บทที่ 1 เมียที่ไม่ต้องการ 1
งานวิวาห์ของลูกชายเศรษฐีที่ดินที่มีมูลค่ารวมกันแล้วไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันล้านบาท แทบจะล่มกลางคัน เมื่อเจ้าสาวกลับไม่ใช่คนที่เจ้าบ่าวหมายปองและมีใจให้ แต่เป็นน้องสาวของว่าที่เจ้าสาวที่เขาเอ็นดูเหมือนน้อง ทว่าตอนนี้กลับเกลียดเข้าไส้เข้าพุง
“ไม่ ผมไม่แต่ง ยังไงก็ไม่แต่ง” คุณานนท์ยืนกรานเสียงแข็ง เมื่อรู้ว่าตนต้องเปลี่ยนเจ้าสาว
“แต่งๆ ไปก่อน แม่ไม่อยากขายหน้าไปมากกว่านี้ ทุกอย่างก็เตรียมการไว้หมดแล้ว” คุณหญิงคะนึงนิจคนเป็นแม่เอาน้ำเย็นเข้าลูบ เพราะรู้ดีว่า ตอนนี้บุตรชายกำลังอยู่ในอารมณ์ใด หากเป็นตนเจอเหตุการณ์เช่นนี้ก็คงมีความรู้สึกไม่ต่างกัน “ถือว่าเห็นแก่หน้าพ่อหน้าแม่นะกล้า แค่นี้พ่อกับแม่ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว”
งานแต่งงานบุตรชายเพียงคนเดียวของเจ้าสัวอธิปกับคุณหญิงคะนึงนิจ สิทธิเดโชใช่งานเล็กเสียที่ไหน จัดยิ่งใหญ่อลังการในโรงแรมหรู เชิญแขกมาร่วมงานทั้งงานเช้าและงานช่วงค่ำเกือบหกร้อยคน และคาดว่าจะมีแขกมาร่วมแสดงความยินดีเกินกว่าที่แจกการ์ดไป เนื่องจากแขกบอกปากเปล่าก็มี
เรื่องร้อนใจจะไม่เกิดขึ้นเลย หากพิมาลาหรือพิม ว่าที่เจ้าสาวของงานไม่หนีหายออกไปจากบ้านเมื่อคืนนี้ หายไปไหนไม่มีใครทราบ ทางว่าที่เจ้าบ่าวมารู้ว่า ว่าที่เจ้าสาวหายไปก่อนงานเช้าจะเริ่มแค่หนึ่งชั่วโมง แขกคนสำคัญได้เดินทางมารอร่วมแสดงความยินดีและเป็นสักขีพยาน ระดับเจ้าสัวอธิปจัดงานแต่งบุตรชายทั้งที แขกที่มาร่วมงานล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียง หากยกเลิกการแต่งงาน มีหวังเป็นขี้ปากชาวบ้าน ได้เป็นข่าวใหญ่โต เสียทั้งเงินที่ทุ่มไปกับงานแล้วยังจะมาเสียชื่อเสียงอีก เจ้าสัวอธิปกับคะนึงนิจจึงหาทางออกร่วมกับครอบครัวว่าที่เจ้าสาวได้ความว่า เปลี่ยนตัวเจ้าสาวเป็น ลัลณ์ลนิน น้องสาวต่างมารดาของพิมาลา ทุกคนเห็นพ้องต้องกันกับทางออกนี้ ยกเว้นคนเดียวคือเจ้าบ่าว
“ยอมไปก่อนนะกล้า แขกก็มากันเยอะแล้ว มีผู้หลักผู้ใหญ่มาตั้งหลายคน ถือว่าช่วยพ่อกับแม่เถอะนะ แต่งๆ ไปก่อนผ่านไปสักเดือนสองเดือนค่อยเลิกกัน” เจ้าสัวอธิปพูดเสริม คุณานนท์ยังนิ่ง ไม่ปริปากพูด ได้แต่มองหน้าบิดามารดา
“คุณพี่ออกไปรับแขกก่อนเถอะคะ นิลจะพูดกับกล้าเอง”
“อืม ได้” เจ้าสัวอธิปมั่นใจว่า ภรรยาของตนจัดการเรื่องนี้ได้ เขาจึงออกไปรับหน้าแขกด้านนอก
