7.จะทำอย่างไรกับสตรีร้ายกาจผู้นี้
“มะ..หมายความว่าอย่างไรกันคาเซล?”
โอฟีเลียเสียงสั่นเครือด้วยความประหม่าเขินอาย ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถามคำถามกับเขาจบ ปลายนิ้วของคาเซลก็กดลงไปบนรอยแยกกลางกายของเธอเบาๆ เขากรีดปลายนิ้วลงไปโดยไร้ซึ่งความอ่อนโยน ใบหน้าหล่อเหลาเกินห้ามใจของเขาเงยหน้าขึ้นมามองสบตากับเธอเล็กน้อย
“การมานั่งอธิบายมันเสียเวลาเพราะอย่างนั้นข้าทำให้ท่านดูเลยน่าจะดีกว่า..”
เขาใช้มืออีกข้างแยกขาของเธอออกจากกันเล็กน้อย ใบหน้านั้นซบลงไปบนตักของโอฟีเลียอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มร้ายกาจ น่าเสียดายที่โอฟีเลียไม่ได้เห็นมัน
เธอยกมือขึ้นมาจับเข้าที่ไหล่ของเขาพร้อมกับผลักเขาออกเบาๆ การยื้อกันไปมาของเธอกับเขานั้นเกิดขึ้นอยู่พักหนึ่งก่อนที่ประตูห้องทำงานของโอฟีเลียจะถูกเปิดเข้ามาโดยเพนนีและชายผู้หนึ่ง
แน่นอนว่าเมื่อผู้มาใหม่ทั้งสองมองเห็นบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังซบใบหน้าลงบนตักของคุณหนูผู้เป็นเจ้านาย เพนนีก็พยายามลบอาการประหม่าของตัวเองออก
เธอรับรู้เรื่องนี้มาจากพ่อบ้านว่าดัชเชส พาบุรุษผู้หนึ่งมาให้คุณหนู เขาจะเป็นทั้งทาสรับใช้และอัศวินเพื่อปกป้องคุณหนูของพวกเรา บอกตามตรงว่าในคราแรกเธอเป็นห่วงคุณหนูมากทีเดียวที่จะต้องอยู่กับบุรุษที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่เมื่อพ่อบ้านบอกว่าชายผู้นี้ถูกท่านดัชเชสล้างสมองด้วยมนตร์ดำ และดูจากท่าทางที่เขาติดคุณหนูของเธอมากเหลือเกินในบางทีเขาอาจจะปลอดภัยต่อคุณหนูของเธอก็ได้
แก้มของโอฟีเลียแดงระเรื่อขึ้นมาราวกับลูกมะเขือเทศ คาเซลไม่ได้ดึงปลายนิ้วของเขาออกมาจากใต้กระโปรงของเธอ และจากมุมที่เขานั่งอยู่นี้ทำให้ทั้งเพนนีและลิฟตันมองไม่เห็นว่าเขากำลังทำอะไรเธอ เพราะมีโต๊ะทำงานขวางอยู่ พวกเขาทั้งสองคนมองเห็นแค่ว่าคาเซลกำลังนั่งอยู่บนพื้นแล้วซบใบหน้าของเขาลงบนตักของเธอเท่านั้นเอง
“คุณหนูคะ เรื่องของที่ดินบริเวณภูเขาแมนนาดูเหมือนว่าเราจะช้ากว่าทางกลุ่มการค้าเทอรันไปหนึ่งก้าว เขาคว้านซื้อที่ดินบนภูเขาทั้งหมดโดยไม่หลงเหลือเอาไว้แม้แต่แปลงเดียว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นโอฟีเลียก็หยักยิ้มขึ้นมาในทันที เธอลูบผมสีรัตติกาลของคาเซลเบาๆ
“ดีมาก อันที่จริงที่ดินตรงนั้นเป็นแค่การสับขาหลอกเท่านั้นเอง ที่นั่นเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่าที่ไม่มีแม้แต่แร่เพชร มีแค่ก้อนกรวดเท่านั้น ข้าเห็นว่ากลุ่มการค้าเทอรันในช่วงนี้มักจะชอบซื้อที่ดินตามเรา เพราะแบบนั้นข้าก็เลยจงใจประกาศรับซื้อที่ดินบนภูเขาเพื่อให้เขาทุ่มเงินซื้อที่นั่นตัดหน้าเรา..แปลงที่ข้าอยากได้จริงๆ ไม่ใช่ที่ดินบนภูเขาสักหน่อย”
ในยามนี้ทั้งเพนนีและลิฟตันต่างตบมือเสียงดังพร้อมกับชื่นชมความเก่งกาจของคุณหนูพวกเขา
ตรงข้ามกับความรู้สึกของคาลอสอย่างสิ้นเชิง เขากำลังโกรธมากที่ถูกเธอหลอก กลุ่มการค้าเทอรันมันคือหนึ่งในกลุ่มการค้าของเขาเอง เขาเห็นคนของแอเรียนาเดินไปมาเพื่อถามไถ่เรื่องที่ดินบนภูเขาเพราะอย่างนั้นเขาจึงคิดว่าที่ดินบนนั้นจะต้องมีแร่ทองหรือไม่ก็แร่เพชรอย่างแน่นอน แต่มันกลับกลายเป็นว่าเขาถูกเธอต้มจนเปื่อย..
โอฟีเลีย สตรีร้ายกาจ! เขาควรจะทำเช่นไรกับเธอดีนะ!!
“อ๊ะ..”
โอฟีเลียส่งเสียงร้องครางออกมาจากลำคอเมื่อเรียวนิ้วของคาเซลดึงกางเกงซับในไปอีกข้างเพื่อให้เขาสัมผัสเธอได้โดยตรง และในยามนี้ปลายนิ้วที่กำลังสำรวจอย่างใคร่รู้ของเขามันกำลังขยับเสียดสีเบาๆ อยู่บนปุ่มเนื้อที่นูนขึ้นมาเล็กน้อย
“คุณหนูเป็นอะไรไหมคะ?”
โอฟีเลียขบเม้มริมฝีปากเบาๆ เธออยากจะทุบหลังของคาเซลแรงๆ สักทีแต่ในยามนี้ดูเหมือนว่าจะทำเช่นนั้นไม่ได้
“ไม่เป็นไร ข้าแค่ดีใจมากไปหน่อยที่สามารถ..อืม..สามารถหลอกกลุ่มการค้าเทอรันได้น่ะ”
การเคลื่อนไหวของเขานั้นไม่มีความลังเลหรือว่าเกรงใจ มีเพียงความตั้งใจที่จะสำรวจทุกซอกทุกมุมให้ถึงส่วนที่ลึกที่สุด
สาบานได้เลยว่าฉันไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน มันทั้งอับอายและหัวใจเต้นแรงไปพร้อมๆ กันเมื่อส่วนนั้นถูกรุกล้ำต่อหน้าคนอื่นเช่นนี้
เมื่อได้ยินเสียงร้องครางในลำคอของโอฟีเลีย บนใบหน้าหล่อเหลาก็ปรากฏรอยยิ้มร้ายขึ้นมา เขาเคลื่อนไหวเรียวนิ้วราวกับจะคลำหาจุดไวสัมผัสที่อยู่ด้านใน
ให้ตายสิอยากเห็นชะมัดเลยว่าส่วนนั้นของเธอจะมีสีแบบไหน จะเป็นสีชมพูระเรื่อเหมือนกับเรือนแก้มของเธอหรือว่าจะมีสีแดงเชอร์รี่ที่เหมือนกับสีของริมฝีปากเธอกันแน่ นิ้วของเขาลูบไล้อยู่ด้านนอกสักพักจนสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วที่เปียกชุ่ม คาลอสจึงค่อยๆ รุกคืบเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ เขากดแทรกเรียวนิ้วเข้าไปในโพรงเนื้ออ่อนนุ่มที่มันไม่เคยมีผู้ใดล่วงล้ำเข้าไป
“...!”
โอฟีเลียกำมือแน่น เมื่อเธอสัมผัสผัสได้ถึงปลายนิ้วที่ค่อยๆ กดแทรกเข้ามาในกาย เธอเหลือบมองใบหน้าของคาเซล เขากำลังซบบนหน้าขาของเธออย่างไม่มีทีท่าเผยพิรุจออกมา ส่วนเพนนีก็กำลังอ่านรายงานการประชุมของเมื่อวานนี้
นิ้วมือของอีกฝ่ายค่อยๆ เปิดร่างกายของเธออย่างอ่อนโยน ขณะที่สะโพกชาวาบเมื่อเขาเริ่มขยับปลายนิ้วเคลื่อนเข้าสลับกับเคลื่อนออกเบาๆ
“เพราะแบบนั้นท่านชายอาม่อนจึงได้สั่งให้ช่างมาวัดตัวของคุณหนูเพื่อที่จะได้เข้าร่วมงานเลี้ยงค่ะ ช่างน่าจะมาในวันพรุ่งนี้นะคะ ช่วงสาย ข้าตรวจดูตารางงานทั้งหมดของคุณหนูแล้ว คุณหนูไม่มีตารางงานที่ไหน”
โอฟีเลียพยักหน้า เธอขบเม้มริมฝีปากเบาๆ
“วันนี้เอาแค่นี้ก่อนเถอะเพนนี”
เพนนียกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าลิฟตัน
“ค่ะ ต่อไปเป็นการรายงานของลิฟตันนะคะ”
มือของโอฟีเลียบีบลงไปบนไหล่ของคาเซล เธอจิกปลายเล็บลงไปบนนั้นด้วยมือที่สั่นเทา สะโพกของเธอบิดไปมาทุกครั้งที่มือของเขาเคลื่อนไหว เธอไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย มันแปลกจนเหมือนกับเธอจะปลดเบาออกมา มันอึดอัดทรมานมากทีเดียว แต่ทว่ามันก็มีความสุขล้ำในแบบที่ไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อน
“ที่ท่าเรือในยามนี้มีเรือสินค้าของจักรวรรดิอื่นๆ เดินทางเข้ามาดังที่คุณหนูคาดการณ์เอาไว้เลยครับ ธุรกิจการเช่าที่จอดเรือและโรงแรมที่พักของนักเดินเรือที่สร้างขึ้นมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนผลตอบรับดีมากๆ จนเราได้ทุนคืนตั้งแต่เดือนแรกที่เปิดบริการ มีแขกหลายคนเลยทีเดียวที่เรียกร้องให้เราขยายห้องเพิ่มเพราะเรือสำเภาที่เดินทางมามักจะมีนักเดินเรือไม่ต่ำกว่า20คน..พวกเขาอยากได้ห้องพักที่เดียวกันเพื่อให้ง่ายต่อการทำงานด้วย..แล้วก็...”
ปลายนิ้วถูกถอนออกมาจากตรงนั้นพร้อมกับเสียงชุ่มน้ำ โอฟีเลียถอนหายใจออกมายาวเหยียดเพราะดูเหมือนการทรมานของคาเซลจะจบแล้ว ทว่าเขากลับค่อยๆ เลิกกระโปรงของเธอสูงขึ้นเรื่อยๆ..