4แผนร้าย(1)
ตอนที่ 2
แผนร้าย
สามเดือนแล้วตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ที่กัสจังมีโอกาสได้พูดคุยสนิทสนมกับนักแสดงหนุ่มใหญ่ที่อายุมากกว่าเธอเกินสิบปี วันเวลาในการฝึกงานผ่านไปอย่างมีความสุขถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเพียงแค่แฟนคลับคนหนึ่งที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับนักแสดงที่ตัวเองชื่นชอบก็เท่านั้น
“วันนี้คุณแสดงดีมากรู้ไหม”
พุฒิเอ่ยปากชมหญิงสาวที่นั่งอยู่บนรถข้าง ๆ เขาด้วยรอยยิ้มที่ยังคงดูอบอุ่นเหมือนทุก ๆ ครั้งเพียงแต่วันนี้มันมีความสนิทสนมคุ้นเคยมากขึ้นกว่าเดิมเพราะทั้งคู่มีโอกาสได้พูดคุยและไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้งโดยที่ไม่มีแม้แต่คนในกองถ่ายละครรู้สักคนเดียวเพราะพุทธินาถขอร้องกัสจังไว้และตัวหญิงสาวเองก็ไม่อยากทำให้พระเอกยอดดวงใจของเธอต้องตกเป็นข่าวไม่ดีจึงทำให้ความสนิทสนมของทั้งคู่เป็นความลับที่ไม่มีใครได้ล่วงรู้แม้แต่คนเดียว
“แกล้งชมกันหรือเปล่าคะ วันนี้ฉันว่าตัวเองเผลอพูดน้ำเสียงเหมือนคนกำลังอ่านหนังสือด้วยซ้ำ”
“ไม่แปลกเพราะนี่เป็นครั้งแรกของเธอ ไม่มีใครหรอกที่ทำอะไรเก่งมาตั้งแต่เกิด ครั้งแรกทำได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีมาก”
นักแสดงตัวประกอบคนใหม่หันไปส่งยิ้มให้คนชมอย่างดีใจเพราะกัสจังมีความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นนักแสดงแต่เธอก็แอบคิดมาตลอดว่ามันคงเป็นฝันที่ไกลตัวเพราะความจริงแล้วเธอไม่ใช่คนที่กล้าแสดงออกเธอเลือกมาเรียนในสาขานี้เพียงเพราะต้องการมีโอกาสได้เจอหน้าพุทธินาถก็เท่านั้น
วันนี้พระเอกวัยกลางคนไม่ได้พาสาวน้อยที่นั่งข้าง ๆ ไปแค่เพียงกินข้าวเย็นเท่านั้นแต่เขายังพาเธอไปทำบุญที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าต่อด้วยเพราะชายหนุ่มเองได้รับอุปการะเด็ก ๆที่นั่นไว้หลายคนและเขาก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครแต่พุทธินาถก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจพาหญิงสาวที่เขาเพิ่งรู้จักได้ไม่นานมาที่นี่ทั้งที่ความเป็นจริงเขาต้องการให้สถานที่นี้เป็นที่ส่วนตัวที่เป็นความลับที่สุด
“ขอบคุณนะคะที่พาฉันมาที่นี่”
กัสจังหันไปส่งยิ้มเศร้า ๆ ให้กับคนขับก่อนที่เธอจะปิดประตูรถเพื่อเดินทางออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหลังจากที่ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ที่นี่เกือบสองชั่วโมง
“ทำไมล่ะ ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณที่คุณอุตส่าห์ยอมมาเป็นเพื่อนผม” ชายหนุ่มทำท่าแปลกใจ
“หลายครั้งที่ชีวิตของฉันมีปัญหาเข้ามา หลายครั้งที่อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองโชคร้ายแต่พอคุณพุฒิพาฉันมาที่นี่เด็ก ๆ ที่นี่ทำให้ฉันรู้สึกได้ว่าตัวเองโชคดีกว่าทุกคนที่อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็ยังมีพ่อและแม่ถึงแม้ว่าครอบครัวของเราจะมีปัญหาก็ตาม”
พุทธินาทเอื้อมมือใหญ่ไปจับมือของสาวน้อยที่กำลังทำหน้าเศร้า ชายหนุ่มบีบมือสาวน้อยเพื่อต้องการแสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาเข้าใจและเป็นห่วงเธอ
ทั้งสองคนสนิทสนมกันเพิ่มขึ้นทุกวันแต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้มีใครเล่าเรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับครอบครัวหรือคนใกล้ชิดให้กันฟัง ทุกครั้งที่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันทั้งคู่ก็เลือกที่จะคุยกันแต่เรื่องสนุกสนานเท่านั้น
“กัสจัง พรุ่งนี้ไปบ้านเด็กกำพร้ากันไหม”
“พรุ่งนี้ฉันมีนัดกับเพื่อนค่ะแต่ถ้าเสร็จไวจะโทรศัพท์ไปบอกนะคะหรือถ้าคุณพุฒิไม่อยากไปช่วงเย็นก็ไปก่อนได้เลยค่ะไว้วันหลังเราค่อยไปด้วยกัน”