“นะลูกนะ เห็นแก่หน้าพ่อกับแม่นะกล้า” คะนึงนิจอ้อนวอนลูกชาย ก่อนพูดโน้มน้าวต่อ “เราลงทุนไปก็เยอะแล้ว จะมาล่มกลางคันแบบนี้ ฝ่ายเรานะที่เสียหาย เสียชื่อเสียง แต่ฝ่ายนั้นมีแต่ได้กับได้ ได้ค่าสินสอดที่ขอไปล่วงหน้าตั้งเกือบสิบล้าน ป่านนี้หอบเงินไปใช้ที่ไหนสักแห่งสบายใจ แต่เราน่ะสิทุกข์ ปล่อยให้เราต้องมานั่งแก้ปัญหาอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน แต่งกับคนน้องเอาทุนคืนดีกว่านะลูก”
“เอาทุนคืน หมายความว่ายังไงครับคุณแม่” คุณานนท์ถามทันควัน
“แม่เองก็เจ็บใจนะที่พิมทำแบบนี้ แม่รักและไว้ใจพิมมาก ขออะไรก็ให้ ทำแบบนี้มันทำลายความไว้ใจกันชัดๆ แถมส่งคนน้องมาแต่งงานด้วยอีก แม่คิดว่า กล้าต้องแต่งงานกันลัลณ์ แล้วแม่จะเอาคืนเองด้วยวิธีของแม่”
คุณานนท์มองหน้ามารดา สะดุดใจกับประโยคตบท้ายของคนเป็นแม่ ก่อนจะเหยียดยิ้ม นัยน์ตาประกายเจ้าเล่ห์ เพราะเขาเองก็คิดแผนเอาคืนครอบครัวพิมาลาได้เช่นกัน
“ก็ได้ครับ ผมจะแต่งงานกับลัลณ์” คะนึงนิจยิ้มกว้าง ดีใจที่ลูกชายตกปากรับคำแต่โดยดี
พิธีในช่วงเช้าผ่านพ้นไปด้วยดี แม้ว่าแขกเหรื่อบางคนจะแปลกใจที่เจ้าสาวไม่ใช่พิมาลา แต่เป็นลัลณ์ลนิน ผู้เป็นน้องสาว ทว่าก็ไม่มีใครกล้าถามอยู่ร่วมงานเช้าจนจบ ในขณะที่พิธีต่างๆ ดำเนินไปตามขั้นตอน ทุกคนแทบจะไม่เห็นรอยยิ้มของคุณานนท์ เขาจะยิ้มก็ต่อเมื่อบิดามารดาให้ยิ้ม แทบจะไม่มองหน้าเจ้าสาวที่ความสวยไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพิมาลา บางครั้งก็ทำอะไรกระแทกกระทั้น ซึ่งลัลณ์ลนินก็เข้าใจความรู้สึกของเจ้าบ่าว เธอได้แต่เก็บซ่อนความเจ็บปวดไว้ภายใต้รอยยิ้มบางๆ
ทางฝ่ายเจ้าบ่าวมีแขกเหรื่อนับร้อย ทว่าแขกทางด้านเจ้าสาวมีเพียงสามคนคือ มารุต ผู้เป็นบิดา รัตนา มารดาเอาแต่น้ำตาปริ่มด้วยความเสียใจจากการกระทำของบุตรสาวคนโต และดวงเดือน เพื่อนสนิทของเจ้าสาวที่มาให้กำลังใจ
แต่พอหมดงานเช้า ลัลณ์ลนินเหมือนถูกทิ้ง มารุตกับรัตนาเดินทางกลับบ้านทันที ดวงเดือนก็ต้องไปเข้าเวรในโรงพยาบาลที่ตัวเองทำงานอยู่ เจ้าสาวที่เจ้าบ่าวไม่ปรารถนาอยู่อย่างโดดเดี่ยวในห้องพักที่ทางเจ้าภาพจัดเตรียมไว้ให้เจ้าสาวแต่งตัว เธอนั่งรออยู่ในห้องนั้นจนกระทั่งถึงเวลาแต่งตัว เตรียมพร้อมสำหรับงานเลี้ยงตอนค่ำ
งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสจบลงไปสามชั่วโมงแล้ว ช่างเป็นงานเลี้ยงฉลองที่ไม่มีความสุขเอาเสียเลย เจ้าบ่าวไม่แจกรอยยิ้มให้ใครเลย จะมีก็เพียงรอยยิ้มแบบฝืนใจตามมารยาท คุณานนท์ไม่แม้แต่จะมองเจ้าสาวของตัวเอง เขาทำเหมือนลัลณ์ลนินเป็นอากาศธาตุที่ไร้ตัวตน แขกหลายคนพากันงงและสงสัยเมื่อเห็นหน้าเจ้าสาว ที่ไม่ใช่ผู้หญิงที่คุณานนท์แนะนำตัว แต่กลับเป็นน้องสาวของพิมาลา ว่าที่เจ้าสาวตัวจริง ทว่าก็ไม่มีใครกล้าถามเจ้าของงาน ได้แต่เก็บงำความสงสัยไว้ ไปสอบถามกันเองในงาน
พิธีการในงานก็ไม่มีเลย ปกติจะให้คู่บ่าวสาวตัดเค้กและพูดบนเวที รวมถึงดื่มฉลองกับแขกที่มาร่วมงาน ขั้นตอนเหล่านี้ถูกยกเลิกไป มีเพียงการเลี้ยงอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ตามความตั้งใจแต่แรกแค่นั้น งานเลี้ยงจึงจบลงไวก่อนสองทุ่มเล็กน้อย
หลังจากจบงานเลี้ยงคะนึงนิจให้พนักงานนำคีย์การ์ดห้องพักที่เดิมทีจะเป็นห้องหอให้คู่บ่าวสาวหนึ่งคืน เพราะห้องพักห้องนี้เป็นอภินันทนาการจากโรงแรม นางสั่งมาว่าให้ลัลณ์ลนินนอนพักที่นี่ในคืนนี้ พรุ่งนี้ค่อยขนเสื้อผ้าไปอยู่บ้านนาง ซึ่งลัลณ์ลนินไม่กล้าขัดคำสั่ง เธอจึงขึ้นมาบนห้องพักหมายเลข 2702
เตียงแสนนุ่มและใหญ่กว่าฟูกที่ลัลณ์ลนินนอนอยู่ทุกวัน คือที่หลับนอนอันเปลี่ยวเหงาสำหรับคืนนี้ และคืนต่อๆ ไปเธอต้องย้ายที่นอนไปนอนร่วมบ้านเดียวกับคุณานนท์ สามีที่ไม่ปรารถนาในตัวเมียคนนี้
เขารักพี่พิม...เป็นความจริงที่ตอกย้ำในใจ
ยังมีความเสียใจ น้อยใจอีกเรื่องหนึ่งที่ติดอยู่ในใจลัลณ์ลนินมานานหลายปี นอกจากตอนนี้เธอจะเป็นเมียที่ไม่ปรารถนา เธอยังเป็นลูกที่พ่อกับแม่ไม่ต้องการ แต่ก็ต้องทนเลี้ยงดูอย่างเสียมิได้ แน่นอนว่าเมื่อพ่อแม่ไม่ต้องการให้เกิดมา ลัลณ์ลนินจึงถูกเพิกเฉยจากบิดามารดาที่ไม่ได้มอบความรัก ความเอาใจใส่เท่าพิมาลา ลูกสาวสุดที่รัก
พอเกิดเรื่องมารุตกับรัตนาบังคับให้ตนแต่งงานแทนพิมาลา ไม่เพียงแค่บังคับ ยังปั้นเรื่องให้ดูน่ากลัวว่า คุณานนท์ต้องส่งคนมาฆ่าที่ทำให้เสียหน้า แถมเงินที่พิมาลาเชิดไปก็ไม่ใช่น้อยๆ คุณานนท์กับครอบครัวไม่ปล่อยไว้แน่ มารุตยังพูดต่อไปว่า หากตนไม่แต่งงานแทน ก็เตรียมตัวจัดงานศพให้ตนกับรัตนาได้เลย ลัลณ์ลนินจึงยอมทำตามที่บิดามารดาต้องการ
ลัลณ์ลนินนึกภาพไม่ออกว่า ตนเองจะเป็นเช่นไรหากอยู่บ้านเดียวกันกับคนที่ชิงชังตน คงเป็นความอึดอัดที่ยากเกินบรรยาย ไหนจะสายตาเกลียดชัง คำพูดที่อาจสร้างความปวดร้าวใจ และอื่นๆ อีกหลายอย่าง ลัลณ์ลนินไม่รู้ว่า ตนเองจะรับมือได้นานแค่ไหน หรือมากน้อยเพียงใด แค่วันนี้กว่าเธอจะผ่านมาได้ก็ต้องใช้พละกำลังทางจิตใจมากมาย ในทุกๆ วันต่อจากนี้ เธอคงใช้พลังมากขึ้นหลายเท่า
ความที่ลัลณ์ลนินไม่ได้เตรียมตัวค้างคืนที่นี่ เธอมีเพียงชุดที่สวมใส่ตอนขามาโรงแรมชุดเดียว และตอนนี้เธอก็ทำน้ำส้มหกใส่ มันเหนียวและเป็นคราบเธอจึงไม่ได้สวมใส่ชุดนั้น และไว้วานให้ดวงเดือนชุดใหม่มาให้ในวันพรุ่งนี้ เมื่ออาบน้ำเสร็จลัลณ์ลนินจึงใช้ผ้าขนหนูพันกายเพียงผืนเดียว เพราะคิดว่าไม่มีใครเข้ามาในห้องนี้ ห้องนี้จึงเป็นของเธอคนเดียว
แต่เธอคิดผิด...