3 หาทางออกร่วมกัน
เมื่อลงมาหน้าบริษัทรถตู้ก็จอดรออยู่ก่อนแล้ว พอเปิดประตูรถเข้าไปก็เจอกับหิรัญผู้ช่วยของเขาซึ่งเพิ่งกลับมาจากการไปทำงานต่างจังหวัดพอดี”
“อ้าว ฉันนึกว่านายจะกลับมาเย็นนี้”
“เกิดเรื่องขึ้นแบบนี้นี้ผมรอกลับตอนเย็นไม่ไหวหรอก”
“นายรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่เช้าแล้วครับผมเห็นข่าวในโซเชียล”
“นี่นายอย่าบอกนะว่านายก็ติดตามผู้หญิงที่ชื่อเนเน่คนนี้อยู่เหมือนกัน”
“ก็นิดหน่อยครับเธอเป็นคนสวยน่ารักและบางมุมก็ดูเซ็กซี่มากๆ” หิรัญตอบผู้ที่เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อน
ระหว่างทางไปโรงพยาบาลหิรัญก็เล่าประวัติของชญานิษฐ์ให้ธีธวัชฟังทุกแง่มุม ยิ่งได้ฟังก็ทำให้เขารู้สึกประทับใจในตัวของหญิงสาวมากขึ้น ชญานิษฐ์เริ่มต้นทำงานตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยจากการขายของออนไลน์จนกระทั่งตอนนี้เป็นคนที่มีชื่อเสียงที่หลายๆ คนรู้จัก
“แล้วนายคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ หรือมีคนจัดฉาก”
“ผมว่าจะเป็นอุบัติเหตุจริงๆ นะครับผมดูจากกล้องวงจรปิดตอนเธอเดินออกมาจากโรงแรมถ้าซูมดูจะเห็นเลือดที่ข้อเท้าแต่ลักษณะการเดินของเธอตอนนั้นมันดูปกติมาก บางทีเธออาจจะไม่ได้รู้สึกเจ็บก็ได้”
“แต่ฉันก็อดแปลกใจไม่ได้นะรัญ ทำไมเธอไม่ยอมให้เราเปลี่ยนห้องแต่กลับเช็กเอาท์กลางดึกแบบนั้น”
“ผมว่าบางทีเธออาจจะตกใจก็ได้นะครับ”
“แล้วนายรู้หรือเปล่าว่าเธอเข้ามาพักที่โรงแรมของเราทำไม” ธีธวัชยังอดสงสัยไม่ได้
“เท่าที่ตามดูความเคลื่อนไหวของเธอในโซเชียล เธอน่าจะมารีวิวร้านขนมเปิดใหม่นะครับ แต่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน”
“เธอเข้ามาพักกับใครเหรอ”
“เพื่อนของเธอครับ เพื่อนคนนี้ทำหน้าที่เป็นตากล้องให้เธอ และเป็นผู้ช่วยของเธอครับ”
“ให้คนสืบประวัติเพื่อนของเธอด้วยนะรัญฉันอยากให้เรื่องนี้มันกระจ่าง”
“ได้ครับเดี๋ยวผมให้คนของเราจัดการให้”
ทั้งสองคุยกันมาในรถจนกระทั่งถึงโรงพยาบาลซึ่งคุณหมอวิรัช คุณหมอศัลยกรรมมือหนึ่งของโรงพยาบาลก็มารอเขาอยู่ก่อนแล้ว
“สวัสดีครับอาหมอ ไม่เห็นจะต้องลงมารอผมด้วยตนเองเลยเดี๋ยวผมไปเองก็ได้”
“ได้ยังไงล่ะครับเมื่อกี้พ่อคุณธีโทรมาบอกให้ผมพาคุณธีไปเจอคนไข้ด้วยตัวเอง” คุณหมอวัยกลางคนเดินนำธีธวัชและหิรัญไปยังห้องพักของชญานิษฐ์ที่อยู่ด้านบน
ประตูเปิดออกก็เห็นว่าตอนนี้คนไข้กำลังนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียงบริเวณขัอเท้ามีผ้าก๊อซปิดไว้
เมื่อเห็นว่าคุณหมอที่รักษาตนเองมากับผู้ชายอีกสองคนชญานิษฐ์ก็รีบวางโทรศัพท์มือถือในมือลงและมองด้วยความสงสัยเพราะไม่รู้ว่าคนที่มาหานั้นเป็นใคร
“สวัสดีค่ะคุณหมอ เมื่อกี้คุณหมอก็ตรวจไปแล้วนี่คะ มีอะไรหรือเปล่าถึงกลับมาอีกรอบ”
“ไม่หรอกครับพอดีผมพาคนมาเยี่ยมคุณ”
“สวัสดีครับคุณเนเน่ ผมชื่อธีธวัช ส่วนนี้ผู้ช่วยของผมชื่อหิรัญ”
“สวัสดีค่ะ คุณคงรู้จักชื่อฉันแล้วส่วนนี่เป็นผู้ช่วยฉันค่ะชื่อหวาน คุณสองคนมาเยี่ยมเนเน่ทำไมคะหรือเป็นแฟนคลับ”
“เปล่าหรอกครับผมไม่ใช่แฟนคลับของคุณแต่ผมเป็นเจ้าของโรงแรมที่คุณประสบอุบัติเหตุ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณน่ะครับ”
“ถ้ายังไงเชิญคุยกันตามสบายนะ”
“อาหมอจะไปแล้วเหรอครับ”
“อามีตรวจคนไข้ต่อ ส่วนเรื่องแผลของคนไข้ไม่ต้องเป็นห่วงอาจะดูแลอย่างเต็มที่”
“ขอบคุณมากครับอาหมอ”
เมื่อหมอเดินออกจากห้องไปแล้วเขาก็ดึงเก้าอี้มานั่งข้างเตียง
“ผมมาขอโทษคุณกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครับ” เขาส่งกระเช้าผลไม้และช่อดอกไม้ให้กับชญานิษฐ์ ณัฏฐพิมพ์ที่ยืนอยู่บริเวณหัวเตียงก็รีบมารับก่อนจะเอาไปวางกับร่วมกับกระเช้าดอกไม้และช่อดอกไม้ของคนอื่นวางอยู่มุมห้อง
“ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์มาเยี่ยม แต่เนเน่ได้ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ”
“ผมพูดตามตรงนะนอกจากผมจะมาเยี่ยมคุณแล้วคุณยังมีเรื่องจะคุยกับคุณด้วย”
“เรื่องอะไรคะ”
“ก็เรื่องที่คุณได้รับอุบัติเหตุมันดังไปทั่วโซเชียล”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ ในข่าวก็ไม่ได้บอกนี่คะว่าเป็นโรงแรมไหน”
“แต่ก่อนหน้านั้นคุณเช็กอินที่โรงแรมผมนะครับ คนก็คงรู้ได้ไม่ยาก”
“คุณสองคนจะให้เราทำอะไรเหรอคะ” ณัฏฐพิมพ์ถามเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเธอไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนั้นเลย เธอเล่าเรื่องอุบัติเหตุให้เพื่อนในกลุ่มไลน์ฟังซึ่งในนั้นก็มีเพื่อนที่ทำงานเป็นนักข่าวรวมอยู่ด้วย แต่ก็ไม่คิดว่าเพื่อนจะเอาเรื่องของชญานิษฐ์ไปพูดลงในเพจแบบนั้น
“ผมอยากจะฟังเหตุการณ์ทั้งหมดนะครับว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมคืนนั้นคุณถึงไม่บอกทางโรงแรมว่าได้รับบาดเจ็บ”
“จริงๆ แล้วเนเน่ก็เพิ่งรู้ตัวตอนที่กำลังจะถึงคอนโดค่ะ”
“แต่มันแปลกมากทำไมคุณเช็กเอาท์กลางดึกแบบนั้นล่ะครับครับ พนักงานที่โรงแรมบอกว่าเสนอให้คุณเปลี่ยนห้องพักแต่คุณก็ไม่เปลี่ยนและยืนยันจะกลับ”
“คือมันเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริงๆ ค่ะ ตอนนั้นเราสองคนกำลังหลับอยู่บนเตียงแล้วหลอดไฟมันเกิดระเบิด ตอนนั้นเนเน่ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีแผล แต่ตกใจมากกว่าส่วนเหตุผลที่เราต้องรีบออกจากโรงแรมเพราะเรากลัวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันจะไม่ใช่อุบัติเหตุค่ะ” ชญานิษฐ์อธิบายในมุมของตัวเอง
“หมายความว่ายังไงครับ คุณคิดว่ามีคนในโรงแรมของผมตั้งใจจะทำร้ายคุณเหรอครับ”
“เปล่าหรอกค่ะ ก่อนหน้านี้เนเน่เคยได้รับจดหมายขู่ว่าให้ระวังตัวให้ดี พอเกิดเหตุการณ์แบบนั้นหวานกับเนเน่ก็เลยรู้สึกไม่ปลอดภัย เราสองคนเลยเก็บของและรีบกลับค่ะ”
“แล้วคุณไปเช็กอินของโรงแรมเราทำไมครับ ทั้งที่คอนโดของคุณก็อยู่ไม่ไกล” หิรัญถามเพราะเขารู้ว่าหญิงสาวคนนี้กับเพื่อนพักอยู่ที่ไหนซึ่งถ้าใครติดตามก็จะรู้ได้ไม่ยาก
“เพราะเราอยากจะรีวิวร้านขนมค่ะ”
“แต่ถ้าจะรีวิวร้านขนมจริงๆ เดินทางมาจากคอนโดของคุณก็น่าจะไม่ไกลนี่ครับ”
“มันก็จริงค่ะคุณหิรัญ”
“เรียกรัญก็ได้ครับคุณหวาน”
“ค่ะคุณรัญ คอนโดของเนเน่อยู่ไม่ไกลก็จริง แต่เราจะรีวิวฟิลนักท่องเที่ยวค่ะ ประมาณว่าพักอยู่ที่โรงแรมนี้และลงมากินขนมร้านนี้ค่ะ”
“มีแค่นี้จริงๆ ใช่ไหมคุณสองคนไม่ได้รับจ้างใครเพื่อมาทำลายชื่อเสียงของโรงแรมของเราใช่ไหม”
“ใครจะทำแบบนั้นล่ะคะ แล้วเนเน่ก็เจ็บจริงนะคะ ไม่เชื่อคุณถามคุณหมอก็ได้ว่าแผลของเนเน่นั้นลึกมาแค่ไหน”
“ผมขอโทษนะครับที่ถามคุณออกไปแบบนั้นเพราะผมเองก็เจอคู่แข่งทางธุรกิจใช้เรื่องแบบนี้มาทำลายชื่อเสียงเหมือนกัน”
“คุณสองคนมาคุยกับเนเน่แบบนี้คงไม่ได้จะมาปรับเงินเราที่ทำให้เสียชื่อเสียงหรอกนะคะ” ณัฏฐพิมพ์มองหน้าธีธวัชกับหิรัญสลับไปมา
“ผมไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกครับ เพียงแต่ผมว่าเราน่าจะหาทางออกกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
“ทางออกยังไงคะ แต่หวานว่าเดี๋ยวเรื่องก็น่าจะเงียบไปเองนะคะ”
“เรื่องมันอาจจะเงียบก็จริงแต่เมื่อข่าวมันออกไปแบบนี้แล้วทุกคนก็จะคิดว่าโรงแรมของผมไม่ปลอดภัยและผมไม่รับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดครับ”
“เดี๋ยวเนเน่ได้โพสต์เรื่องที่คุณมาเยี่ยมเนเน่ก็ได้ค่ะ ส่วนเรื่องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายไม่เป็นไรหรอกเพราะเรามีประกันอยู่”
“แต่ผมอยากรับผิดชอบจริงๆ นะครับ”
“แค่คุณสองคนไม่เอาผิดเนเน่กับหวานก็ดีมากแล้วค่ะ” ชญานิษฐ์ไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะบานปลายแบบนี้