คุณหนูตระกูลเสิ่น
แคร้ง!!!
เสียงแก้วกระเบื้องเคลือบชั้นดีถูกโยนลงพื้นอย่างไม่ใยดี เศษกระเบื้องบางส่วนกระเด็นโดนข้างแก้มของชายสูงวัยที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องล่าง
หญิงสาวหน้าตาสะสวย แต่ใบหน้ากำลังบูดเบี้ยวเกรี้ยวกราดด้วยความโกรธ การที่ผู้หญิงคนนั้นมีตัวจนได้กลับเข้ามาเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเสิ่น เป็นความผิดของเขา ถ้าหากเขาไม่ไปเที่ยวที่เมืองนั้น ก็คงไม่ได้เจอหล่อนที่นั่น
ตั้งแต่ที่ทุกคนรับรู้ถึงการมีตัวตนของหล่อน หลายสิ่งหลายอย่างก็เปลี่ยนไป คนในครอบครัวทุกคนต่างก็เอาอกเอาใจหล่อนทุกอย่าง เธอควรเป็นจุดศูนย์กลางของความรักเพียงคนเดียวสิ ไม่ใช่แม่นั่น
“เพราะลุงฮั่วคนเดียว ทำให้เรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้” เสิ่นอ้ายฉิงโวยวายใส่ชายสูงวัย
“ผม ขอโทษครับ แต่คุณหนูใหญ่อ้ายเหรินก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลนี้ ผมจึงต้องพิสูจน์ตัวตนของเธอ เธออยู่ข้างนอกลำบากมามากแล้ว” ฮั่วเฉินตอบ
คำตอบของชายสูงวัยยิ่งทำให้เธอโมโห ตอนที่ยังเด็กอ้ายฉิงมีส่วนที่ทำให้พี่สาวต่างมารดาพลัดหลงกับครอบครัว เธอไม่ต้องการให้บ้านนี้มีคุณหนูสองคน เธอต้องเป็นคนเดียวที่ได้รับความรัก
“เสียแรงที่ฉันรักลุงฮั่วเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ไม่คิดเลยว่าลุงฮั่วจะทำร้ายฉันแบบนี้”
ชายสูงวัยที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องล่างเงยหน้ามองใบหน้างดงามแสนร้ายกาจของหล่อน
“ตอนที่คุณหนูยังเด็กผมไม่น่าหลงเชื่อแววตาใสซื่อของคุณเลย ผมน่าจะบอกทุกคนไปว่าคุณรู้ว่าพี่สาวคุณไปไหน และคุณเองนั่นแหละที่เป็นคนโกหกทุกคน” ฮั่วเฉินพูดอย่างเจ็บแค้น ตอนนี้เขาถูกอันธพาลที่เสิ่นอ้ายฉิงจ้างมาทำร้าย จนแทบพูดอะไรไม่ออก
“ฮั่วเฉิน จะมากไปแล้วนะ ลุงมีสิทธิ์อะไรไม่ทราบ ลุงมันก็แค่เลขาแก่ ๆ ของคุณพ่อ ลองดูแล้วกันว่าถ้าลุงหายไปคุณพ่อจะตามหาลุงไหม”
เสิ่นอ้ายฉิงมองเหยียดชายสูงวัยด้วยแววตาวาวโรจน์ ชายคนนี้พูดมากเกินไปแล้ว ระหว่างที่เธอกำลังตัดสินใจเรื่องความเป็นความตายของเขา แสงไฟจากรถลีมูซีนคันใหญ่ก็สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง
ที่นี่เป็นบ้านพักตากอากาศที่เธอแอบซื้อเอาไว้ คุณพ่อเธอรู้ได้ยังไง
ชายสูงวัยอีกคนท่าทางภูมิฐานแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชั้นดีราคาแพง ก้าวลงจากรถด้วยสีหน้าถมึงทึง เขาเดินเข้าไปในตัวบ้านเพื่อระงับเหตุการณ์ไม่ดี
“อ้ายฉิงหยุดได้แล้ว” เสิ่นเหยาซิ่วนายใหญ่แห่งอาณาจักรเสิ่นก้าวลงจากรถเพื่อห้ามปรามบุตรสาวของตนไม่ให้ถลําลึกไปมากกว่านี้
“คุณพ่อ” เสิ่นอ้ายฉิงยืนนิ่งด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าบิดาของตนจะตามเจอ
บอดี้การ์ดฝีมือดีหลายคนของนายใหญ่เสิ่นลงจากรถตู้มาพร้อมกัน เป็นการรับรองว่าเสิ่นเหยาซิ่วผู้นี้จะปลอดภัย
อันธพาลที่เสิ่นอ้ายฉิงจ้างมาเมื่อเห็นคนท่าทางภูมิฐานดูมีฝีมือพวกนั้น ก็ใจฝ่อวิ่งหนีกันหัวหดทิ้งให้คุณหนูเสิ่นยืนตัวสั่นอยู่ผู้เดียว
เสิ่นอ้ายฉิงยืนนิ่งราวกับเวลาหยุดหมุน เธอไม่คิดว่าบิดาของตนจะเจอเธอในภาพลักษณ์แบบนี้ เธอยังอยากเป็นคุณหนูเสิ่นผู้ใสซื่อในสายตาของบิดาและทุกคน
“ฮั่วเฉินลำบากนายแล้ว” เสิ่นเหยาซิ่วเดินมาประคองเลขาคนสนิทของตนด้วยตัวเอง
เขาและฮั่วเฉินรู้จักกันมาหลายสิบปี ผ่านความยากลำบากมาด้วยกันมาก็มาก บางเรื่องเขาก็ติดค้างฮั่วเฉิน ในใจคิดแต่จะตอบแทนบุญคุณอยู่เสมอ แต่ไม่คิดเลยว่าบุตรสาวของตนจะทำเรื่องร้ายกาจได้แบบนี้
“แค่ก แค่ก” ฮั่วเฉินไม่พูดอะไร ร่างกายที่ถูกทำร้ายมาอย่างหนักกำลังไอออกมาเป็นสีเลือด
“คุณพ่อ หนูไม่ได้ทำ” เสิ่นอ้ายฉิงพยายามปฏิเสธ เธอพยายามบีบน้ำตา แผนนี้มันสำเร็จทุกครั้ง
นายใหญ่แห่งอาณาจักรเสิ่นมองหน้าบุตรสาวที่ตนเองรักอย่างผิดหวัง เขามอบความรักให้บุตรสาวเลี้ยงดูอย่างดี ไม่เคยทำสิ่งใดขาดตกบกพร่อง ทุกคนก็รักเธอแต่ทำไมเรื่องราวมันถึงดำเนินมาจนจุดนี้ได้
เพี๊ยะ!!
ฝ่ามือใหญ่ของเสิ่นเหยาซิ่วฟาดลงไปที่ใบหน้าสวยงามของลูกสาวหนึ่งครั้ง
คนตัวเล็กเอนตัวไปตามแรงตบ จากที่เคยคิดว่าจะบีบน้ำตาเรียกร้องความสงสารจากคนที่เธอเรียกว่าพ่อ ตอนนี้หยาดน้ำตานั่นมันเป็นของจริง
“เสิ่นอ้ายฉิง หยุดได้แล้ว ทุกคนรักลูกและทะนุถนอมลูกมาเป็นอย่างดี ลุงฮั่วก็ถือว่าเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งของพวกเรา พ่อไม่เคยสอนให้ลูกเป็นแบบนี้ ทำไมถึงได้มีนิสัยร้ายกาจกัน”
ชายสูงวัยที่ร่างกายสะบักสะบอมมองเธอด้วยสายตาไร้อารมณ์ แต่ก่อนเขาคิดว่าถ้าเธอโตขึ้นคงจะทิ้งนิสัยร้ายกาจนั่นไปได้ แต่ตอนนี้เขาต้องคิดใหม่ เพราะเธอยิ่งโตยิ่งร้ายหากเธอมีส่วนร่วมในอาณาจักรเสิ่นเมื่อไหร่ อำนาจและความมั่งคั่งคงทำให้เธอยิ่งร้ายกาจมากกว่าเดิม
“คุณชายพอเถอะครับ” เขาเข้าห้ามนายของตน ฮั่วเฉินยังคงเรียกนายใหญ่เสิ่นว่าคุณชายตามความเคยชินแม้จะอายุมากขึ้น
เสิ่นเหยาซิ่วหมุนตัวกลับ เขาไม่อยากเห็นน้ำตาของบุตรสาว แต่เธอต้องได้รับบทเรียน ต่อไปนี้เขาจะไม่ใจดีกับเธออีกแล้ว จากนั้นบอดี้การ์ดของตระกูลเซิ่นจึงก้าวอาด ๆ มาควบคุมตัวเธอเอาไว้ก่อนจะพาขึ้นรถกลับไปด้วยกัน
ช่วงแรกเธอก็ต่อสู้ดิ้นรนให้พ้นจากมือบอดี้การ์ดตระกูลเสิ่น แต่เมื่อทำอย่างไรพวกเขาก็ไม่ปล่อย เธอจึงกลับมานิ่งเงียบยอมให้พวกเขาควบคุมตัวแต่โดยดี
รถลีมูซีนและรถตู้ เคลื่อนตัวออกจากบ้านพักตากอากาศนอกเมือง เสิ่นอ้ายฉิงถูกสั่งให้ไปนั่งในรถอีกคัน ส่วนนายใหญ่และเลขานั่งไปกับรถลีมูซีน ขบวนรถกำลังเดินทางกลับเข้าไปในเมือง รอบข้างจากที่มืดสนิทเริ่มมีแสงสว่างจากแสงไฟยามค่ำคืน เสิ่นเหยาซิ่วจึงเปิดปากพูดกับเลขาคนสนิทของตน
“อาเฉิน เรื่องนี้นายอย่าเอาความไหม”
ฮั่วเฉินนั่งนิ่งฟัง
“ถือว่าฉันขอนะอาเฉิน อย่าให้อ้ายฉิงต้องมีคดีติดตัวไปเลย เธอยังเด็กยังต้องเรียนรู้อะไรอีกมาก”
“.....” ฮั่วเฉินสายตานิ่งสนิท ในสมองกำลังประมวลผลเรื่องราว เขาเกือบตายจากน้ำมือลูกสาวของเสิ่นเหยาซิ่วเชียวนะ
“ฉันจะชดเชยให้นายและครอบครัวอย่างถึงที่สุด”
“อายุ 25 ไม่เด็กแล้วนะคุณชาย ตอนที่เธอยังเป็นเพียงเด็กผู้หญิง ผมก็รู้สึกรักและเอ็นดูเธอเหมือนหลานสาวของตัวเอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำเรื่องร้ายกาจเอาไว้ให้คุณชายคอยเช็ดล้าง” ฮั่วเฉินมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิด
“คราวนี้ฉันจะจัดการเธออย่างจริงจัง ฉันรู้ว่าฉันตามใจเธอมากเกินไป ต่อไปนี้จะไม่ให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น”
“คุณชาย ถ้าคนนั้น ๆ ที่ถูกทำร้ายไม่ใช่ผม คุณจะทำอย่างไร ถ้าเธอพลั้งมือฆ่าใครสักคนตายล่ะ” น้ำเสียงของฮั่วเฉินเริ่มเจือความโกรธ
“ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ” เสิ่นเหยาซิ่วรู้สึกผิดกับฮั่วเฉินจึงได้แต่เอ่ยคำขอโทษอย่างจริงใจโดยหวังว่าฮั่วเฉินจะละเว้นลูกสาวเขาสักครั้ง
ฮั่วเฉินนั่งคิดอยู่นาน กว่าจะยอมเอ่ยปากพูดอะไร
“ได้ ครั้งนี้ผมจะยอมสักครั้ง ผมเองก็ไม่ใช่ไม่รักไม่เอ็นดูเธอ หวังว่าเธอจะเรียนรู้ความผิดครั้งนี้”
เสิ่นเหยาซิ่วได้แต่พูดขอบคุณและขอโทษเมื่อฮั่วเฉินยอมให้อภัย
ในใจของฮั่วเฉินตอนนี้ทั้งโกรธและเคียดแค้น ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ไปเด็กคนนั้นจะเป็นเช่นไร หากมีอีกครั้ง ให้เธอไปอ้อนวอนกับยมบาลเถอะ
2