บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

พอยามเว่ยไป๋ซูเมิ่งจำเป็นต้องลากสังขารตัวเองมายืนท้าแดดกลางลานรวมกับบ่าวคนอื่น ก่อนหน้านี้นางกลับห้องไปเติมหน้านิดหน่อยเพื่อจะได้ไม่ต้องถูกเลือกในวันนี้

ใช่แล้ว! นางไม่อยากถูกเลือก เพราะขนาดนางเป็นบ่าวรับใช้ถูเรือนอันต่ำต้อย หน้าตาอัปลักษณ์ไปวัน ๆไม่เคยหาเรื่องใคร แต่ก็ยังเป็นที่เดียดฉันท์ขนาดนี้ หากขึ้นเป็นบ่าวรับใช้ข้างกายเย่หยางเหวินชีวิตคงอยู่ไม่เป็นสุขแน่

และที่บอกว่ากลับห้องไปเติมหน้าไม่ใช่แต่งหน้าให้สวยเเต่อย่างใด นางกลับไปเติมผื่นแดงต่างหาก!!!

ผื่นแดงบนหน้าและตามตัวเริ่มเลือนหายเเล้ว บนใบหน้าเหลือแค่รอยเเดงเท่านั้น ตอนนางส่องคันฉ่องพบว่าจากใบหน้าอัปลักษณ์ก่อนหน้าเริ่มส่อเค้าโครงโฉมสคราญเสียแล้ว หลังจากอยู่กับร่างนี้มาหลายวันก็พบว่าร่างนี้นอกจากจะรูปร่างบอบบางแล้วยังเป็นเจ้าเเม่แห่งอาการแพ้ด้วย แค่นางเดินเฉี่ยวดอกหญ้าชนิดหนึ่งฝ่ามือก็คันยุบยิบไม่นานก็ขึ้นผื่นเเดง

ดังนั้นพอเห็นรอยผื่นแดงบนใบหน้าเริ่มเลือนหายจึงคิดเอาเจ้าดอกหญ้านั้นมาถูหน้าและตามตัวเพื่ออำพรางใบหน้าโฉมสะคราญตรงหน้า แต่เสียดายที่อาการแพ้กับดอกหญ้านี้อยู่ได้นานสุดเต็มวันเท่านั้น

ไป๋ซูเมิ่งก้มหน้าก้มตายืนอยู่หลังสุดพยายามทำตัวให้ไร้ตัวตน ผิดกับบ่าวรอบข้างที่ไม่หันไปคุยด้วยสีหน้าตื่นเต้นก็ต้องแย่งกันยืนด้านหน้าหวังเป็นที่มองเห็นและเป็นคนเเรกที่ถูกเลือก

“เงียบ!”

เสียงเเหลมสูงของบ่าวข้างกายฮูหยินใหญ่ดังขึ้นทำให้บริเวณลานเงียบลงฉับพลัน

“คารวะฮูหยินใหญ่ คารวะคุณหนูกุ้ยอินเจ้าค่ะ”

เสียงบ่าวทั้งหมดดังขึ้น บางคนเปลี่ยนจากท่าทานร้อนรนเป็นก้มหน้าสงบเสงี่ยม แต่บางคนก็ไม่วายชะโงกหน้ามองใบหน้าคุณหนูที่ตนเคยได้ยินเเค่นามซึ่งถูกเอ่ยถึงบ่อยเสียยิ่งกว่าคุณหนูสกุลเย่บางคนเสียอีก จะไม่เป็นอย่างนั้นได้อย่างไรก็เเม่นางเล่นมาจวนบ่อยเพียงนั้น

…เเต่สำหรับไป๋ซูเมิ่งนั้นยังยืนก้มมองเจ้าเเมลงตัวน้อยตรงหน้าอย่างเดิมราวกับว่าเมื่อครู่ไม่ได้มีผู้มาใหม่หรือเสียงอะไรดังขึ้นเลย

“เอาล่ะ ยืนให้เป็นระเบียบกันหน่อย พวกเจ้าคงรู้ว่าวันนี้ฮูหยินใหญ่เรียกพวกเจ้ามาเพื่อเลือกบ่าวไปให้คุณชายใหญ่ ยืนนิ่ง ๆ ปิดปากของพวกเจ้าไปเสีย หากนายท่านไม่สั่งให้พูดห้ามพูด!”

บ่าวรับใช้หญิงอายุน่าจะราว ๆ สามสิบต้นเอ่ยขึ้น นางรับใช้ข้างกายฮูหยินใหญ่ตั้งเเต่ยังไม่ออกเรือนและได้ตามเป็นสินเดิมเจ้าสาวมาด้วย นางจึงเป็นคนที่รู้ใจนายและเป็นที่ไว้ใจที่สุดของหนิงหลิน

เมื่อเห็นว่าบ่าวรับใช้ตรงหน้าทั้งหมดต่างสงบเสงี่ยมจึงหันไปพยักหน้าให้เจ้านายทั้งสองที่นั่งบนเก้าอี้ไม้แดงเบื้องหลังเป็นการบอกว่าเหล่าบ่าวใช้ตรงหน้าพร้อมแล้ว

เวลาผ่านไปไม่เกินครึ่งเค่อบ่าวกลางลานก็จำนวนลดลงจนเหลือไม่ถึงสิบนาง ซึ่งตั้งเเต่ต้นจนจบไป๋ซูเมิ่งยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นเลย ทำเพียงเเต่ขยับเดินทีละนิดทีละนิดเท่านั้นตามแถวที่หดสั้นลง และจากที่นางสังเกตนั้นบ่าวเเต่ละคนที่เหลือหน้าตาอาจไม่ได้ดูน่ากลัวน่ารังเกียจอย่างนางแต่ก็ห่างไกลจากคำว่าดูดีมากโข

“เงยหน้าขึ้น”

เสียงใสดังขึ้นเหมือนอยู่ตรงหน้านางนี่เอง ซูเมิ่งจึงเงยหน้าขึ้นเหลือบตามองเล็กน้อย จึงรู้ว่าตอนนี้มีหญิงสาวใบหน้าผ่องใสคนหนึ่งยืนเบื้องหน้า พอเเม่นางเห็นนางก็ยิ้มมุมปากเบา ๆ ก่อนเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ข้างกายฮูหยินใหญ่ตามเดิม

“ข้าว่าแม่นางคนนี้ก็ไม่เลวเจ้าค่ะ”

กุ้ยอิงพูด นิ้วชี้มายังซูเมิ่งที่ก้มหน้าก้มตาตามเดิมแล้ว

“นางดูสงบเรียบร้อย ไม่พูดมากดีเจ้าค่ะ”

และที่สำคัญที่สุด…น่าตาอัปลักษณ์ที่สุดด้วย ประโยคสุดท้ายกุ้ยอินได้แต่เอ่ยในใจ

เมื่อนางได้โอกาสเลือกบ่าวให้พี่ชายใหญ่จึงถือโอกาสตัดพวกบ่าวที่หวังเป็นอนุด้วย หรือเเม้เเต่สาวใช้อุ่นเตียงก็อย่าหวังเลย ดังนั้นจึงเลือกบ่าวที่หน้าตาธรรมดา ส่วนบ่าวตรงหน้าที่ใบหน้าเต็มไปด้วยผื่นเเดงตรงหน้าก็ตรงตามที่นางคิดไว้ มีข้อเสียเพียงเเต่ผิวที่ออกดูขาวเกินฐานะบ่าวไพร่ไปเสียหน่อย นอกนั้นผ่านหมด

“อืม ป้าก็เเล้วเเต่เจ้าเเหละ งั้นเอานางแล้วก็ อีกสองคนนั้นละกัน เอาไปให้เจ้าเหวินเอ๋อเลือก อยากได้กี่คนก็แล้วเเต่เขาละ เฮ้อ”

หนิงหลินหันไปสั่งสาวใช้ข้างกายก่อนเดินนำหลานรักเข้าเรือน

“ที่เหลือเเยกย้ายได้แล้ว! …ละนั่นเจ้าจะไปไหนน่ะ"

ไป๋ซูเมิ่งที่กำลังเดินออกจากลานหันซ้ายแลขวาก่อนชี้มาที่ตนเอง

“ใช่ เจ้านั่นเเหละ ตามข้ามา ข้าจะพาไปหาคุณชายใหญ่ เฮ้อ แปลกจริงไยเลือกคนน่าตาน่ารังเกียจนะ”

บ่าวคนนำทางบ่นกับตนเองแผ่วเบาแต่เสียงนั่นคนที่เดินตามหลังมาอย่างซูเมิ่งย่อมได้ยินอยู่แล้ว

…ไม่เพียงเจ้าที่สงสัย ข้าก็สงสัยเช่นกัน เหตุใดยิ่งหนีเหมือนยิ่งต้องเจอนะ บ่าวคนอื่นมีถมเถไยต้องเป็นนาง!

หลังจากนั้นนางและอีกสองคนก็ได้เป็นบ่าวรับใช้ของเย่หยางเหวินทั้งหมด เพราะวันนั้นหลังจากถูกเลือกแล้วพวกนางไปถึงเรือนหย่งชางซึ่งเป็นเรือนของเย่หยางเหวินแต่ก็ไม่ได้พบเจ้าของเรือนแต่อย่างใด ได้พี่หมู่ตานพานางทั้งสามไปดูห้องพักใหม่ และแนะนำงานในเรือนนี้ที่พวกนางต้องรับผิดชอบ รวมทั้งให้นามเรียกขานพวกนางทั้งสามใหม่เป็นดอกไม้ทั้งหมด มีนางคือเหมยฮวา บ่าวคนที่ตัวเตี้ยสุดจากทั้งสามคนนามอิงฮวา และอีกคนผิวออกคล้ำเป็นพี่ใหญ่สุดนามซิ่งฮวา

ตอนนี้ซูเมิ่งเดินก้มหน้าไปตามทางเดินลัดเลาะไปยังห้องนอนของคุณชายใหญ่ มือทั้งสองข้างแบกถังน้ำใบใหญ่ตามหลังบ่าวรับใช้ชายอีกคน ตอนนี้เป็นยามซวีเจ้านายในเรือนอยากอาบน้ำก่อนนอน นางซึ่งเป็นบ่าวมาใหม่ของเรือนที่ถูกจัดให้ทำหน้าที่เกี่ยวกับใช้กำลังจึงต้องทำหน้าที่ ส่วนอีกสองคนก็รับหน้าที่รับใช้ข้างกายเย่หยางเหวินไป

…จริง ๆ คือนางเป็นคนเสนอเอง ด้วยเพราะอยากฝึกร่างกายเตรียมพร้อมหาทางกลับบ้าน และไม่อยากให้ตัวเองโดดเด่นเท่าไหร่

ซู่ ซู่

หลังเทน้ำหมดถังก็เดินออกมาจากฉากกั้นบริเวณอาบน้ำและบริเวณห้องนอน

“เดี๋ยวก่อน”

น้ำเสียงดังกังวานแฝงความนุ่มนวลดังขึ้นทำให้สองบ่าวที่กำลังก้าวเท้าข้ามธรณีประตูชะงักกึก หันคุกเข่าก้มหน้าก้มตามาทางเจ้าของเสียง ก่อนที่ชายหนึ่งในนั้นเอ่ยถาม

“มีอะไรให้รับใช้ขอรับคุณชาย”

“เจ้าไปได้ แต่อีกคนอยู่ก่อน”

พอบ่าวผู้ชายได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วฉายแววเเปลกใจเล็กน้อยก่อนมองไปยังบ่าวสตรีอีกคน ซูเมิ่งพยักหน้าเบา ๆ ยิ้มคลายกังวลส่งไปให้ เขาจึงค่อยเดินออกไป

“เป็นอย่างไรบ้าง อยู่ที่นี่ดีหรือไม่?”

ไป๋ซูเมิ่งเงยหน้ามองชายใบหน้างดงามตรงหน้าใบหน้าเรียวฉายแววเเปลกใจก่อนเอ่ยตอบ

“ดีเจ้าค่ะ”

“อืม”

ตอนสองบ่าวที่มาเติมน้ำอาบเดินผ่าน เขาเงยหน้าพอดีพบว่าบ่าวหญิงนั้นเป็นแม่นางคนที่เขาช่วยไว้ในชายป่าระหว่างกลับเมือง ไม่คิดว่าจะเป็นบ่าวที่แม่หามาให้ หยางเหวินจดจำใบหน้าอันเป็นเอกลักษณ์นี้ได้ หากลบพวกผื่นแดงออกไปก็นับว่าเป็นหญิงงามคนนึง และพอรวมกับกริยาที่ไม่เหมือนหญิงสาว เขายิ่งจำได้ขึ้นใจ ไหนจะเรื่องไม่มีอาการตื่นตะลึงตอนพบกันคราเเรกเหมือนหญิงสาวนางอื่นที่เคยพบเจออีก

“อาการแพ้ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

“ใกล้หายดีแล้วเจ้าค่ะ เอ่อ คุณชายมีอะไรให้บ่าวรับใช้ไหมเจ้าคะ?”

…หากไม่มีจะเรียกทำไมกันเสียเวลาทำงานหมด นางอยากรีบทำงานให้เสร็จแล้วเข้านอนไวไว

“เเปลกนะ ข้าคิดว่าจะหายแล้วเสียอีก”

เย่หยางเหวินพยักหน้างึก ๆ พึมพำกับตนเองทำเป็นไม่ได้ยินที่หญิงสาวตรงหน้าถามก่อนหน้า

“ไหนเจ้าเข้ามานี่สิ”

สายตาบุ้ยไปทางเก้าอี้หน้าโต้ะอ่านหนังสือตัวเล็กที่เขานั่งทำงานอยู่ก่อนหน้า

“นั่งข้างบนสิ”

หยางเหวินเอ่ยขึ้นหลังเห็นซูเมิ่งเดินเข้ามาละนั่งข้างล่างบนพื้น

“ไม่ควรกระมังเจ้าค่ะ บ่าวนั่งล่างได้” นางกัดฟันเอ่ย

ท่าทางเขานี่ประหลาดนัก คงไม่ได้คิดอะไรกับหญิงหน้าตาอัปลักษณ์อย่างนางกระมัง มีอย่างที่ไหนให้บ่าวนั่งเสมอเจ้านาย

“งั้นแล้วเเต่เจ้า”

พูดจบชายใบหน้างดงามในชุดขาวนวลก็ลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะมายืนตรงหน้านางที่นั่งคุกเข่าบนพื้น ก่อนก้มลงนั่งยองเสมอนาง

“ทำไรน่ะ!”

ไป๋ซูเมิ่งถลึงตามองชายตรงหน้า มือบางผลักอกเขาอย่างแรงแต่สัมผัสได้เพียงชายเสื้อเพราะหยางเหวินเบี่ยงตัวหลบทัน

พอนางได้สติก็รีบเปลี่ยนสายตาเป็นขวนอาย

“ชายหญิงไม่ควรใกล้กัน” …ไม่งั้นมือไม้ข้าลั่นไม่รู้ด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel