บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 ข้าเป็นแค่คนไร้พรสวรรค์

เมื่อพวกเขาเห็นหยุนจือเหยียนลงมือเอง ผู้อาวุโสทั้งสามที่เฝ้าดูอย่างเงียบๆ มาเป็นเวลานาน ก็มองหน้ากันทันที

ซูจิ่วโจมตีอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้สึกถึงปราณพิสุทธิ์ แต่ในหมู่รุ่นเด็กตระกูลซู ยังไม่เคยเห็นใครที่สามารถทำได้!

แม้ว่าเขาจะไม่ใช่อัจฉริยะในการฝึกฝนปราณพิสุทธิ์ แต่เขาก็น่าจะสามารถฝึกฝนไปเป็นนักรบที่ทรงพลังได้!

ตระกูลซูรุ่นนี้คนค่อนข้างน้อย และซูจิ่วเป็นทายาทที่จะสืบทอดตระกูลซูเพียงคนเดียว!

เมื่อคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ ผู้อาวุโสทั้งสามที่กะว่าจะยืนดูเฉยๆ เริ่มยืนไม่นิ่ง

“ช้าก่อน!" ผู้อาวุโสชิงยีก้าวไปข้างหน้า ขวางทางหยุนจือเหยียน: "ซูจิ่วยังเด็กอยู่ เป็นเรื่องปกติที่เขาจะทำผิดพลาด เพียงแค่ต้องสั่งสอนเขาให้มากขึ้น"

สีหน้าของหยุนจือเหยียนเปลี่ยนไป "นายท่านชิง! ไอ้สัตว์นรกนี่บังอาจกล้าที่จะสังหารญี่เอ๋อร์ สักวันมันจะต้องสังหารแม่มันด้วยแน่นอน!"

ผู้อาวุโสฮุยยีก็เดินเข้ามา และไปยืนอยู่ตรงหน้าซูจิ่วอย่างเห็นได้ชัด

“ฮ่าย เรื่องที่มันยังไม่ได้เกิดขึ้น อย่าพูดไร้สาระ!”

“ถูกต้อง พวกเราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน อย่าทำร้ายความสามัคคีกันเลย” ผู้อาวุโสอีกท่านพูดเสริม

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของหยุนจือเหยียนก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ ดาบยาวถูกชี้ออกไป: "มันเป็นเพียงคนไร้พรสวรรค์ที่ไม่สามารถนำความรุ่งโรจน์มาสู่ตระกูลซูก็มากพอแล้ว แต่มันยังทำร้ายญี่เอ๋อร์ที่มีพรสวรรค์ มันก็แค่อิจฉาริษยาญี่เอ๋อร์ ถึงได้ทำร้ายนาง! หากวันนี้ข้าไม่ได้ลงโทษไอ้สัตว์นรกอย่างสาสม ถ้าหากรุ่นต่อไปเอาเป็นแบบอย่าง แล้วตระกูลซูจะสามารถประสบความสำเร็จได้เมื่อใด?”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ผู้อาวุโสทั้งสามก็รู้สึกกลุ้มใจเล็กน้อย และมองไปที่ซูจิ่วพร้อมกัน

เมื่อหันไปมอง ทั้งสามก็หมดคำพูด

ผู้ก่อเหตุทำตัวห่างจากเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง เรียบนิ่งราวกับว่าสิ่งที่พวกเขากำลังพูดถึงอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องของเขา!

“ซูจิ่ว เจ้าว่า เรื่องนี้ควรจัดการอย่างไร?” นายท่านชิงถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม

ซูจิ่วที่ยืนดูภาพตรงหน้าในตอนแรก จู่ๆ ก็ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องอีกครั้ง จึงพูดอย่างเกียจคร้านอย่างไม่มีทางเลือก: "ในเมื่อท่านป้าก็บอกว่าข้าเป็นพวกไร้พรสวรรค์ แล้วไอ้คนไม่ได้เรื่องอย่างข้าจะทำร้าย 'คนที่มีพรสวรรค์' ' อย่างพี่สาวคนโตได้ยังไง? คำพูดเหล่านี้ไม่เห็นจะมีความสอดคล้องกันเลยไม่ใช่รึ?”

“ไอ้สัตว์นรก! เจ้ายังจะกล้าเล่นลิ้นอีก!” ดวงตาของหยุนจือเหยียนเต็มไปด้วยไฟโกรธ แม้ว่านางจะไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง แต่ซูญี่ก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังหลังจากที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว และยืนยันสิ่งที่พวกสาวใช้พูด

เพราะฉะนั้น ไอ้สัตว์นรกนี่ทำร้ายคนจริง แต่ตอนนี้กลับไม่ยอมรับงั้นรึ?

เมื่อเห็นหยุนจือเหยียนโกรธจนต้องกระทืบเท้า แต่เนื่องจากผู้อาวุโสทั้งสามไม่กล้าที่จะดำเนินการ ซูจิ่วยิ้มพร้อมดวงตาคู่สวย "ถ้าอย่างนั้นก็เป็นตามอย่างที่ท่านป้าพูด ข้าทำร้ายใบหน้าของพี่สาวคนโตจนแทบจะจำไม่ได้ และหักมือนาง... "นางหยุดพูดกะทันหัน และมองไปทางผู้อาวุโสทั้งสาม: "แสดงว่าข้ามีพรสวรรค์มากกว่าพี่สาวคนโตไม่ใช่รึ? ในเมื่อ ข้าเป็นเพียงคนไร้พรสวรรค์”

ผู้อาวุโสทั้งสามลูบจมูก และหันหน้าหนีอย่างรู้สึกอาย

“เจ้า...ซูจิ่ว!”

ใบหน้าของหยุนจือเหยียนซีดเซียว กัดฟันแน่น ควงดาบ และยื่นตรงไปที่คอของซูจิ่ว!

ซูจิ่วยืนนิ่งอย่างไม่ตื่นตระหนก โดยไม่กังวลเลยสักนิดว่าหยุนจือเหยียนจะทำร้ายตัวเอง

เพราะในเมื่อผู้อาวุโสทั้งสามถึงขั้นออกหน้าเอง ก็จะไม่มีทางเห็นนางถูกหยุนจือเหยียนสังหารอย่างแน่นอน...

เป็นไปตามที่คาด เสียงชักดาบดังขึ้น ดาบยาวอีกเล่มถูกยื่นออกมา นายท่านชิงยืนมาขวางตรงหน้าซูจิ่ว

เขาตะโกนอย่างเย็นชา ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง: "ซูจิ่วเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของผู้น้ำตระกูลแม้ว่าเขาจะทำผิดพลาดมากเพียงใด เจ้าก็ไม่สามารถจัดการกับเขาแบบนี้ได้! หรือจะให้สายเลือดของตระกูลซูจบลงแบบนี้รึ!”

เพียงคำเดียว ทำให้หยุนจือเหยียนโกรธจนตาลาย

นางอยู่ในตระกูลซูมาหลายปี กำเนิดลูกสาวเพียงแค่สองคน

ซูเซิ่งไม่เคยตำหนินาง และไม่ได้หานางสนมเพิ่ม แต่เขากลับพาเด็กที่ไหนไม่รู้กลับมา!

นางแสร้งทำเป็นรับได้ทำเป็นใจกว้างมาตลอดหลายปี ใครจะไปรู้ว่าซูจิ่วนั้นจะเป็นความอับอายของนาง นางอยากจะหั่นซูจิ่วเป็นชิ้นๆ ด้วยมีดนับพันเล่มด้วยซ้ำ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel