บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6. ปราบพยศ (1)

มื้อเย็นก็เป็นชายหนุ่มที่ต้องลงมือทำ เพราะหลังจากที่แหกปากเรียกหญิงสาวแล้วเหมือนพูดกับตอไม้ เพราะนอกจากเธอจะไม่ขยับแล้วยังทำท่าทางกวนโมโห ธนากรจึงปล่อยเลยตามเลย

หลายครั้งที่ชายหนุ่มโมโหให้คนงาน เรื่องความไม่สะดวกของอุปกรณ์ครัวแต่ก็ต้องถอนหายใจ เพราะเขาเป็นคนสั่งพวกมันเองว่าให้เตรียมของพวกนี้เอาไว้ ก็เขาต้องการเอาไว้ทรมานยายคุณหนูนั่น ไม่ใช่ทรมานตัวเองแบบนี้ ธนากรทำไปบ่นไปแต่ก็ทำจนเสร็จ หลายครั้งที่ตาคมเข้มชำเลืองไปทางคนที่นั่งพิงเสา ก่อนจะอมยิ้มเมื่อเห็นเธอ เอาผ้าถุงที่เขาโยนให้มาปิดช่วงล่างเอาไว้ ไหนว่าอยากโชว์ ไม่แน่จริงนี่หว่า

“โอ๊ย!”

ร่างสูงร้องออกมาอย่างลืมตัว เมื่อแขนไปโดนกับหม้อข้าวที่กำลังเช็ดน้ำ เพราะมัวแต่มองคนที่ทำท่าจะเคลิ้มหลับอยู่กลางบ้าน ชายหนุ่มยอมรับว่าหุงข้าวแบบนี้เป็นอะไรที่ลำบากมาก เวลาที่เขาไม่อยู่ ยายคุณหนูนี่คงอดตายแน่นอน

อารดานั่งมองชายหนุ่มหยิบนั่นจับนี่อย่างเพลินตา ธนากรก็เป็นผู้ชายที่ดูดีคนหนึ่ง อาจจะไม่หล่อเนี้ยบเหมือนหนุ่มไฮโซ แต่ก็จัดว่าคมคาย ถ้าเธอเจอเขาในสถานการณ์ปกติ ก็ต้องยอมรับว่าเขาก็เป็นผู้ชายที่น่ามองคนหนึ่ง

ตากลมโตมองสำรวจไปทั่ว ที่นี่ลมเย็นสบาย ถึงแม้จะเป็นลมทะเลแต่ก็สดชื่น น่าจะเป็นเพราะมีต้นไม้ใหญ่อยู่บริเวณนี้ค่อนข้าง มาก จึงทำให้ลมที่พัดมาไม่ร้อนเหมือนลมทะเลทั่ว ๆ ไป

หญิงสาวนั่งหลับตา รู้สึกปวดหัวและเจ็บคอ ความหิวบวกกับความเพลีย แถมร่างกายยังอ่อนล้า เมื่อมาเจอลมพัดเย็นสบายแบบนี้ ไม่นานคนที่นั่งพิงเสาก็เคลิ้มหลับ

ธนากรหันไปมองคนร่างบาง เมื่อตักไข่เจียวใส่จาน เป็นอันสิ้นสุดมื้อเย็นที่ยุ่งเหยิง ดวงตาคมเข้มอ่อนแสงลงเมื่อเห็นดวงตากลมโตปิดสนิท ผู้หญิงคนนี้น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับแก้วสุนีย์ เพราะเธอเรียก ภพธรอย่างสนิทสนม น่าจะอายุมีอายุไล่เลี่ยกัน ร่างสูงถอนหายใจ เมื่อไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับเธอต่อดี ยอมรับว่าที่พาเธอมาถึงที่นี่ก็เพราะความโมโห แต่เมื่อหายแล้วก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ พ่อเธอเป็นคนมีอิทธิพล เขาคงถูกหมายหัว อีกไม่นานรีสอร์ตของเขาคงลุกเป็นไฟแน่นอน

“ตอนทำไม่คิดนะมึง”

ก่นด่าตัวเองเมื่อเตรียมอุปกรณ์จานชามเสร็จเรียบร้อย เหลือแต่มาเชิญเสด็จยายหัวฟูนั่นมากินอย่างเดียว ต้องรีบแล้ว เพราะอีกไม่นานก็จะมืด เขาไม่ได้ทำที่อาบน้ำไว้ที่นี่ ต้องเดินไปอาบที่น้ำตกด้านหลังกระท่อม ถ้ามืดแล้วจะเดินลำบาก

เกาะที่เขาพาเธอมาคือเกาะเสน่ห์จันทร์ ที่นี่เป็นมรดกตกทอดของตระกูลเขา และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เขามีศัตรูเพิ่ม เพราะนอกจากเกาะมุกแล้ว เกาะเสน่ห์จันทร์ก็เป็นที่ต้องการของเหล่านายทุน เพราะที่นี่มีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม

บนเกาะนี้ยังมีชาวบ้านอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง แต่จุดที่เขาพาเธอมา เป็นอีกฝากหนึ่งของเกาะ คนที่นี่จะรู้ว่าตรงจุดนี้ เป็นพื้นที่ส่วนตัว ของเขา คนนอกจะไม่เข้ามาถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากเขา คนที่นี่อยู่กัน อย่างมีระเบียบ เพราะธนากรมีระบบการจัดการกับชาวบ้านที่ดี หวังว่าช่วงที่เขาไม่อยู่อารดาคงจะไม่เดินไปจนรอบเกาะ เพราะถ้าเป็น อย่างนั้น เธอจะรู้ทันทีว่าที่นี่ไม่ได้น่ากลัว เหมือนที่เขากำลังสร้างภาพหลอกเธอ

“อารดา! อารดา! ลุกมากินข้าว!” ชายหนุ่มตะโกนเรียก แต่ อารดายังคงนั่งเฉย

“อารดาลุกมากินข้าวเดี๋ยวนี้!” เสียงแหบห้าวตะโกนลั่น เมื่อคนที่เขาเรียกยังไม่ยอมขยับตัว

เมื่อหมดความอดทน น้ำที่อยู่ในขันใกล้ ๆ ก็ถูกสาดมาที่หน้าคนหลับอย่างแรง อารดาสะดุ้งเฮือก รู้สึกถึงความเปียกแฉะที่มากระทบใบหน้า แต่ตอนนี้ในหัวเธอหนักอึ้ง แรงจะลืมตาก็แทบจะไม่มี นี่เขาจับเธอกดน้ำอีกแล้วใช่ไหม เชิญเถอะ... จะเอาเธอไปขึ้นเขาลงห้วยที่ไหน ก็เชิญ หญิงสาวคิดอย่างอ่อนแรง

ธนากรหัวเสีย เมื่อคนร่างบางทำแค่ขยับตัวไปมา ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบน้ำออกจากหน้า แล้วหลับต่อ

“หลับหรือตายวะ!”

ชายหนุ่มสบถลั่นแล้วก้าวอาด ๆ มายังคนที่นั่งหลับ เรียกก็แล้ว เอาน้ำสาดก็แล้ว สงสัยต้องใช้ไม้แข็ง ชายหนุ่มคิดก่อนจะถกแขนเสื้อขึ้นทั้งสองข้าง

“อารดา! อารดา! อาร...” คำว่า ‘ดา’ ถูกกลืนลงคอ เพราะทันทีที่ฝ่ามือใหญ่สัมผัสกับต้นแขนเรียว ธนากรก็รู้สึกถึงความร้อนที่ระอุขึ้นมาจากผิวเนื้อของเธอ มือแกร่งชะงักค้าง ก่อนจะจับลงมาบนต้นแขนเรียวอีกครั้ง ไม่เพียงแค่ต้นแขน มือของเขายังสัมผัสไปบนหน้าผาก ก่อนจะมาหยุดบริเวณแก้มที่ซีดจนไร้สีเลือดของเธอ ชัดล้านเปอร์เซ็นต์... ยายคุณหนูนี่ถูกไข้เล่นงานเข้าแล้ว เป็นไงล่ะ... ทั้งตากแดด ตากลม โดนน้ำ แถมยังจับกดน้ำอีก สะใจไหมไอ้นะ ธนากรถามตัวเอง ก่อนจะตบลงบนต้นแขนเรียวเบา ๆ

“อารดา... อารดา ตื่นมากินข้าวก่อน เดี๋ยวจะได้กินยา”

ไม่มีเสียงตอบ มีเพียงเสียงอู้อี้ในลำคอที่เจ้าตัวเปล่งออกมา แต่มันฟังไม่ได้ศัพท์

“กินข้าว...”

“ไม่ค่ะ อ้อมปวดหัว” อารดาตอบเมื่อรู้สึกว่ามีคนมากวนใจ

“ลุกมากินข้าวก่อน เดี๋ยวกินยาแล้วจะได้นอนยาว ๆ”

“อ้อมปวดหัวค่ะ”

“รู้แล้ว ต้องกินข้าวก่อนไง ถึงจะกินยาได้ ไม่ได้กินอะไรเลยมาทั้งวัน ท้องว่างเดี๋ยวยากัดกระเพาะ” ธนากรเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือความเอ็นดู อยู่ ๆ ก็รู้สึกสงสารขึ้นมา

“พี่โอเหรอคะ พี่โอมาช่วยอ้อมเหรอ อ้อมหนาว”

“...”

ธนากรถอนหายใจ เมื่อความรู้สึกผิดถาโถมเข้าใส่ เขาทำรุนแรงไปใช่ไหม เธอถึงได้เก็บมาละเมอแบบนี้

“กรรม!” ชายหนุ่มพูดขึ้น ก่อนจะช้อนร่างบางเข้าสู่วงแขนแล้วเดินเข้าไปในส่วนที่เป็นห้องนอน

“ถอดเสื้อผ้าไหวไหม เฮ้อ! สภาพนี้คงไหวนะมึง”

พูดเองเออเองก่อนจะเริ่มจัดการกับคนป่วย ชายหนุ่มลังเลเพราะไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ก่อนจะกลั้นใจแล้วลงมือแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกเป็นอันดับแรก

“จะสั่นทำไมวะ มากกว่านี้มึงก็เคยทำมาแล้ว” พูดกับตัวเองเมื่อบังคับมือไม่ให้สั่น ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ ทุกครั้งที่กระดุมหลุดจากกัน แล้วเผยให้เห็นผิวเนื้อใต้ร่มผ้า ส่วนที่พ้นเสื้อถูกแดดเผาจนไหม้ก็จริง แต่ส่วนที่อยู่ในเนื้อผ้าก็ยังเหมือนเดิม จนทำให้คนบางคนใจสั่น ยามที่มือสัมผัสไปโดนผิวเนื้อนุ่มนิ่ม

“ตกลงป่วยจริงหรืออ่อยกันแน่วะ” พูดกับตัวเอง ไม่ได้หวังเอาคำตอบ เพราะตอนนี้บุรุษพยาบาลจำเป็นเดินมาตักน้ำจากตุ่มใส่กะละมัง ต้องเช็ดตัวให้เธอก่อน เพราะวันนี้อารดาเปียกน้ำมาทั้งวัน แถมยังเป็นน้ำทะเลอีกด้วย ปล่อยให้นอนแบบนั้นคงไม่สบายตัว มือใหญ่ที่กำลังบิดผ้าผืนเล็กชะงัก เมื่อคิดได้ว่าเธอจะนอนสบายหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับเขา ดีเสียอีกให้เป็นไข้จะได้ทรมาน แล้วตายไปให้พ้น ๆ คิดแล้วก็สาดน้ำในกะละมังทิ้ง พร้อมกับขว้างของในมือลงพื้นด้วยความเกรี้ยวกราด ร่างสูงนับหนึ่งถึงสิบในใจก่อนจะโดดลงจากกระท่อม

“ห่าเอ๊ย! ถ้าใจมึงไม่แข็งก็อย่าเสือกปากดี กูเหนื่อย”

นาทีนี้ธนากรเหมือนคนบ้า เพราะรู้สึกว่ามีเงาของใครอีกคนอยู่ในตัวเขา คนหนึ่งบอกให้เขาใจร้าย ในขณะที่อีกคนหนึ่งบอกให้เขาสงสารเธอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel