บท
ตั้งค่า

ตอน 6

เมื่อสบโอกาสเห็นว่าหญิงสาวในอุ้งมือเผลอ เล่ยฟานจึงฉวยโอกาสใช้ปลายลิ้นร้อนลวกเปิดเรียวปากที่เผย่อค้างน้อยๆ ของหญิงสาวเพื่อให้เธอต้อนรับการรุกรานจากเขาในเวลาอันรวดเร็ว ชายหนุ่มควานหาความหวานอย่างเร่งรีบ โดยไม่สนสายตาผู้คนหมู่มาก ตอนนี้เขารู้สึกได้ว่าตนอยู่ในโลกใบนี้กับนักร้องสาวที่ชื่อผิงผิงเท่านั้น

“อะแฮ่ม” เสียงใครบางคนกระแอมกระไอเพื่อเรียกสติสองชีวิตที่กำลังขัดฟันให้กัน “เจ้านายครับ” แต่เมื่อเทียนลู่เห็นว่าเจ้านายกำลังเพลินอยู่กับลีลาการแสดงจูบหนังสดเขาจึงต้องเรียกซ้ำ เห็นว่าเหตุการณ์ชักจะเลยเถิด

“อืม” เล่ยฟานแค่ส่งเสียงอู้อี้ ปัดมือเทียนลู่ที่สะกิดเบาๆ ตรงต้นแขนของเขา

“เจ้านายครับพอแล้ว” บอดี้การ์ดขยับเข้าใกล้อีกนิด กระซิบข้างหูเจ้านายเพื่อยุติสงครามประหัตประหารกันด้วยเรียวลิ้นระหว่างคนทั้งสอง

“อ้อ...” เล่ยฟานเบิกตากว้าง พร้อมทั้งทิ้งทุกอย่างที่กระทำอยู่ เปิดตามองดูผู้คนและสองบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ไม่ห่าง “ผม...เลือกคนนี้ครับ” นิ้วแกร่งชี้ผิงผิง เพื่อย้ำชัดในการเลือก

“ไม่ได้” ลู่ซานตงแย้งด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ป๋าได้ไง ป๋าบอกแล้วไม่ใช่เหรอให้ผมเลือกใครก็ได้ ผมเลือกคนนี้” ไม่พูดเปล่าเขาดึงมือหญิงสาวที่เพิ่งดึงสติตัวเองกลับมาที่ตัวได้ รีบสวมแหวนลงบนนิ้วนางของเธอ แหวนที่สั่งทำแบบเส้นผ่าศูนย์กลางกลางๆ เพื่อเตรียมไว้สำหรับผู้หญิงที่เขาเลือกในค่ำคืนแห่งความพิเศษนี้ ราวกับสิ่งอัศจรรย์ผิงผิงคนนี้สวมแหวนวงนี้ได้พอดีราวกับตัดมาเพื่อเธอโดยเฉพาะกระนั้น

“นี่...” ผิงผิงดึงมือกลับพร้อมทั้งพยายามถอดแหวนออกจากนิ้ว หากกว่าแหวนบ้าอะไรราวกับแม่เหล็กดูดผิวหนังถอดไม่ออก แล้วตอนนี้เธออายแทบแทรกเวทีหนี กรอกลูกตามองรอบกาย ผู้คนเต็มไปหมดและที่สำคัญสายตาเหล่านั้นตำหนิมากกว่าชื่นชม เห็นทีอยู่ไม่ได้คงต้องเผ่น แล้วแหวนล่ะเอาไงดี

เมื่อพยายามถอดในช่วงจังหวะที่เล่ยฟานหันไปเจรจากับบิดาของเขา ผิงผิงฉวยโอกาสกระโดดลงจากเวทีวิ่งเร็วรี่ยิ่งกว่าแรงลม หายไปตามทางอย่างว่องไวตามทักษะที่เธอถูกฝึกมา ระหว่างทางที่วิ่งไปก็พยายามถอดแหวนออกแต่ยังไงก็ไม่ออก

“บ้าเอ้ย...แหวนผีสิงหรือไงนี่” นักร้องสาวบ่นไปตามทางขณะวิ่งไปได้สักพัก ร่างบางถูกมือปริศนาดึงเข้าไปในห้องหนึ่ง ขณะที่ถูกดึงพยายามดิ้นแต่ไม่โวยวาย ขืนโวยวายคนได้แห่มาทั้งลำเรือ

“ผิงผิง” เสียงคุ้นหูดังขึ้นชิดเส้นผมดกดำของเธอ

“โอ้ย...ไฟ” ครั้นพอรู้ว่าใครผิงผิงก็ได้แต่โวยลั่น แต่หยุดดิ้นลงฉับพลัน

“อย่าเรียกชื่อจริงเรียกวิลเลี่ยม ท่องให้ขึ้นใจสิบอกไม่เคยจำ” คนที่เป็นคนลากเตือนสติหญิงสาว

“วิลเลี่ยมคุณลากฉันเข้ามาในนี้ทำไม” ห้องเก็บไวน์เงียบสงัดไร้ผู้คน ครั้นเมื่อเห็นว่าเป็นห้องอะไร อาการของผิงผิงไม่ค่อยมั่นคงนักกวาดตามองรอบกาย แล้วกลับมาหยุดที่เพื่อนคู่หูในการทำงานครั้งนี้อีกครั้ง

“กำลังหนีเจ้าของเรืออยู่ไม่ใช่เหรอ ฉันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วนะ” วิลเลี่ยมแอบมองดูเหตุการณ์ขณะเดินไปเสิร์ฟอาหารให้กับแขกในงาน ตะลึงอยู่เหมือนกันที่เล่ยฟานทำแบบนั้นกับเพื่อนร่วมงานที่เขาแอบมีใจชื่นชมความน่ารัก เก่ง ฉลาด และกล้าเสี่ยงตายกับงานที่ได้รับมอบหมาย มีผู้หญิงไม่กี่คนที่กล้ารับงานเสี่ยงอันหมายถึงชีวิตในหลายงาน ถ้าพลาดนั่นคือสิ้นลมหายใจ ทว่าเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงข้างกายคนนี้พลาดงานใดๆเลยสักครั้ง

“เออสิ...บ้าชะมัด” ผิงผิงตอบรับเสียงขรม

“โดนจูบด้วยนี่” คนพูดก็เล่นส่งคำพูดไม่อ้อมค้อม ส่งหมัดเสยคางหงายหลังผึ่งทีเดียวถ้าเป็นนักมวย

“อย่าพูดได้มั้ย คนบ้าอะไรสาวงามมีเป็นสิบมาเลือกฉัน” หญิงสาวว่าอย่างเดือดไม่ใช่ไม่รู้สึกกับจูบเมื่อกี้ รู้สึกมากที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ ก็ในเมื่อมันคือจูบแรกในวัยสาวสะพรั่งของเธอนี่นา ไม่รู้สึกคงกลายเป็นคนตายด้านล่ะ หากแต่เธอไม่ได้ตายด้าน แต่มีความรู้สึกมากล้นเหลือกับจูบและเจ้าของจูบ

ผิงผิงไม่เคยเจอตัวจริงของเล่ยฟาน หรือมิสเตอร์สตีฟ หวัง ทว่ารู้จักผ่านระบบข้อมูลต่างๆ ที่ถูกป้อนมเพื่อใช้ในการทำงาน ทุกครั้งที่มองรูปถ่ายของเขาผ่านสื่อ หรือผ่านข้อมูลที่ได้รับมอบมา เธอแอบบอกตัวเองเสมอ ผู้ชายบ้าอะไรช่างดูดีสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ และยังแอบคิดซุกซนไปมากกว่านั้น ถ้าได้เป็นผู้หญิงของเขาสักคืนหรือสองคืนคงสุขจริงแท้

“เธอมันสวยนี่นาผิงผิง” วิลเลี่ยมเอ่ยชมเพื่อนร่วมงานสาวสวยแบบหน้านิ่งๆ ราวกับตอนนี้เขากำลังเลือกชมผลไม้ตามร้านรวงในตลาดสด ทั้งที่ทุกครั้งเมื่อมองผิงผิง หัวใจหนุ่มแน่นมักโลดแล่นไม่อยู่กับร่องกับรอย

“เรื่องนั้นฉันรู้แต่มันใช่มั้ยล่ะ ฉันไม่เกี่ยวกับการดูตัวของพวกมหาเศรษฐีซะหน่อย” หญิงสาวว่าอย่างเดือนดาล หากแต่ในความเดือดดาลกลับแฝงอารมณ์ละเมียดบางอย่างไว้ในก้นบึ้ง

“เอานี่เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ ขืนยังใส่ชุดนักร้องแบบนี้เขาได้ตามมาเจอ คงได้ลากขึ้นเตียงจริงๆ มากกว่าจูบล่ะงานนี้” วิลเลี่ยมโยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เขาหยิบมาดื้อๆ จากร้านเสื้อผ้าในส่วนช็อปปิ้ง วัดขนาดคงพอเหมาะกับรูปร่างสมส่วนหุ่นนาฬิกาทรายของผิงผิงพอดี

“นี่ฉันเสียจูบแรกให้กับอีตาบ้านั่นเหรอวะ” หญิงสาวยังไม่เลิกพล่ามถึงการเสียจูบ ก็มันวาบหวิวนี่นา

“อะไร...นะ...จูบเมื่อกี้เป็นจูบแรกของเธอเหรอ” วิลเลี่ยมโพล่งถามออกมาอย่างลืมตัว ให้ตายเถอะ...สาวมั่น สวยเฉี่ยว ขนาดนี้ไม่เคยจูบ รู้อย่างนี้ฉวยโอกาสก่อนไอ้มหาเศรษฐีนั่นซะก็ดี เขาคิดอย่างหมั่นเขี้ยวในใจ

“ใช่น่ะสิ” ผิงผิงตอบกลับแบบสะบัดเสียง พลางนึกถึงหน้าสุดหล่อไร้ที่ตำหนิเจ้าของปากนุ่มหวานสะท้านจิตไปพลาง

“แหม...เสียดายฉันอยากได้มั่งจัง แต่ทำไงได้เศรษฐีนั่นได้ไปแล้ว ฉันขอเป็นตัวสำรองก็ได้” วิลเลี่ยมแสดงท่าทีเสียดาย ที่ตนไม่ได้เป็นผู้โชคดีแต่ไม่เป็นไร คนแรกก็แค่น่าจดจำ แต่คนสำคัญคือคนสุดท้าย

“อีตาไฟ” ผิงผิงถลึงตาทั้งชี้หน้าวิลเลี่ยม ชื่อบ้าบอสากลโบราณก็จริงแต่เก่าแก่ชะมัด หมอนี่ช่างคิดได้หรือว่าเพราะคิดไม่ออกมากกว่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel