ตอนที่5. ไปเที่ยว
“ไม่เป็นไรค่ะคุณนาย”
“ได้ยังไง เราผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน ป้าไม่ได้เป็นแค่แม่บ้านแต่เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ของฉันด้วย”
“คุณนาย”
“วันนี้ไปเที่ยวกัน” เธอรีบพูดขึ้นก่อนที่ป้าฮุ่ยชิวจะน้ำตาร่วง “พาเด็กๆไปเที่ยวสวนสนุกใกล้ๆนี่กันนะ”
“ไปเที่ยว...”
ตั้งแต่คุณผู้ชายหายไป คุณนายไม่เคยไปเที่ยวที่ใดเลย แต่ละวันก็ทุ่มเทกับการดูแลลูกทั้งสองกับติดตามข่าวคราวของคุณผู้ชาย หรือบางทีคุณนายอาจทำใจได้แล้ว
หลินเหยาซื่อไม่รู้ความคิดของป้าฮุ่ยชิว หญิงสาวมองเด็กสองคนแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เด็กวัยสามขวบอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นและมีจินตนาการ เริ่มสำรวจสิ่งต่างๆ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และเป็นช่วงที่จะได้ยินคำว่า 'ทำไม' จากปากของเด็กๆ หลังจากที่ทำใจได้แล้วว่าตัวเองจะต้องอยู่ในร่าง ‘หลินเหยาซื่อ’ และรับมอบการดูแลเด็กฝาแฝดทั้งสองในฐานะ ‘แม่’ เธอก็ตั้งใจว่าจะดูแลเด็กทั้งสองให้ดีที่สุด เธอไม่มีประสบการณ์การเป็นแม่คน แต่ช่วงเวลาที่เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้าทำให้เธอรู้ว่าต้องดูแลเด็กเล็กๆ อย่างไร คนที่ไม่มีใครต้องการอย่างเธอ ทำได้แค่ดูแลคนอื่นๆ ยืนมองแต่ละคนมีคนมารับไปอยู่ในครอบครัวใหม่ แต่เติบโตอย่างโดดเดียวจนเรียนจบมัธยมปลาย เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้จึงย้ายออกมา แม้จะมีเงินสนับสนุนจากบ้านเด็กกำพร้ามาเป็นค่าเทอม แต่เธอก็ทำงานหาเลี้ยงตัวเองมาตลอด
เรื่องดีอีกเรื่องที่ทำให้หลินเหยาซื่อพอใจกับร่างนี้ก็คือใบหน้าที่งดงามและรูปร่างอรชรทั้งที่คลอดลูกแล้วแต่ยังหุ่นดีอยู่ หากเธอในปี2023 ได้ครอบครอบความงามเช่นนี้ การได้เป็นดาราคงไม่ใช่แค่ความฝัน บางครั้งเธอก็คิดว่าจะไปสมัครเป็นนักแสดงดีหรือไม่ อายุแค่ยี่สิบสองยังไม่แก่เกินไปสำหรับการเข้าวงการบันเทิง แต่เสียดายที่เจ้าของร่างมีลูกแล้ว ในยุคนี้ไม่มีใครเปิดเผยเรื่องส่วนตัว ถ้าแต่งงานมีลูกแล้วความนิยมจะลดลงทันที จำได้ว่าดาราดังหลายคนแม้แต่งงานมีลูกแล้วแต่ต้องปิดบังสุดชีวิต เธอมองหน้าเด็กฝาแฝดแล้วก็ทำใจไม่ได้ เด็กในวัยนี้กำลังสร้างความทรงจำระหว่างแม่ลูก ไม่มีพ่อก็แล้วไปเถอะ อย่าให้มีแม่แล้วเรียกแม่ไม่ได้เลย เธอรู้ดีว่าการเป็นเด็กกำพร้าเจ็บปวดเพียงใด นั้นคือเหตุผลที่ยอมทิ้งความฝันเพื่อเล่นบทบาทที่ยิ่งใหญ่ นั้นก็คือเป็นแม่ของเด็กแฝดทั้งสองคนนี้
“ของป้าฮุ่ยซิวก็มีนะ” หลินเหยาซื่อหยิบหมวกทรงฟักทองส่งให้ “เอาไว้คราวหน้าจะเย็บเสื้อผ้าชุดใหม่ให้นะคะ”
“ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ”
“ลำบากอะไรกันค่ะ” หญิงสาวหัวเราะร่า “เราเป็นครอบครัวเดียวกันนี่น่า วันนี้ไปเที่ยวกันค่ะ”
ป้าฮุ่ยซิวยกไม้ยกมือปฏิเสธแต่ถูกเด็กแฝดชายหญิงวิ่งเข้าไปเกาะขาส่งสายตาอ้อนวอน เด็กสองคนแทบไม่ได้ออกไปไหน นานทีจะมีโอกาสได้ไปเที่ยวเล่นนอกบ้าน หากคุณนายไปคนเดียวก็เกรงว่าจะดูแลเด็กสองคนไม่ไหว นางจึงตัดสินใจพยักหน้ารับ
“ป้าปิดบ้านสักประเดี๋ยวนะคะ”
“ค่ะ”
ที่โรงรถมีรถเก๋งอยู่หนึ่งคัน แต่ฝุ่นจับเขรอะไปหมด เรื่องขับรถ เธอขับเป็นอยู่แล้วเพราะตอนสถานสงเคราะห์ก็ได้หัดขับรถ เวลามีกิจกรรมเธอก็ขับรถตู้พาเด็กๆไปพิพิธภัณฑ์หรือไปสวนสัตว์ เท่าที่เธอพอจะรู้ ‘หลินเหยาซื่อ’ในปี1980 เรียนจบมัธยมปลายและไม่ได้เรียนต่อ ทั้งที่บ้านมีฐานะดี แต่เดาว่าเจ้าของร่างนี้สุขภาพไม่แข็งแรงนัก ป้าฮุ่ยซิวเองยังเคยพูดว่า แค่คลอดลูกแฝดได้อย่างปลอดภัยก็นับว่าเธอยังมีบุญอยู่มากแล้ว คงเพราะแบบนี้ถึงรีบแต่งงานตั้งแต่อายุสิบแปด พ่อคงสบายใจที่ลูกสาวมีคนดีๆ ดูแล แต่ไม่คิดว่าหลังบิดาตายจากไปไม่กี่เดือน สามีของเธอก็หายสาบสูญไปอีกคน คนสวยชะตาอาภัยจริงๆ ที่เธอมีแรงใจอยู่มาได้ก็เพราะในท้องมีชีวิตน้อยๆอยู่
ตอนนี้เธอได้รับปันผลกำไรจากบ้านใหญ่เดือนละหนึ่งหมื่นหยวน ตอนนี้อาจจะพอใช้ แต่ถ้าเด็กๆ เข้าโรงเรียน ก็ต้องใช้เงินเพิ่มขึ้น แถมยังต้องคูณสองด้วย ทีแรกเธอก็คิดขายบ้าน แต่ป้าฮุ่ยซิวเล่าทั้งน้ำตาว่าบ้านหลังนี้เป็นมาอย่างไร จะว่าไปเธอก็เสียดายเหมือนกัน ยังไงเธอต้องมีหนทางหาเงินได้อยู่สิน่า
ป้าฮุ่ยซิวเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ และปิดบ้านเรียบร้อย มือเหี่ยวย่นยกขึ้นแตะทรงผมแก้เขิน เด็กๆหัวเราะชอบใจ หลินเหยาซื่อเดินไปเรียกรถแท็กซี่หน้าบ้าน เอาไว้เธอลองเช็กรถยนต์ที่บ้านก่อนแล้วจะลองเอาออกมาขับดู ทั้งหมดเดินทางด้วยรถแท็กซี่ใช้เวลาราวๆ สี่สิบนาทีก็ถึงที่หมาย