ตอนที่ 1 เริ่มต้น
"คราวนี้ไปกี่วันคะ" เสียงของหญิงวัย 37 ปีเอ่ยถามผู้เป็นสามีที่กำลังเตรียมตัวไปต่างประเทศ เจ้าสัวหิรัญมีนัดเจรจาคุยธุรกิจที่จับมือฝั่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
อรุณี ต่อให้อายุจะแตะเลขสี่อีกไม่กี่ปี เธอกลับมีใบหน้าอ่อนเยาว์ไม่ต่างกับผู้หญิงวัยยี่สิบปลายๆ ทว่าความสวยงามบนใบหน้าและเรือนร่างล้วนมาจากมือหมอเกือบทุกส่วน ประคบประหงมดูแลมาอย่างดีตลอด 10 ปี ไม่แปลกถ้าเธอจะคงความสาวไว้เแบบนี้
"ก็คงไปนาน"
"ไปนาน คือไม่รู้ว่าไปกี่วันใช่ไหมคะ"
หิรัญมองหน้าภรรยาในตอนที่เธอกำลังซักไซ้ไล่ถามหากำหนดการกลับอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การไปในครั้งนี้เขาเองก็ไม่รู้ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองจีนกี่วัน ความสำเร็จที่คาดหวังว่ามันต้องเป็นไปในทิศทางที่ดีมันจะเกิดขึ้นไหม
"ถามทำไม"
"รุณีคิดถึง ไม่อยากให้ไปนาน" พูดจบก็ออเซาะเจ้าสัวในทันที อรุณีเป็นผู้หญิงที่เอาใจใส่เขาทุกอย่าง ทำหน้าที่ของการเป็นภรรยาได้ไม่ขาดตกบกพร่อง จะมีแค่เรื่องบนเตียงเท่านั้นที่ดูทั้งคู่จะห่างเหินกันไปนานหลายเดือน อีกคนก็ตั้งตาสานธุรกิจระหว่างประเทศ อีกคนก็อยู่ในสังคมของคุณหญิงคุณนาย คบหาสมาคมแต่คนมีหน้ามีตาให้สมกับเป็นเมียเจ้าสัว ทว่าการพบปะผู้คนหลากหลายชนชั้นมันเริ่มทำให้อรุณีเปลี่ยนไป
"ไม่รู้ว่าต้องไปนานแค่ไหน ถ้าเหงาก็ออกไปเจอคุณหญิงศจีหรือไม่ก็เมียท่านธนดล" เป็นคำแนะนำเมื่อต้องทิ้งให้เมียรักอยู่คฤหาสน์เศตรศวรรษศิลาเพียงลำพัง
"ไม่หรอกค่ะ รุณีไม่อยากไปรบกวนคุณพี่เขา เห็นบอกว่ากำลังทำมูลนิธิช่วยเหลือเด็กพิการ"
"แล้วเธอไม่คิดจะทำอะไรเพื่อสังคมบ้างเหรอ"
"ตอนนี้คงยัง รุณีเหนื่อย เอาไว้ให้ยัยอัญกลับมาคงช่วยรุณีได้มากพอสมควร" เมื่อพูดถึงลูกสาวคนเดียวหิรัญก็ชะงักนิ่ง ไม่ได้เจออัญญาลูกเลี้ยงมาเกือบ 4 ปี หลังจากที่ส่งไปเรียนต่อต่างประเทศตามคำขอของอรุณีที่อยากให้ลูกสาวมีการศึกษาที่ดี ประสบการณ์ชีวิตที่ไม่มีความรู้ไม่มีใบปริญญาเป็นผลทำให้ชีวิตที่ผ่านมาลำบากอย่างแสนสาหัส ดังนั้นถ้ามีโอกาสก็อยากให้อัญญาได้มีปริญญาติดตัว ในขณะที่คนเป็นแม่กำลังลุ่มหลงกับเงินทองและบารมีที่ได้จากการเป็นการเมียเจ้าสัวหิรัญ
"จะกลับมาแล้วสิ"
"ใช่ค่ะ อาทิตย์หน้ายัยอัญก็กลับมาแล้ว แต่คงกลับมาอยู่ได้แค่ 1 เดือนแล้วก็ต้องกลับไปทำงาน"
"ทำงาน?"
