บทนำ
บทนำ
ณ เรือนหลังเล็กแห่งหนึ่งมีเด็กผู้หญิงอายุสิบสองนอนหลับใหลอยู่บนเตียง รูปโฉมของเด็กน้อยคนนั้นส่องแววงดงามตั้งแต่เด็กทว่ากลับใบหน้าซีดเซียว ผู้คนที่ได้เห็นใบหน้าที่งดงามของเจ้าของร่างก็อดเสียดายในความงามนี้มิได้เพราะนางเป็นคนสติไม่ดี
เมื่อสามวันก่อนเด็กคนนี้ได้ผลัดตกลงไปในสระบัวในจวนของตนเพราะโดนพี่น้องร่วมสายเลือดกลั่นแกล้งจึงทำให้นอนไม่ได้สติมาสามวันแล้ว โดยมีสาวใช้ที่มีนามว่ารั่วหลินเป็นคนเฝ้าอยู่ตลอดสามวันที่ผ่านมา
" คุณหนูเมื่อไหร่ท่านจะฟื้นสักที " รั่วหลินชะโงกหน้ามองนายของตนที่นอนหลับอยู่บนเตียง จู่ๆคนที่นอนหลับอยู่ก็พลันลืมตาขึ้นมาทำให้รั่วหลินตกใจจนหงายหลังล้มลงกับพื้น " คะ...คุณหนู! ท่านฟื้นแล้ว "
เฉินเซียวที่จู่ๆก็พลันลืมตาขึ้นมาอย่างตกใจแล้วยังลุกพรวดขึ้นนั่งอยู่บนที่ก็กวาดสายตามองรอบๆเรือนหลังเล็กก็พบว่าตนอยู่ในสถานที่แปลกประหลาด เมื่อมองไปรอบๆก็พบว่าตนนอนอยู่ห้องสไตล์จีนโบราณที่เคยเห็นในซีรีส์จีนบ่อยๆ เท่าที่เฉินเซียวจำได้คือตนโดนดูรอบโจมตีในระหว่างที่เดินทางกลับจากทำภารกิจลอบสังหารผู้นำประเทศหนึ่ง จำได้ว่าเธอโดนระเบิดจนร่างกระจายไปแล้ว เหตุใดถึงได้มาโผล่มาอยู่ที่นี่ได้
เฉินเซียวได้ยกมือลูบคลำไปทั้งร่างของตนเองก็ปรากฏว่าตัวของตนหดเล็กลง! พอยกมือขึ้นมาดูก็ต้องตกใจยิ่งว่าเดิม เธอ!....มาอยู่ในร่างของเด็กอายุสิบสองปี!
รั่วหลินที่นั่งอยู่ที่พื้นเห็นนายของตนมีท่าทางแปลกไปจึงเข้าไปเกาะที่ริมเตียงก่อนเอ่ยถามผู้เป็นนาย " คุณหนูเป็นอันใดไปเจ้าคะ "
เฉินเซียวมองไปยังเด็กหญิงที่อายุน้อยกว่าตนสองปีแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง " เธอเป็นใคร "
รั่วหลินเอียงคอมองผู้เป็นนายของตนอย่างสงสัยด้วยน้ำตาคลอเบ้า " คุณหนูจำบ่าวไม่ได้หรือเจ้าคะ "
เฉินเซียวมองเด็กหญิงที่แกะอยู่ริมเตียงที่มีท่าทีเหมือนจะร้องไห้เต็มทีก็เอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน " คือ...คือ.. "
ทันใดนั้นก็มีหญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาหาทั้งสองที่เตียงแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม " รั่วหลิน คุณหนูฟื้นแล้วเหตุใดไม่ไปตามข้า "
" เเม่นมฉิน คุณหนูจำข้าไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ " รั่วหลินหันไปตอบคนที่มาใหม่
ฉินโม่มองไปยังคนที่ตนเลี้ยงดูมาจนเติมใหญ่ด้วยสายตาน่าสงสาร บุตรีของเจ้านายของตนนอนไม่ได้สติมาสามวันแล้วทว่าผู้เป็นมารดายังไม่มาดูบุตรของตนเองแม้แต่ครั้งเดียว ฉินโม่จึงถอดหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเอ่ยก็ขึ้นมา " ข้าจะไปตามหมอมาดู ส่วนเจ้าก็ไปต้มยามาให้คุณหนูห้าเสีย " เมื่อจัดแจงทุกอย่างเสร็จสับฉินโม่ก็เดินออกไปทันที ส่วนรั่วหลินก็เดินตามไปอย่างเงียบๆ
เฉินเซียวมองดูทั้งสองจนหายลับไปก่อนจะลุกขึ้นเดินลงจากเตียงแล้วไปหยุดที่หน้ากระจกทองเหลือง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือเด็กผู้หญิงที่ตัวไม่สูงมากผิวพรรณขาวราวกับหิมะในฤดูหนาวดวงตาหงส์ จมูกรั้นขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากบางเเดงระเรื่อดังผลอิงเถา ถึงจะยังเด็กแต่ก็ส่องแววงดงามล่มเมืองเสียแล้ว
ทันใดนั้นเองเฉินเซียวก็รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาจนเจ้าตัวนั่งลงกุมศีรษะอยู่ที่พื้นภาพเหตุการณ์ต่างๆก็หลั่งไหลเข้ามาในหัว จากนั้นริมฝีปากแดงระเรื่อของตนก็ยกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างชั่วร้าย
เจ้าของร่างเดิมมีนามว่า ' หานจินอี้ ' เป็นคุณหนูห้าแห่งตระกูลหานที่เป็นคนสตรีสติไม่ดี มารดาของนางคือฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลหาน หานจินอี้เป็นบุตรีที่เกิดจากภรรยาเอกของผู้นำตระกูลหานคนปัจุบัน จึงเป็นบุตรที่เกิดจากภรรยาเอกทว่านางกลับเป็นคนสติไม่ดีตั้งแต่เกิดจึงเติบโตขึ้นมาโดยไม่มีคนเหลียวแล
เเม้กระทั่งผู้เป็นมารดาแท้ๆก็ยังไม่มาสนใจ จะมีแต่สตรีวัยกลางคนเมื่อครู่เท่านั้นที่เป็นคนเลี้ยงดูหานจินอี้มาตั้งแต่เล็ก ขนาดมารดายังไม่สนใจบิดาก็ยิ่งแล้วใหญ่แม้แต่ชายตามองก็ยังไม่มองเลย ทว่ายังดีหน่อยอาหารการกินและอาภรณ์ที่สวนใส่อยู่ล้วนแต่เป็นของดี
เมื่อมารดาไม่สนใจบิดาก็ไม่เหลียวแล เป็นเหตุให้บรรดาพี่น้องคอยกลั่นแกล้งเจ้าของร่างเดินเป็นประจำ จะมีก็แต่หานเจี้ยนเฉิงที่เป็นพี่ใหญ่ที่เป็นพี่ชายร่วมมารดาคอยปกป้องมาตลอด ทว่าเมื่อสองมีก่อนหานเจี้ยนเฉิงได้เข้าได้ศึกษาในสำนักอันดับหนึ่งของแผ่นดินจึงไม่เหลือผู้ใดคอยปกป้องอีก ยิ่งทำให้พี่น้องที่เหลือกลั่นแกล้งนางหนักขึ้น
จนเมื่อสามวันที่แล้วในวันสวมกวนและปักปิ่นของหานเจียงหลงกับหานอิงฮวา ตอนนั้นหานอิงฮวาเห็นกำไลหยกที่หานเจี้ยนเฉิงเคยให้กับเจ้าของร่างเดิมจึงเกิดอยากได้จึงเกิดฉุดแย่งกำไลกัน
เมื่อเเย่งมามิได้ก็พลันโมโหจึงผลักเจ้าของร่างเดิมจนตกลงในสระบัวเป็นเหตุทำให้เจ้าของร่างเดิมเสียชีวิต ทำให้วิญญาณของเฉินเซียวเข้ามาอยู่ในร่างนี้แทน
' หานจินอี้เจ้าหลับให้สบายเถิด ถ้าจะแก้แค้นทุกคนที่คอยรังแกเจ้าเอง ' ริมฝีปากบางก็คลี่ยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้าย
ไม่นานรั่วหลินไปนำถ้วยยาเข้าให้ผู้เป็นนายของตนก็พบว่าหานจินอี้นั่งอยู่บนพื้นก็วางถ้วยยาลงที่โต๊ะแล้วเข้าไปประคองนายของตนลุกขึ้นก่อนจะพาไปนั่งนอนที่เตียง จากนั้นแม่นมฉินเข้ามาพร้อมพาหมอมาตรวจอาการของหานจินอี้ก็พบว่าไม่มีสิ่งใจผิดปกติ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะพึ่งได้สติทำให้สับสนมึนงงไปบ้างพักผ่อนอีกสักสองสามวันก็หายเป็นปกติ
พอหมอจากไปแล้วเฉินเซียงก็ดื่มยาที่รั่วหลินนำมาให้จนหมดและไล่รั่วหลินออกไป ส่วนแม่นมฉินก็เดินออกไปพร้อมกับหมอนานแล้ว
เฉินเซียวเห็นทุกคนออกไปหมดแล้วก็ลุกขึ้นนั่งแล้วค่อยๆทบทวนสิ่งต่างๆของโลกใบนี้จากความทรงจำของร่างเดิน
โลกใบนี้แบ่งเป็นสองดินแดนคือ ดินแดนชินเยว่และดินแดนชิงหลง ซึ่งที่ตระกูลหานตั้งอยู่นั่นคือดินแดนชิงหลง คนทั้งสองดินแดนล้วนมีพลังวิญญาณกันทุกคน พลังวิญญาณที่ว่าจะตื่นขึ้นมาตอนที่อายุแปดปีแบ่งออกเป็น ธาตุดิน(สีน้ำตาล) ธาตุน้ำ(สีน้ำเงิน) ธาตุไฟ(สีเเดง) ธาตุลม(สีขาว) ธาตุไม้(สีเขียว) และมีธาตุพิเศษอีกสองธาตุคือ ธาตุเเสง(สีทอง) ธาตุมืด(สีดำ) คุณสมบัติก็แบ่งไปตามความสามารถในแต่ละธาตุ
ระดับพลังวิญญาณแบ่งเป็นสิบระดับ ระดับต้นจิต ระดับจิตวิญญาณ ระดับมายา ระดับนภา ระดับสวรรค์ ระดับเซียน ระดับเซียนปฐพี ระดับเซียนเมฆา ระดับเซียนพิภพ และระดับเซียนเทวะ แบ่งเป็นขั้นย่อยหนึ่งดาราจนถึงเก้าดารา
เมื่อเฉินเซียวเรียบเรียงเรื่องราวของโลกนี้ได้แล้วก็ยกยิ้มขึ้น ไม่คิดเลยว่าวิญญาณของตนจะมาอยู่ในโลกใบนี้ได้ บนโลกในนี้มีสิ่งที่น่าสนใจกว่าโลกเดิมที่เธอจากมาก
ในโลกก่อนเฉินเซียวเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกหัวหน้าหน่วยก่อการร้ายที่ทั่วโลกต้องการตัวรับเธอมาไปลูกบุญธรรม ทว่าคนผู้นั้นกลับจับนางฝึกฝนเธอมาตั้งแต่เด็ก เธอไม่มีหัวใจโหดเหี้ยมเย็นชาและไม่เคยเห็นใจเป้าหมายที่ตนเองฆ่า ดิ้นล้นเอาชีวิตรอดทั้งแต่เด็กจนกลายเป็นจักรกลสังหารในที่สุด ทำได้เพียงทำตามคำสั่งของพ่อบุญธรรมเท่านั้น
เฉินเซียวเธอเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่ายๆในเมื่อเธอได้โอกาสได้เริ่มต้นใหม่เธอก็จะคว้าโอกาสนี้เอาไว้ ต่อไปนี้เธอคือคุณหนูห้าแห่งจวนตระกูลหาน
ถึงมารดาไม่รักบิดาไม่สนใจก็ช่างปะไรเธอไม่สน เมื่อก่อนเธอก็ไม่มีบิดามารดาอยู่ตัวคนเดียวไม่เคยรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวไม่เคยใช้ชีวิตอย่างอิสระ
ต่อไปนี้เธออยากจะทำสิ่งใจก็ทำไมต้องค่อยฟังคำสั่งของผู้ใด เป็นชีวิตเช่นนี้คือสิ่งที่เธอโหยหามาโดยตลอด ทว่าตอนนี้มันเป็นดั่งที่เธอวาดฝันไว้แล้วเธอจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่า....