกลับไปถามพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