นัดที่คนนัดไม่มา
สามทุ่ม ณ ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง
หญิงสาวใบหน้าสะสวย สูงสง่า รูปร่างอวบอัดเหมาะเจาะ โค้งในส่วนที่ควรโค้ง เว้าในส่วนที่ควรเว้า ยวนตาชวนมอง เธออยู่ในชุดเดรสเข้ารูปสีขาวแล้วทับด้วยสูทสีเดียวกัน รองเท้ากระเป๋าก็ด้วย ผมของเธอถูกมัดรวบไว้เรียบร้อยที่กลางศีรษะด้านหลัง ลักษณะการแต่งการดูเป็นทางการเกินกว่าจะมานั่งอยู่ในร้านอาหารแห่งนี้
ม่านไหม คือชื่อของเธอ...
คิ้วโก่งได้รูปขมวดมุ่น ดวงตากลมโตที่มีแพขนตางอนตามธรรมชาติเหลือบมองไปที่ประตูทางเข้าบ่อยครั้งพร้อมกับตวัดข้อมือขึ้นเพื่อดูนาฬิกา
“ นัดกันสองทุ่มแต่นี่สามทุ่มแล้ว พี่เคทำอะไรอยู่นะ ทำไมไม่มาสักที โทรหาก็ไม่รับสาย ” ปากอวบอิ่มที่เคลือบสีพีชอ่อน ๆ บ่นเบา ๆ ก่อนจะหยิบมือถือมากดหาชายคนรักและเขายังไม่รับสายอีกครั้ง เธอจึงตัดสินใจเรียกพนักงานเสิร์ฟมาเช็คบิลค่าน้ำที่สั่งมาดื่มรอเพียงหนึ่งแก้วเพราะไม่อยากรอต่อไปแล้ว เป็นห่วงแม่ที่เดือนที่แล้วเพิ่งตรวจเจอว่ากล้ามเนื้อหัวใจทำงานผิดปกติ ทำให้เหนื่อยง่าย ไม่อยากปล่อยให้ท่านอยู่คนเดียวเพียงลำพัง
อันที่จริงเธอไม่อยากกลับบ้านดึกด้วยซ้ำ แต่แฟนหนุ่มยืนยันอยากนัดเธอเองเมื่อตอนที่เธอโทรไปแจ้งข่าวดีว่า โรงแรมที่ไปสมัครงานและสัมภาษณ์ไว้ตกลงรับเข้าทำงานแล้ว
‘ พี่อยากจะเลี้ยงฉลองให้ไหมน่ะ วันนี้สอนเลิกทุ่มครึ่ง สองทุ่มเจอกันที่ร้านนะ ’
พี่เค หรืออาจารย์ภควัฒน์ แฟนหนุ่มวัยสามสิบสามของเธอที่มีดีกรีเป็นถึงอาจารย์ประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ทั้งคู่มีบ้านอยู่ในซอยเดียวกัน พ่อแม่รู้จักกัน ความสัมพันธ์เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปโดยพัฒนาจากน้องสาวพี่ชายเป็นคนรักเมื่อครั้งที่เธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง และพี่เคขอว่าจะแต่งงานกับเธอทันทีที่เรียนจบ
ม่านไหมยังไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ แต่แม่ของเธอยืนยันว่าอยากให้แต่ง
‘ ตกร่องปล่องชิ้นกับเขาไปเถอะ ไหน ๆ ก็รู้จักกันมาทั้งชีวิต เจ้าเคน่ะทั้งหน้าตาและนิสัยดี หน้าที่การงานก็ดี พ่อแม่เขาก็รับราชการทั้งคู่ แม่เองปีนี้ก็ป่วยกระเสาะกระแสะ จะทำข้าวแกงขายไปได้อีกสักเท่าไร แม่อยากให้ไหมมีคนดูแล เป็นครอบเป็นครัว แม่จะได้เบาใจ ’
เธอไม่อยากขัดแม่เลยได้แต่นิ่งเงียบไป แต่สิ่งที่แม่พูดมามันก็ถูก ตลอดระยะที่รู้จักกันมา พี่เคเป็นหนุ่มขาวตี๋สวมแว่น นิสัยดี มีมารยาท เป็นสุภาพบุรุษ ไม่เคยล่วงเกินเธอเลยแม้แต่นิด เหล้าไม่ดื่ม บุหรี่ไม่สูบ ไม่เที่ยวกลางคืน คบหากันมา ไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงมาให้ขุ่นเคืองใจ จะมีก็แต่กลับดึกหรืองานยุ่งบ้าง แต่ด้วยนิสัยไม่ใช่คนเซ้าซี้หรือคิดเล็กคิดน้อย ก็ทำให้ม่านไหมไม่ติดใจในเรื่องนั้น
เขาดีเลิศ เขาพร้อมสรรพขนาดนั้น และอีกอย่างเธอกับเขาก็รักกัน คงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธอะไรแล้ว
ม่านไหมเองอายุย่างยี่สิบสาม ปีนี้พึ่งจบมหาวิทยาลัยด้านธุรกิจโรงแรมและหาสมัครงาน และเช้าวันนี้ก็แต่งตัวไปสัมภาษณ์งานที่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง ตอนเย็นทางนั้นก็โทรศัพท์มาแจ้งว่าเธอได้งานแล้ว
และเมื่อเธอโทรศัพท์แจ้งข่าวกับชายคนรักในเรื่องนี้เขาก็แสดงความดีใจด้วย ในอีกชั่วโมงต่อมาเขาบอกว่าอยากจะเลี้ยงฉลองให้กับเธอ ทั้งที่ม่านไหมไม่อยากกลับบ้านค่ำมืดแต่ก็ไม่อยากทำลายน้ำใจอันดีของเขา
แต่ทำไมป่านนี้เขายังไม่มา ติดธุระกะทันหันหรือไม่สะดวกยังไงก็ควรโทรศัพท์มาบอกก่อน หรือว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับเขานะ รีบกลับบ้านไปถามข่าวจากพ่อแม่ของเขาดีกว่า
ยิ่งคิดยิ่งสับสนกังวลไปสรตะ สองขารีบสาวฉับ ๆ เพื่อจะออกจากร้านแล้วเรียกแท็กซี่กลับบ้านให้เร็วที่สุด
อาจจะเป็นเพราะความกังวลจนเคร่งเครียด หรือเพราะเอาแต่จ้ำอ้าวโดยไม่ทันระวัง เลยชนเข้ากับใครคนหนึ่งที่ประตูทางออกของร้าน