เจ้าสัวย่นคิ้วเมื่ออีกฝ่ายบอกเช่นนั้น หากอีกฝ่ายเรียนจบหิรัญตั้งใจจะให้อัญญาเข้ามาช่วยงานที่บริษัทเพราะเจ้าตัวอยากเริ่มวางมือกับการทำงาน ชายหนุ่มในวัย 49 ปีที่ไม่มีเวลาพักหรือมีความเป็นส่วนตัว ที่ผ่านมาเหนื่อยมากกับการทุ่มเทและผลักดันตระกูลเศตรศวรรษศิลาขึ้นมาเป็นผู้นำในด้านธุรกิจเป็นอันดับต้นๆ ที่ใครก็กล่าวถึง แต่เมื่อหิรัญเป็นเพียงลูกหลานคนเดียวของตระกูลแล้วไม่มีทายาทสืบทอดมันยากที่ต้องวางทุกอย่างลง อำนาจ เงินตรา บารมี คือความภูมิใจที่หิรัญ เศตรศวรรษศิลาสร้างมา
"ฉันอยากให้อัญเข้ามาทำงานที่บริษัท"
"เจ้าสัวก็รู้ว่ายัยอัญไม่ถนัดงานพวกนี้"
เมื่อได้ฟังผู้เป็นสามีกล่าวต้องการ อรุณีก็คล้ายจะค้านในในทันที อัญญาไม่ถนัดงานบริหารไม่ชอบการแข่งขันในด้านธุรกิจ ยิ่งเศตรศวรรษศิลามีศัตรูรอบด้านยิ่งทำให้อรุณีไม่ต้องการให้ลูกมาก้าวก่ายในจุดนี้ แต่ทว่าผู้ฟังกลับแสดงความต้องการชัดเจนว่าอยากให้อัญญาผู้อยู่ในฐานะลูกเลี้ยงเข้ามาช่วยในสิ่งที่ตั้งใจหวัง
"ฉันอุตส่าห์ส่งเรียนเมืองนอกเมืองนาเพื่อให้ลูกสาวเธอไปเป็นขี้ข้าคนอื่นสินะ"
น้ำเสียงบ่งบอกถึงความไม่พอใจที่อีกฝ่ายเห็นดีเห็นงามให้ลูกสาวไปทำงานในด้านที่ชอบ การกระทำโดยพลการเป็นสิ่งที่เจ้าสัวหิรัญไม่ชอบอย่างยิ่ง ทุกอย่างมันคุยกันได้หากอัญญาอยากไปทำงานที่ถนัดก็ยินดีรับฟังถ้าเหตุผลมีฟังขึ้นแล้วมีน้ำหนักมากพอ แต่สุดท้ายบุญคุณก็ต้องทดแทน ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง นี่คือกฏของ เศตรศวรรษศิลา ตระกูลผู้ซึ่งยึดถือความซื่อสัตย์ กตัญญูและรู้บุญคุณผู้มีพระคุณ
"ถ้าเจ้าสัวไม่สบายใจที่ยัยอัญจะไปทำงานที่อื่น รุณีจะคุยกับลูกให้"
"อืม" พยักหน้าเป็นอันเข้าใจและหวังว่าจะได้ยินคำตอบที่คาดหวัง จากนั้นร่างสูงก็เหยียดตัวขึ้นกระตุกเสื้อสูทตัวหนาสีดำให้เข้าที่ก่อนจะกวาดสายตามองรอบๆ เป็นการสำรวจตัวบ้าน
"รุณีไม่ได้ไปส่งนะคะ"
หิรัญหันมาสบตาภรรยาที่ยืนอยู่ข้างๆ พักหลังอรุณีไม่ค่อยไปไหนมาไหนด้วยกัน หากเป็นแต่ก่อนเธอมักจะเกาะแขนเจ้าสัวไปทุกที่ด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวผู้หญิงคนอื่นเข้าใกล้และกลัวเจ้าสัวเขวไปกับผู้หญิงที่พร้อมจะพลีกายถวายเรือนร่างเพื่อให้ได้เป็นเมียของผู้ชายอย่างเจ้าสัวที่มีครบไปหมดทุกอย่างไม่ว่าจะเงินทองอำนาจบารมี อีกทั้งหน้าตาที่ยังคงความหล่อเหลาในแบบของผู้ชายวัยเลขสี่ แม้พฤติกรรมที่ดูเป็นเพียงเล็กน้อยและอาจเป็นไปได้ว่าอรุณีจะเบื่อการมีพิธีรีตองในทุกอริยบทของเจ้าสัว แต่ทว่าหิรัญก็รู้สึกได้ว่าการเปลี่ยนไปมันมักมาจากเรื่องเล็กน้อยที่เขาเริ่มสัมผัสได้มาหลายปี
"ตามใจ" พลาสปอร์ตรวมทั้งเอกสารสำคัญสำหรับการเดินทางและเจรจาทางธุรกิจถูกส่งต่อให้หมิงซื่อลูกน้องคนสนิทที่เป็นคนจีนแต่กำเนิด แต่เพราะชีวิตผลิกผันทำให้ต้องย้ายตามเตี่ยกับม้ามาอยู่ประเทศไทยเพราะถูกตามฆ่าเมื่อหลายสิบปีก่อน การใช้ชีวิตโดยไม่สามารถอ่านเขียนฟังพูดภาษาไทยเป็นผลให้ลำบากอย่างมาก จนกระทั่งเตี่ยของหมิงซื่อเข้ามาทำงานให้อาป๊าของหิรัญด้วยการเป็นคนขับรถทำให้หิรัญได้เจอกับหมิงซื่อและคล้ายว่าจะถูกชะตาเลยรับมาดูแลและให้เรียนหนังสือโดยครูสอนภาษาไทยที่หามาฝึกสอน
"เดินทางปลอดภัยนะคะเจ้าสัว" อรุณีเผยรอยยิ้มเต็มกว้างของเรียวปากแล้วเขย่งปลายเท้าโน้มริมฝีกปากจุมลงแก้มอีกฝ่ายอย่างเคยๆ รสสัมผัสของรอยจูบทว่ามันกลับรู้สึกจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มันกำลังแปรผันอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทุกอย่างอรุณียังคงทำเป็นปกติแต่ทำไมมันกลับสัมผัสได้ว่าไม่ปกติทั้งที่หลายอย่างเธอก็ทำเหมือนเดิม
ความรู้สึกภายในที่สัมผัสได้
รถลีมูซีนคันหรูขับเคลื่อนออกจากคฤหาสน์ มีรถยุโรปประกบหน้าและหลังอย่างละคัน การเดินทางในครั้งนี้นอกจากคนสนิทอย่างหมิงซื่อก็มีบอดี้การ์ดอีก 4 คนที่ตามประกบ ทั้งที่เพื่อความปลอดภัยของเจ้าสัวเมื่อมีศัตรูรายล้อมอยู่มากมาย
“เจ้าสัวจะให้คนตามประกบไหมครับ” เป็นคำถามถามจากคนสนิทเอ่ยออกมา ในขณะที่หิรัญยังนั่งหน้านิ่งบนเบาะหลังของตัวรถ ความเงียบที่ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเจ้าสัวกำลังคิดอะไรต้องการทำแบบไหน จนกระทั่งเดินทางมาถึงสนามบินโดยมีลูกน้องที่สนิทของอรุณีอีกคนตามมาส่ง
“มึงกลับไปได้แล้วไอ้ภพ” หิรัญสั่งให้คนของอรุณีกลับไป อีก 30 นาทีถึงเวลาขึ้นเครื่อง
“ครับเจ้าสัว” โค้งตัวเป็นการคำนับก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วเดินหายไปยังประตูทางออก
“เชิญทางนี้ครับ” หมิงซื่อผายมือเชิญเจ้านายเดินไปอีกฝั่งของสนามบินแทนการไปเช็คอินเคาน์เตอร์เพื่อเตรียมขึ้นเครื่อง หิรัญเดินนำไปยังฝั่งด้านซ้ายของสนามที่เป็นประตูทางออกไปยังชาย 2-3 ที่ยืนกุมมือประสานกันมาด้านหน้าและก้มหน้าเล็กน้อยยืนเรียงแถว
“รถของโรงแรมจอดด้านนี้ครับ เชิญเจ้าสัวไปพักผ่อนได้เลย”
ทุกอย่างถูกเตรียมการไว้อย่างดี หิรัญเดินนำหน้าขึ้นรถของโรงแรมไปอีกครั้ง ทุกอย่างที่แคลงใจมานานหลายปีคราวนี้มันคงกระจ่างไม่มากก็น้อย